เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Scarlet (แดงดั่งวอดไวน์)sheisbreathing.
ภาคหนึ่ง: วอดวาย II After Sunrise In The Room Without Shining.
  • CHAPTER II

    After Sunrise In The Room Without Shining

     

     

    เมื่อรุ่งสางชะล้างเราอีกครั้ง

    ประทินสิ้นทิ้งทุกการสั่นไหว

    กลั้วรสชาติคอนญักลงลำไส้

    สิ้นสลาย ไม่เหลือแม้แต่เศษ

    หากนับตั้งแต่สนธยาลับแสงอาทิตย์อัสดง ห้องแห่งสมาคมตรงตรอกซอยทางทิศใต้ของเบอร์มิงแฮม ราตรีแห่งจันทร์เดือนแรมและทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ด้วยกัน คืนนั้น มันจะหมดสิ้นไปจนไม่เหลือชิ้นดี สีสันของวสันต์ฤดูจะเริ่มถูกแต่งแต้มตามบาทวิถี ความเขียวขจีของใบหญ้าที่สะท้อนลงบานหน้าต่าง หนุ่มสาววัยสะพรั่งจะร่วมจูบพลอดรักกันกลางพงหญ้า มีดอกไลแลค[1]และไฮยาซินธ์[2] แต่สันดานความเคยชินของผู้คนนั้นยังไม่เลือนหายไป

    โอ... เอ็ดมันด์

    ห้องใต้ดินของเขา ที่นี่ไม่มีแสงส่อง อาศัยเพียงเชื้อเพลิงตะเกียงที่พึ่งมอดดับ หมอนั่นกำลังหลับใหล เส้นผมสีน้ำตาลไหม้ไกล่เกลี่ยอยู่บนใบหมอน ใบหน้าแสนละอ่อนครึ่งซีกจมหายไป ฝีปากเผยออ้าน้ำลายไหลอาบเปื้อนหมอนด่าง ผมเห็นแล้วจึงนึกขำขืน ไม่ฝืนความเอ็นดูที่มีต่อเขา ผมยื่นมือออกไป แตะสันจมูกเอ็ดมันด์แผ่วเบา แล้วจากนั้น ผมก็รู้สึกถึงสิ่งที่ไม่ควรจะตกลงไป จินตนาการว่าเรากำลังยืนอยู่ตรงหน้าผา ข้างล่างนั่นคือผืนน้ำสีมรกตมองเห็นถึงก้น นึกอยากจะโดดลงไป แต่ก็ไม่ ผมชักมือกลับ เราจะตื่นขึ้นมาเป็นคนเดิมที่คล้ายจะดูใหม่ ด้วยกลลวงของรุ่งสางทุกฤดูจึงทำให้เราต่างรู้สึกเช่นนั้น แต่แท้จริง กษัตริย์ยังมีอำนาจ ไวน์มิอาจเปลี่ยนเป็นน้ำ และค่ำคืนคือประเพณีของฆาตกร เพราะเรายังคงเป็นเราเฉกเช่นเดิม เขาไม่ใช่ประเภทที่น่าหลงใหล แต่เป็นอย่างอื่น ซึ่งผมก็ไม่คิดจะค้นหาความลับบางประการที่เขาเก็บซ่อนไว้ด้วย

    ย้อนกลับไปที่อีเดน และย้อนกลับไปอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ผมกำลังยืนรับลมบนเรือใหญ่จากท่าเรืออเมริกา มองฝูงนกนางนวลบินโผถลาเหนือคลื่นมหาสมุทร ความพิสุทธิ์ของท้องฟ้าทำให้ผมคิดถึงบ้านชั่วขณะ ส่วนเอ็ดมันด์ คงจะทำอะไรสักอย่างซึ่งตัวผมนั้นก็ย่อมไม่มีทางรู้ได้ หมอนั่นอาจกำลังดื่มริกาสักแก้ว คอนญักเถื่อนสักโหล่ หรืออาจจะกำลังเล่นไพ่บนถังเหล้าเปล่าๆ กับลุงหาบควันปากคาบซิการ์ที่หน้าโรงพิมพ์สักแห่ง หรืออาจจะกำลังสาปแช่งบางอย่างที่พรากทุกสิ่งไปจากหมอนั่น เอ็ดมันด์จะทำอะไรก็ตาม ผมจะเป็นเช่นไรก็ตาม รุ่งสางได้ชะล้างเราจนสิ้นไป เขากำลังนอนหลับและผมจะวางเงินไว้ เราทั้งคู่ต่างจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ในฐานะคนแปลกหน้าที่เราเคยร่วมเตียง

    ถึงกระนั้น ผมซึ่งเคยมีความคิดที่จะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า ตามเจตนำจงเดิมที่เคยตั้งมั่น แต่หลังจากเก็บกระเป๋า (ที่เพียงแค่ปิดมันซะ) แล้วเดินออกมาจากตรอกซอยนั่น ความปวดร้าวเริ่มปรากฏตามกระดูกสันหลัง ความปวดหนึบของช่องทวารสังวาสที่หลงเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า มิหนำซ้ำ ศีรษะก็เหมือนใกล้จะระเบิดเดี๋ยวนี้แล้วด้วย แล้วไหนจะมีตกตะกอนบางอย่าง สิ่งนี้สิ่งเดียวที่รุ่งสางมิอาจชะล้างได้ นั้นทำเอาผมตระหนักถึงความเหลวแหลกของตน แล้วก็นึกขวยเขินการกระทำเมื่อคืนขึ้นมา นายทำตัวโหลยโท่ยเลวร้ายลงไปแล้ว ชาร์ลี ผมพูดกับตัวเองเงียบๆ แต่ก็ ใช่ ผมกับเอ็ดมันด์ เราสองเกย์มีค่ำคืนที่ดี ผมไม่ปฏิเสธใดใด ไอ้เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนนั่น มีความสุขเหลือเกินที่ได้เอาของตนทะลวงล้วงเข้ามา ซึ่งยามนั้น ผมครางกระเส่าไปด้วยความพิศวาสท่ามกลางความรวดร้าว ปวดหนึบ และจนเกือบสังขารจะวายวอดเพราะเสร็จสมไปหลายครั้งหลายครา

    แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดของค่ำคืนยาวนานเพียงพริบตานั้น เอ็ดมันด์ยังมีกำลังที่จะสะพรั่งได้มากกว่านี้ ผมมีเพียงคืบ ตัวเขาสามารถทำได้มากถึงศอก ผมนึกอยากจะกลอกตาทุกคราที่หมอนั่นอ้อนวอน “ตัวนายน่ะ ไม่เหนื่อยบ้างรึ” ผมเสียดสีไอ้หนุ่มเหนือร่างผม ในขณะที่พยายามจะสรรหาคำด่าเขา แต่ เหนื่อย ราวกับว่าคำคำนั้น ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมฉบับอังกฤษหรือฝรั่งเศสของเขาเลยสักนิด ซึ่งมันทำให้ผมสมเพชตนเองเกินไป อยากจะพูดว่าให้เขาหยุดแต่กลับพูดไม่ออก เป็นเกย์เฒ่าที่ยังมีอารมณ์ คารมคมคายนับว่ายังพอใช้ได้ แต่ทั้งมิอาจสนองความต้องการตนได้เพียงพอ ทั้งมิอาจสนองเอ็ดมันด์ได้มากเท่าที่เขาต้องการ แต่แน่นอน ว่าผมยังมีอารมณ์ในครั้งที่— เท่าไรรึ? (ณ ตอนนั้น ผมคิดเพียงแค่ว่าไอ้การแหวกขาเช่นนี้ คงได้เดินซวดเซไปยังสถานีในวันพรุ่งนี้เช้าแน่) ผมก็เริ่มอิดโรยเกินกว่าจะไหวทน สีหน้าทุกข์ระทมจนหมอนั่นนึกสงสาร

     

    Reed, can I?

    Reed, one more

    Reed, ...Stay

     

    ผมไม่ลืม ว่าเอ็ดมันด์มีสีหน้าอย่างไรในตอนพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะผล็อยหลับไป โหยหา เวทนา น่าสงสาร แล้วผมก็รู้ทุกอย่างตั้งแต่แรกเสียก่อนทุกอย่างจะเริ่ม การแต่งเติมเสริมแต่งของสถานการณ์ของหมอนั่น สัมผัสพิสดารและความผิดปกติในจิตใจของเอ็ดมันด์ ทั้งเขาและผมนั้น ต่างก็ไม่มีอะไรเป็นของแท้ โดยเฉพาะตัวเขาเอง —ที่นี่ ชุมชนที่แออัดไปด้วยผู้คน แล้วก็ร้างในยามค่ำคืน ห้องใต้ดินซ่อนซึ่งสมาคมลับๆ ไม่มีใครสักคนชื่อเอ็ดวิน่าทั้งสิ้น เอ็ดมันด์เขากำลังโกหก หนุ่มอิตาลีคนนั้น กลาสเซีย ก็คือชู้ของเขาเอง กรีซ หนุ่มอังกฤษยอร์กเชอร์ผู้นั้น อาจจะเป็นคนที่หมอนั่นรักสุดหัวใจ รักแรกที่ฝรั่งเศสของเขาก็เป็นเรื่องจริง หมอนั่นมีความรักอย่างแน่นอน แต่แม้เพียงเศษเสี้ยวก็ล้วนไม่เคยได้รับการตอบกลับมา หมอนั่นมีเซ็กส์กับใครสักคนที่มีผมสีดำแล้วอาจจะเมากัญชา พลั้งเผลอเพ้อพูดว่าหนุ่มผมสีดำทุกคนบนโลกคือคนรักของเขา

    อ่า... รถไฟใกล้ออกแล้ว

    ผมลืมตาตื่นใต้ใบหมวก

    ผมเห็นเพียงช่วงครึ่งตัวของเหล่าบุรุษตรงหน้า พวกเขากำลังแบ่งบุหรี่ให้กัน มีคนหนึ่งกำลังถือกลักไม้ขีดไฟและทำท่าจะจุดมัน จากนั้นก็ชะงักไปราวกับว่ากำลังเวทนาตนหรือนึกอิจฉาขึ้นมา เมื่อใครอีกคนหนึ่งยื่นไฟแช็กมาจุดให้

    กับการแบกสังขารเช่นนี้มาที่สถานีนั้นเป็นเรื่องยากเหลือเกิน ผมเผชิญกับความทรมานในระหว่างทาง หากแต่ถ้าไม่ใช่เพราะสถานีรถไฟลอนดอนและเบอร์มิงแฮม[3] คือที่นี่ และผมกำลังอยู่ที่ชานชาลา ก็ไม่อยากเชื่อสายตาว่าผมจะมาที่ไหวได้ วินาทีถัดมาไม่เชิงว่าฉับพลันทันใด ผมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างเนิบช้า ซึ่งนั่นมากพอจะมองเห็นเหล่าบุรุษตรงหน้าเต็มตัว เขากำลังสูบบุหรี่กัน และก็มากเกินพอจะเห็นสุภาพสตรีเยื้องออกไปทางด้านซ้าย ผมหันไปทางด้านขวา ตรงท้ายขบวนปรากฏนายสถานีส่งเสียงตะโกนร้องอีกครั้ง “รถไฟกำลังจะออกแล้ว” กรรมกรแบกของผู้โดยสารขึ้นบ่าไหล่พลางเอ่ยถึงบ่าข้างหน้าตน “ไอ้บัดซบนี่ มัวชักช้าอยู่ได้” เนื่องด้วยเหตุนี้ ผมจึงไม่สามารถเอ้อระเหยเชยคอระหงสูดอากาศเบอร์มิงแฮมครั้งสุดท้ายได้อีกแล้ว ฝีเท้าคู่นี้ย่างก้าวกระโดดขึ้นขบวนได้ทันเวลา

    “ขออภัย”

    ผมเอ่ยขึ้น เมื่อแผ่นหลังตนสัมผัสได้ถึงการกระทบกระเทือนของแผ่นหลังผู้อื่น

    ยามปะหน้า เขาไม่ตื่นตระหนกใดใด มิหนำซ้ำ ยังผายมือมอบปลีกทางสะดวกให้ “เชิญคุณ” เขามีผมสีบลอนหม่นแสง นัยน์ตาสีแดงฉานประกายเสมือนเป็นริ้วเพลิง ราวกับแก้วไวน์กำลังวอดวายท่ามกลางความพินาศของงานคืนสู่เหย้า แผดเผาทุกประการให้มอดไหม้จวนใกล้ทลายฉิบหาย จนสุดท้าย เมื่อมอดดับก็ไม่เหลือชิ้นดี

    “ขอบคุณ”

    สการ์เล็ตคู่นั้น เมื่อผมสบตา ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกคล้ายจะถูกฉุดหายไปหลังม่านแดงนั่น ถูกขยำยีบดขยี้อย่างไม่บันยะบันยัง ราวกับรู้สึกได้ถึงแส้ที่ฟาดลงมาตรงกลางหลังราวกับเป็นสิงโตตัวหนึ่งในโรงละครสัตว์โสมมหรือความใหญ่โตของกองทัพเหนือฟ้าทิ้งระเบิดลงมากลางกบาล ผมนิ่งงันไปเนิ่นนานจนสัมผัสไม่ได้ถึงความแปลกประหลาดไร้สีวิทัศน์ มาถึงตอนนั้น ผมก็รู้สึกตัวได้ว่าเขาก็กำลังสบตากับผมอยู่เช่นเดียวกัน ผมหวาดหวั่น และเขาก็กรีดยิ้มพิสดารอย่างงดงามแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อ่อนโยนแผ่ซ่าน ในขณะเดียวกันก็ร้ายแรง

    สการ์เล็ตคู่นั้น

    แดงฉานราวกับวอดวาย

     

     

    Author @sheisbreathing

     

     

    เชิงอรรถ

    1. ^ ไลแลค (Lilac) ที่มีความหมายว่าสีม่วง ซึ่งไลแลคในที่นี่มีความหมายแฝง โดยเป็นตัวแทนเอ็ดมันด์มีความรักครั้งแรกที่ฝรั่งเศส 
    2. ^ ไฮยาซินธ์ (Hyacinth) ในที่นี่มีความหมายแฝงเช่นเดียวกัน เป็นตัวแทนของชีวิตเอ็ดมันด์ที่รับบทเป็น อพอลโล่(Apollo) ที่หมายปอง ไฮยาซิน(Hyacinthus) แต่เพราะความรูปงามของไฮยาซิน จึงมีผู้อื่นหมายปองเช่นเดียวกัน  
    3. ^ London and Birmingham Railway (L&BR )

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in