เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Scarlet (แดงดั่งวอดไวน์)sheisbreathing.
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ภาคหนึ่ง: วอดวาย I The Searcher Of Birmingham.
  •  

    CHAPTER I

    The Searcher Of Birmingham

     

     

    แซกโซโฟน คอนญัก[1] และเกย์

    Eden [อีเดน: อุทยานสรวงสวรรค์ของพระเจ้า] ยินดีต้อนรับ”

    ตรงนั้นคือเกย์ ตรงนี้ ก็คือเกย์

    อีเดน อดัมและอีฟ ที่นี่คือเกย์

    “เป็นคนอเมริกันรึครับ?” และใครสักคนนึงเป็นคนถาม แต่แน่นอน

    เขาก็คือเกย์

    เป็นมนุษย์หนึ่งคน และเป็นเท่านั้น

    ผมหย่อนตัวลงนั่ง “วอชิงตัน” เอ่ยราบเรียบ บนเก้าอี้หน้าโต๊ะบาร์

    สนทนาอันราบรื่น จืดชืดและหยาบคาย สหายบาร์เทนเดอร์ผู้มีดวงตาเป็นประกายพยักหน้าเข้าใจพร้อมวาดรอยยิ้มต้อนรับ แต่หลังจากเขาถามด้วยสำเนียงบริทิชและผมก็ตอบด้วยสำเนียงอเมริกัน เขาก็ไม่เอ่ยสิ่งใด นอกจากเช็ดแก้วไวน์ในมือนั่นต่อดังเดิม และในวินาทีต่อมา อย่างรวดเร็วทันใด “เอิง ริกา[2] [ริกาหนึ่งแก้ว]” จากแขกใหม่ใครสักคน ผมหันไป เรือนผมสีน้ำตาล นัยน์ตาวัยละอ่อน กับการแต่งกายอย่างคนสลัมเช่นนั้น ซึ่งมาพร้อมกับการแบกสังขารอันธพาล หมอนั่นมาพร้อมกับการพกลมหนาวเบอร์มิงแฮม

    ที่นี้ ที่อังกฤษ มื้อค่ำสนธยาในวันถัดไปก็ใกล้สิ้นฤดูเหมันต์อีกหนึ่งวัน ทว่าข้างนอกนั่นยังเต็มไปด้วยห่าพายุ ลมหนาว ขยะเลวๆ อีกเป็นกอง ความอดอยากพรากชีวิต ความร่ำรวย ไวน์ ผู้คนและอาชญากร

    หมอนั่นเสียมารยาทหันมายิ้มให้กับผม “ขออภัย” เขาว่า

    ผมถอดหมวกวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ถือสาใดใดกับเขาเลยแม้แต่น้อย หากแต่มีบางสิ่งลอยคล้อยเข้าจมูกของผม คราวนี้ผมเกือบจะจามแต่ก็ไม่ “คุณมาทำอะไรที่อังกฤษ ดูไม่เหมือนมาเที่ยวเลยนะ” เขาถาม พลางปัดเศษขนแมวบนตัวออก

    “สืบคดี” ผมว่า

    อ่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์” เขาเข้าใจโดยทันใด “คุณเป็นตำรวจรึ?”

    “ไม่” ผมเอ่ยขึ้นทันควัน ประสานมือลงหน้าตัก เอนสันหลังอันขดแข็งรวดร้าวนี้ไปกับพนักพิงไม่กี่ส่วน ส่วนที่เหลือคือความว่างเปล่า และการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกย์เฒ่าจากโต๊ะด้านหลัง “ไม่ ผมเป็นได้มากกว่านั้น”

    หมอนั่นเงียบไปสักพัก “เอ เบียง [เอาล่ะ] คุณจะเป็นอะไรก็ช่างเรื่องของคุณ แต่ในฐานะผมเป็นเจ้าบ้านที่นี้” เขาพูด ควักบุหรี่มวนสุดท้ายขึ้นมาคาบเอาไว้ หันไปทางเชิงเทียนซึ่งประกายสั่นไหวตั้งไว้ไม่ใกล้ และให้แผดเผาเชิญชวนหวนคืนวันวานค่ำคืนแห่งความเมามาย ควันเงินชโลมย้อมใบหน้าอันคมคายให้เขากลายเป็นบุคคลปริศนา บาร์เทนเดอร์ผู้เต็มประกายในดวงตาวางที่เขี่ยบุหรี่แก้วใบหนึ่งมาไว้ตรงหน้าหมอนั่น “คุณควรลองคอนญักที่นี่ดูนะ คุณนักสืบ” เขาเสนอ เศษขี้เถ้าร่วงโรย

    ผมสบตากับเขาอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก หลุบตาลงมองบุหรี่ราคาถูกๆ ในมือหมอนั่นพิจารณา หลายสิ่งหลายอย่างซึ่งรายล้อมท่ามกลางผมนี้ ความพิศวาสและความพิศาล[3] บางสิ่ง และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ผมไม่มีเหตุผลอะไรให้โต้เถียงถามไถ่ว่าเหตุใด จึงนึกเสนอขึ้นมาอย่างไร้แก่นสารเช่นนี้ บทสรุปสุดท้าย คือพยายามไม่ทักท้วงนึกสงสัยอะไรในตัวไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนนั่น สักพัก ผมสบตากับเขาอีกครั้ง และหลังจากนั้น ผมทำแค่เพียงหันไปส่งสายตาให้กับบาร์เทนเดอร์ ดวงตาคู่นั้นเสมอเหมือนทั้งจักรวาลช้างเผือกเหนือชั้นหมู่ดวงดารา เขามองมาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ราวกับรู้หน้าที่หลังจากนี้จากสนทนาอันเหลวแหลก บอกกับเขา ผมไม่ปฏิเสธคำแนะนำของหมอนี้โดยไร้สรรพเสียงเพียงส่งสายตา เพราะฉะนั้น ขอเป็นคอนญักรสชาติส้วมหนึ่งโถ

    ของเถื่อนที่นี่ มีอะไรพิเศษรึ” ผมถาม

    เขาตกตะลึงพรึงเพริด คิดพิศวงเสียจนสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เป็นเช่นนั้นนานเสียจนปลายขี้เถ้าหนักเกินกว่าจะแบกทนร่วงหล่นลงมาเอง หมอนั่นคลับคล้ายคลับคลาประหลาดใจที่ผมรู้ว่าที่แห่งนี่ ทั้งบรั่นดีที่รสชาติเหมือนส้วม ทั้งเขาและผม ต่างก็ไม่มีอะไรเป็นของแท้ เว้นแต่แหวนทองวงนั้นที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาและความเป็นเกย์ของทุกคนที่นี้ นั่นรวมถึงผมและเขาด้วย ความเงียบนี้เกิดขึ้นได้สักพัก หมอนั่นก็ทำให้ปมเชือกทุกเส้น ริ้วรอยความสงสัย และความยุ่งเหยิงของเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติอย่างเชี่ยวชาญ “Well, ของเถื่อนที่นี่รึ?” เขาหัวเราะ ไหวไหล่อันผ่าเผย “ที่นี่คือย่านสลัม เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้น แต่เพราะว่าผมเคยดื่มอยู่ครั้งหนึ่ง คนเดียว อึกแรกก็รสชาติเหมือนส้วม อึกครั้งต่อๆ ไปก็‒” เขาหยุด “...ก็ทำให้ผมหวนนึกถึงรักแรกพบที่ฝรั่งเศส จะหาความพิเศษจากเครื่องดื่มรสชาติคล้ายส้วมนี้ล่ะก็ มีเท่านี้แหละที่มีดี อ้อ ราคายังถูกใจคนไส้แห้งอย่างผมด้วย” เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใบหูของผมอย่างกระชดกระช้อย “ของดี ไม่ควรบอกใครต่อใคร” ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจผิดจังหวะ ร้อนรุ่มและระอุประทุดั่งหน้าร้อนปรากฏผิดฤดู

    ผมหันไปยิ้ม “นายกำลังทำแบบนั้นอยู่”

    เราต่างเป็นภาพสะท้อนในดวงตากันและกัน

    กับบางสิ่งแปลกประหลาดแต่ต่างไม่มีผู้ใดประหวั่น

    จากนั้นเขาก็ยิ้มและเสแสร้งแกล้งหัวเราะ “แนะนำคุณน่ะเหรอ แน่นอนว่าผมต้องแนะนำคุณอยู่แล้ว ก็คุณดูเหมือนจะมาฝังทั้งรากทั้งโคนที่นี้เลย กิน ดื่ม นอนและตายที่นี้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไรหรอก เว้นแต่ว่าที่นี้หนาวเกินไป โสมมเกินไป แต่ก็สวยงามจนน่ากลัวเกินไป คุณจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ที่นี่รึ?” เขาหยุด “เบอร์มิงแฮม” แต่ทว่ายังไม่ทันได้ตอบรับถึงการถามคำถามนั้นไป เราต้องต่างเสียสละประกายในดวงตาตนเป็นสิ่งอื่น บาร์เทนเดอร์ยืนอยู่ตรงหน้าเรามาโดยตลอด วินาทีนี้มาพร้อมกับริกาแก้วนั้นซึ่งเป็นของเขา กับคอนญักแก้วนี้ซึ่งเป็นของผม เขากระดกดื่มอย่างคุ้นเคย ไม่ดอมดมละเมียดละไมหรือระมัดระแวงใดใดทั้งสิ้น ลิ้มรสอย่างเคยชินไร้ศิลปะมารยาทชั้นเชิงแบบผู้ดีอังกฤษเหล่านั้นเขาทำกัน

    “ลอนดอน” ผมเอ่ย “สัปดาห์หน้าผมจะไปลอนดอน”

    เขาพยักหน้าเข้าใจ วางแก้วริกาลงเสียงเบา “เฌ กงพรี [เข้าใจแล้ว] ” หมอนั่นสั่นหัวไม่หยุดแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขากำลังเข้าใจ เลียริมฝีอันแห้งผากลิ้มรสที่ตกร่องให้หมดจด “ผมเอ็ดมันด์ เบิร์ก” เขาพูด

    ชาร์ลี รีดด์

    เวียง! [มาเถอะ!] ผมจะพาคุณไปที่ดีๆ สักที่” เอ็ดมันด์ หมอนั่นวางเงินไว้มากพอจะจ่ายให้เราทั้งคู่ ส่วนหนุ่มบาร์เทนเดอร์กล่าวส่งลาด้วยอันประโยคดาษดื่น จืดชืดและสุภาพ “สายันต์สวัสดิ์ มาสเตอร์”

     

     

    คืนนี้เบอร์มิงแฮมเงียบสงัด

    วสันต์ฤดูก็ใกล้เข้ามา

    แต่เหมันต์ไม่มีทีท่าว่าจะลา

    อีเดนเริ่มลับตา แสงสว่างจากบาร์เริ่มเลือนหาย จนสุดท้ายก็ถูกแนวโค้งมุมตึกที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นเดียวกันบดบังและหายไป เอ็ดมันด์กำลังเงยหน้าปะทะราตรี มองบางสิ่งราวกับถูกดลบันดาลใจ โคมไฟเหนือบาทวิถีหนึ่งดวงเทียบเท่าได้เพียงตัวหิ่งห้อย แต่ยังส่องสว่างมากเกินพอจะชโลมให้เห็นรอยฝีเท้าข้างหน้า และก็ยังสว่างมากพอที่จะย้อมให้ดวงตาเอ็ดมันด์เป็นสีแอมเบอร์

    เพราะเบอร์มิงแฮมไม่เคยร้างผู้คน จึงเหมือนมีกลลวงตามประสงค์ของใครสักคนขจัดผู้คน ณ ที่แห่งนี้จนเหลือเพียงแค่เราสอง เอ็ดมันด์หันมายิ้มให้ผม เขาบอกกับผมว่าเลี้ยวซ้ายข้างหน้านี้ก็จะถึงแล้ว จนกระทั่งเรามาถึงทางตัน ด้านขวาของตึกหลังสุดท้ายมีบานประตูโกโรโกโสบานหนึ่ง เขาลั่นดาลและเปิดออกมาปรากฎเป็นบันไดทางลง หมอนั่นพาผมมาที่ห้องใต้ดินลึกเข้ามาในตรอกซอยหนึ่งทางทิศใต้ของเบอร์มิงแฮม เสียงพรวนกระดิ่งยังไม่ทันสงบดี กลับมีสตรีมากหน้าหลายตาพรูเข้ามารายล้อมเขาอย่างพิศวาส การกระทำชดช้อยของเขาทำเอาหญิงเหล่านั้นติดอกติดใจส่งเสียงสนั่นลั่นแบบเพื่อนสาว เหล่าหล่อนๆ เมามายไปกับกัญชา ไวน์เถื่อน และรอยยิ้มของเอ็ดมันด์ที่ไม่หลงเหลือแม้แต่คราบอันธพาลเหมือนเมื่อครู่นี้อีกแล้ว

    “ช่างพวกหล่อน ตามผมมา”

    “เป็นหม้ายกันทั้งหมดเลยรึ” ผมไม่ได้จะถามหรือต้องการคำตอบจากใครทั้งสิ้น นับตั้งแต่พรวนกระดิ่งดังขึ้น นั่นก็มากพอจะรู้ ว่าที่นี่คือสมาคมรวมตัวกับเพื่ออะไรสักอย่าง ที่นี่ มีแต่สตรีเพศแม่ วัยสะพรั่งจวบจนวัยเหี่ยวเฉา แหวนหรือของต่างหน้าสามีนับว่ายังไม่เก่าจนมัวหมอง แหวนทองยังเรืองรอง ทับทิมยังแดงเย้ายวน กะรัตเพชรยังจรัสวาวโรจ พวกหล่อนพึ่งแต่งงานและสามีก็ตายในสงครามเมื่อสองปีก่อนแน่นอน และนับตั้งแต่สองปีที่ผ่านมา อาชญากรฉิบหายตัวนั้นก็ปรากฏ เอ็ดมันด์ได้ยินเช่นนั้น ความใสซื่อเกินจะบรรยาย อย่างไรก็ตามก็บอกได้ว่าเขาไร้เดียงสา

    “คุณรู้” หมอนั่นพิศวงสงสัย

    ผมสบตากับเอ็ดมันด์ “ผมรู้”

    “มีเรื่องอะไรที่คุณไม่รู้บ้างรึ”

    เอ็ดมันด์จ้องมองผมนิ่ง รอคอยน้ำและน้ำเปลี่ยนเป็นไวน์ ซึ่งระหว่างเราและเรา ไม่มีสิ่งเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนผัน หรือไม่อย่างนั้นก็เหือดแห้งราวกับไม่เคยมีอยู่ เขายกยิ้มเก้อ มิหนำซ้ำยังเสแสร้งสร้างเสียงหัวเราะ ฉอเลาะ ประจ๋อประแจ๋ปากหวานเอ่ยว่าเมื่อครู่นี้ ก็เพื่อการขบขันก็เท่านั้น เอ็ดมันด์รู้ตัวเองดีว่ากำลังเผลอไผลไปกับเรื่องที่ไม่ควรสอด แม้ว่าผมจะไม่ได้อึดอัดแต่ก็ไม่รู้ว่าควรตอบเขาไปเช่นไรดี และจนบั้นปลายของเหตุการณ์ หมอนั่นก็ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้งหนึ่ง โบกไม้โบกมือและบอกให้ผมเดินตามเขาไป จนกระทั่งเขาหยุดยืนที่หน้าประตูบานหนึ่ง ส่วนผมนั้นก็ห่างออกมาจากเขาเพียงช่วงไหล่แคบๆ “เอิง แนงสตรอง [รอแป๊บนึง] ” หมอนั่นล้วงหากุญแจอยู่นานสองนานที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย แต่ผมเห็นประกายกุญแจดอกนึงอยู่ฝั่งด้านขวา เขาถนัดซ้ายแต่เก็บกุญแจไว้กระเป๋ากางเกงขวา ซื่อบื้อ ใสซื่อและไร้เดียงสา กลอนฝืดอัตคัดอยู่พอสมควร เอ็ดมันด์ใช้เวลาสักพักหนึ่งในการไข “ตัลเลวู ดาบอร์ [เชิญคุณก่อน] ”

    ผมสัมผัสได้ถึงความอับชื้นของเสื้อผ้า

    ความเหม็นสาบของขี้เถ้า

    และความเหี่ยวเฉาของชีวิตเอ็ดมันด์

    มาถึงกลางห้อง ผมกำลังจะหันไปมองหาตัวตนของเอ็ดมันด์ ที่นี้เงียบงันผิดแปลกจากเมื่อครู่นี้เกินไป และความเงียบเป็นใบ้นี้ น่ากลัวว่าจะเป็นลานฆาตกรรมชั้นยอดได้ ถึงผมจะคิด แต่ไม่ เอ็ดมันด์ไม่มีมีดหรืออาวุธใดใด เขาเป็นเพียงหนุ่มเกย์เฉกเช่นวินาทีแรกที่ได้พบกัน ซึ่งกำลังมองออกไปตรงทางเดินข้างนอกนั่น จากนั้นประตูก็พลันปิดสนิททันใดและเขากำลังจะลงกลอนประตู ลมหายใจซึ่งผิดจังหวะ ประกายในดวงตาสีแอมเบอร์อันเพริศพรายของเขาและความน่ากลัวพิสดารบางสิ่ง อีกชั่วประเดี๋ยวเดียวทุกเรื่องราวจะเป็นเพียงความลับที่เกิดขึ้นในห้องใต้ดินทางทิศใต้ตรอกซอยหนึ่งของย่านสลัมเบอร์มิงแฮม ระหว่างผมและเขา

    “เอ็ดวิน่า” เขาหยุด “หล่อนชอบลืมเคาะประตูอยู่เรื่อย”

    ไม่รวมถึงพวกหล่อนๆ หม้ายข้างนอกนั่น และไม่รวมถึงเอ็ดวิน่า เอ็ดมันด์พูดจบได้สักพัก ผมไม่เอ่ยสิ่งใด และเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “มีอยู่วันหนึ่ง เธอเมาจนขาดสติถึงขั้นที่ว่ามองเกย์อย่างผมเป็นสามีของเธอ เธอรู้อยู่แก่ใจ เธอบอกว่าผมมีผมสีดำเหมือนคนอิตาลี แต่น่าตลก กรีช สามีหล่อนเป็นคนยอร์กเชอร์[4] แต่คนที่หล่อนพูดถึงคือ กลาสเซีย เป็นชู้มาเฟียอิตาลีของหล่อน เขามาหาหล่อนบ่อยๆ ช่วงที่กรีชไปลอนดอน แต่สุดท้ายเธอก็ถูกทิ้ง มารู้ตัวอีกที เขาเก็บกระเป๋ากลับปาแลร์โม[5]ไปแล้ว” เขาเล่าเกินจำเป็น “แต่พอถึงรุ่งสาง เอ็ดวิน่าก็ตื่นขึ้นที่เตียงผม ส่วนผมก็ตื่นที่เตียงเอ็ดวิน่า เราไม่ได้ทำอะไรกันทั้งนั้น คุณคงเข้าใจใช่ไหม” เอ็ดมันด์พูด ถอดเสื้อคลุมซึ่งเคยพกลมหนาวมาที่อีเดนนั้นแขวนทิ้งไว้ที่พนักพิงโซฟาหน้าเตาผิงซึ่งฟืนมอดไหม้คงไว้เพียงขี้เถ้าเศษฝุ่น

    ผมถอดหมวกและวางไว้บนกระเป๋าเดินทาง สยายผมทมิฬคลายจนสิ้นความสังกะตัง

    “ที่อีเดน ผมไม่ทันสังเกตเห็น” เขาหยุด "รีดด์- ผมคุณยาวมาก”

    ผมมองเข้าไปในตาของเอ็ดมันด์ แอมเบอร์นั่น “แย่รึ?” ผมถาม

    หมอนั่นทำท่าจะยื่นมือเข้ามาจับ “ไม่เลย รีดด์ ผมคุณสวยมาก”

    “อย่าจับเลย” ผมไม่ลังเลที่จะพูดห้าม “สกปรก ผมควรจะอาบน้ำ”

    “ตรงทางนั้นเป็นห้องน้ำ ข้าวของมีครบทุกอย่าง คุณใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจอะไรเลยนะ”

    ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเราต่างก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจของความเงียบนี้ สักพักหนึ่ง เอ็ดมันด์เดินลากขาอย่างเชื่องช้าตรงมานั่งที่เตียง เหยียดปลายเท้าจากนั้นก็เอาส้นตั้งชัน เอนหลังเพียงเล็กน้อย ผืนผ้าตึงคล้อยตามแรงฝ่ามือที่เขาเสือกไถ่ไล่ลงไป จากนั้นก็ใช้แขนแกร่งกล้าทั้งสองค้ำกายเอาไว้อย่างยึดมั่น ถึงกระนั้น เอ็ดมันด์ก็ยังจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตา ในขณะที่ผมกำลังค้นข้าวของในกระเป๋า เขาราวกับมีคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ คำถามที่ตั้งขึ้นเพียงแค่สงสัยแต่มิได้แสวงหา ยินดีที่จะสงสัยอยู่เช่นนั้นต่อไปโดยไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดเพื่อสนอง “เราดื่มกันดีไหม” เขาเสนอภายใต้แสงตะเกียง

    “ไม่เอาของเถื่อน” ผมพูดติดตลก

    “แน่นอน” เขาหยุดยิ้ม “ของเถื่อน”

    ท่าทียิ้มแหย่หมอนั่นทำผมหัวเราะ

    และด้วยเหตุนี้ หมอนั่นจึงสอดมือลงไปใต้หว่างขาหยิบคอนญักเถื่อนในโหลแก้วขึ้นมาจากใต้เตียง แสงตะเกียงสาดทอลอดผ่านความอำพัน และย้อมซีกใบหน้าอันหล่อเหลาของเอ็ดมันด์ รอยยิ้มของหมอนั่น ดูร่าเริงผิดปกติ ซึ่งภายใต้ความมืดมิดและเพียงประกายสะท้อนในดวงตาของเขา มีความพิศวาสแผ่ซ่านอย่างไม่รู้จบ เอ็ดมันด์ทำให้ผมได้กลิ่นอายความเร่าร้อนในเหมันต์ฤดู “โทษที ผมยังไม่ได้ล้างแก้วเลยสักใบ” เขาพูด “กินด้วยกัน คุณคงไม่ถือสาว่าอะไรใช่ไหม” ผมชะงัก หันไปตรงทางเดิน และเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อมองลึกเข้าไป ตรงนั้นคือห้องครัวที่อ่างล้างเต็มไปด้วยกองพะเนินเครื่องจานและหม้อโสโครกใบหนึ่ง แล้วความจริงการเป็นอยู่ของเขาก็ถูกเปิดเผย หมอนั่นใช้ชีวิตอับจนได้ด้วยสับปะรดกระป๋อง ความเหี่ยวเฉาของชีวิตเอ็ดมันด์

    ผมหันมาสบตาเขา ยื่นมือไปหยิบคอนญักในมือเอ็ดมันด์

    “นายคงไม่ได้เลี้ยงหนูท่อไว้ใต้เตียงหรอกนะ” ผมว่าเหน็บ

    “ไม่เลี้ยง เว้นแต่ว่ามีวิ่งเพ่นพ่านบ้างบางครั้ง” เขาหลุดยิ้ม

    ผมจับพิรุธเขา พลันรู้สึกลังเลขึ้นมา ครั้งนี้หมอนั่นจะพูดความจริงแสนสกปรกชวนขยาดหรือการเท็จเย้าแหย่ ผมใคร่รู้ พลิกโหลแก้วในมือพิจารณา คอนญักสีอำพันในนั้นกระฉอกเป็นคลื่นไหลตามแนวโค้ง จากนั้นผมจึงตระหนักได้ ว่ากำลังมีท่าทีโผงผางเหลือเกิน จึงเหลือบมองเอ็ดมันด์ที่กำลังกลั้นยิ้มกลั้นขำอยู่ มิหนำซ้ำ ยังเม้มปากแน่นเก็บลมจนแก้มป่อง อาจเพราะด้วยผมจ้องมองเขาด้วยสีหน้าเหยเกที่ไม่รู้เป็นเช่นไร เขาจึงหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด “พรืด ฮ่าๆๆ ! รีดด์ คุณตลกเกินไปแล้ว” เขากุมท้อง “ไม่ต้องห่วง โหลนี้ผมพึ่งได้มา ฝุ่นยังไม่ทันจับก็อย่าว่าแต่หนูท่อเลย” เขายกมือถือความว่างเปล่าขึ้นมา “ซอง เต้ [ชน] ”

    หมดสิ้นกับความเหยียดหยัน แปรผันกลายเป็นความเสเพลไม่รู้ผิดชั่วดี ฉับพลันทันใด ผมบิดเปิดฝาโหลและยกขึ้นดื่มกลืนอึกใหญ่ รสขมนั้นฝังลึก หวานจืดรสปะแล่มนี้ผลึกกลางลิ้น ร่องลึกและรอยแตกริมฝีปากมิอาจกักเก็บส่วนที่ไหลซึม ก่อนจะหยดย้อยเย้ายวนชวนให้โลมเลียไม่เหลือแม้แต่คราบละออง เอ็ดมันด์มีความสันทัดช่ำชองในการหว่านเสน่ห์แบบเกย์อังกฤษอย่างไม่น่าเชื่อ ลุกขึ้นยืนประชันชิดคว้าฝาในมือของผมไปเลียเสียจนเกลี้ยงหมดจด

    เอ็ดมันด์ “แด่บางสิ่ง ที่คุณแสวงหา”

     

    เราต่างสรรเสริญกับความเป็นจริง

    ความเป็นจริง ณ แห่งนี้ที่เหยียบย่ำ

    ความเป็นจริงที่จากมาแสนไกลโพ้น

    ความเป็นจริงซึ่งกลายเป็นอดีตกาล

    เบอร์มิงแฮม วอชิงตันและฝรั่งเศส

    และสุดท้าย ที่สุดของความเป็นจริง

    ผมและเอ็ดมันด์ต่างก็เป็นเกย์ต่างวัย

     

    เอ็ดมันด์จูบผม ผมจูบเอ็ดมันด์ แล้วหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นคลื่นความกระหายเงี่ยนไม่รู้ตื้นลึก หนาหรือบาง ความชื้นแฉะตามร่องสังขาร ความจัญไรของสรรพเสียงครวญคราง มิหนำซ้ำ ยังมีความแน่นขนัดอัตคัด และความกำหนัดในกามอย่างรุนแรง จนแม้แต่ใครสักคนที่เป็นผู้กำหนดโชคชะตา จะพระเจ้าผีห่าตัวไหน ก็มิอาจกล้าฝืนชะตานี้ได้ เอ็ดวิน่าน่ะหรือ แล้วหล่อนจะสอดมือเข้ามาเพื่อหาเรื่องใส่ตัวทำไม หากหล่อนได้ยิน หากหล่อนเลือกที่จะเคาะประตู เป็นบาปของหล่อนแล้วล่ะที่บังอาจกล้ามาขัดขืน ฝาในมือเอ็ดมันด์ร่วงหล่นลงไปนานแล้ว นับตั้งแต่นั้นมา จวบจนกระทั่งตอนนี้ ก็ยังไม่มีผู้ใดเสียศักดิ์ศรีตนเพื่อการยอมแพ้ แม้อีกประเดี๋ยวเดียวเราทั้งคู่อาจจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ จนในที่สุด ก็มาถึงช่วงบั้นปลายของจูบอันแสนโสมมนี้ที่ถึงคราวต้องสิ้นสุด หยุดเสียก่อนที่เราทั้งคู่จะได้ลงไปนอนในโลงอย่างน่าอนาถสังเวช ในท่าที่กอดรัดพันตู ประวัติศาสตร์จะบันทึกว่าเราตายเพราะจูบรสคอนญัก เศษเดนทั้งหลายแหล่ซึ่งเคยมีอยู่ จะเน็กไทหรือเข็มขัด เอ็ดมันด์คงโยนทิ้งไว้ที่ใดของสักมุมห้องและเขาก็ตรึงผมไว้กับเตียง เสียงเตียงโยกโยนและเสียงแห่งความละโมบราคะของเรียวลิ้นที่โรมรันพันตูเกิดขึ้นอีกครั้ง มันกำลังเกิดขึ้น เอ็ดมันด์กดเอวลงมาเพื่อเสือกไถไปตามเป้ากางเกงของผม ชั้นเนื้อผ้าส่วนในบางๆ เสียดสีไม่มีเสียงหรือเพราะโสตประสาทการได้ยินเริ่มถดถอย เป็นสิ่งอื่นที่รุนแรงสวนทางกันโดยสิ้นเชิง เพลิงร่านราคะและไฟตัณหาพุ่งทะยานขึ้นยิ่งกว่าเก่า มันเริ่มกลายเป็นความรู้สึกที่เกาไม่ถูกจุด เอ็ดมันด์ส่งเสียงครางเป็นระยะ แต่ก็เบาเสียจนไม่เร้าใจ

    ผมสอดนิ้วโป้งดึงปากกดลิ้นของเขา “ส่งเสียง ดังๆ”

    เอ็ดมันด์เลียจนผมรู้สึกได้ถึงความเปื่อยที่ปลายนิ้ว

    “ทำไม นายกลัวว่าจะมีใครมาแอบฟังเราหรือยังไง”

    และแล้วเอ็ดมันด์ก็เริ่มระห่ำแตก กระแทกเอวดันดุ้นแข็งๆ นั่นลงมาอย่างแรงจนผมร้องคร่ำครวญด้วยความรวดร้าวอีกคน แต่เสียงของเขา ราวกับจะแตกสลายได้ทุกยามเมื่อเผลอพริบตา เอ็ดมันด์ไร้เดียงสา ท่าทีที่หมอนั่นกำลังจะก้มลงมาจูบปิดปากผม ผมก็เบียงหน้าหนีซุกจมูกลงแอ่งชีพจรของเขา มันเต้นแรงเหลือเกินราวกับรวดร้าวในงานเต้นรำสีเพลิง

    “รีดด์”

    “What”

    “รีดด์”

    “...Yes”

    ผมเข้าใจ ผมเข้าใจความหมายของเสียงกระเส่านั้น

    ฉับพลัน ว่องไวเสียก่อนที่เปลวไฟจะวูบไหว ถึงยามนั้น ผมก็ผลักไหล่ของเอ็ดมันด์แล้วขึ้นคร่อม ถอดกางเกงตน และตรึงหมอนั่นราบไปบนผืนเตียงเสียก่อน ซึ่งอีกเพียงน้ำตาเทียนสองหรือสามหยดก็จะไม่หลงเหลือสภาพดีดั่งเช่นเดิม เราต่างกอบกุมของผู้อื่นมิใช่ของตน หนึ่งซึ่งเปล่าเปลือยร้อนรุ่ม อีกหนึ่งใต้เนื้อผ้าอันอัตคัดแดดิ้น และหากพ้นขอบกางเกงนี้ไป ทุกอย่างก็จะจบสิ้นและสายเกินกู่กลับ ไปความกระสันย่อมยากจะห้ามปราม ในขณะที่ผมรู้สึกหวามสั่นสมองชา เอ็ดมันด์เริ่มสนองความเงี่ยนของตน ขยี้มือบดคลึงบั้นท้ายของผมอย่างแนบแน่น จิกและฝังรอยเล็บอันแหลมคม ราวกับให้ต้องช้ำเลือดช้ำหนองเสียจนเป็นเนื้อตายกันไป แม้ว่าผมคล้ายจะคล้อยลงไปในห้วงแห่งความพิสดารนี้ แต่เพราะรู้สึกเจ็บที่ถูกย่ำยีจนต้องคว้ามือเอ็ดมันด์มาแนบกับริมฝีปาก ระบายจูบพรมไปทั่วเรียวนิ้ว ความสยิวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังเมื่อหมอนั่นบรรจงปลายนิ้วอยู่ที่ช่องสังวาส แผ่นอกสั่นสะท้าน เข่าที่ยืนคร่อมบนตัวเอ็ดมันด์พลันอ่อนยวบ จนนิ้วของเขาเผลอสวบเข้าไปโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ผมร้องไม่มีเสียง แต่ใดใดนอกจากสิ่งนี้ มีสิ่งอื่นคือความปรารถนาอันหยาบคายของผมสั่นระริกบนหน้าท้องของเอ็ดมันด์ ยอมรับว่ายามนี้หมอนั่นทำเอาผมถึงใจแทบตาย สัมผัสทะลวงอยู่เช่นนั้นจนกระทั่งมาถึงจุดกระสัน

    ตาสีแอมเบอร์ของเอ็ดมันด์สั่นใคร่

    เหยเกยียิ้ม หางคิ้วต่ำ

    ตาสีแอมเบอร์ของผมเยิ้มเย้ายวนยี

    แหงนหน้า เงยคอร้อง

    แต่กลับเป็นเขาเองที่กำลังหลุดหลง

    และมันได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อดุ้นโด่ของเอ็ดมันด์อันซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความหยาดเยิ้มผุดขึ้นที่ปลายและความเงี่ยนกระหายถูกกลืนสวาปามหายเข้าไปในตัวของผม ความที่เจ็บริมฝีปากและความเจ็บที่ช่องทวารสังวาส ผมเจ็บร้าวทรมานจนเสียงครางเสมือนคนสิ้นหวัง พลั้งเผลอกัดเรียวนิ้วของเอ็ดมันด์จนฝังรอยลึก

    Shit Reed!” เอ็ดมันด์สบถดัง

    เกย์วัยละอ่อนใต้ร่างจิกปลายเท้า

    ส่วนเกย์เฒ่านั่งแหกขาคร่อมขย่ม

    เอ็ดมันด์ นายคิดว่าเราควรเชื้อเชิญดวงวิญญาณของมีเกลันเจโล[6]มาที่นี้ดีหรือไม่

    หรือเขาอาจกำลังเฝ้ามองเราอยู่ที่ใดสักแห่งที่โลกหลังความตาย

    ตอนนี้เขาอาจเกิดแรงบันดาลพิศวาส อาจกำลังนั่งปั้นปูนร่างเราสองคนแล้วก็ได้

     

     

    Author @sheisbreathing

     

     

    เชิงอรรถ

    1. ^ คอนญัก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทบรั่นดี คอนญัก ถูกตั้งชื่อมาจากเทศบาลคอนญัก ในประเทศฝรั่งเศส
    2. ^ ริกา เหล้าที่นิยมดื่มคู่กับน้ำแข็ง เป็นเหล้าสำหรับดื่มก่อนอาหาร 
    3. ^ พิศาล (ว.) กว้างใหญ่ไพศาล
    4. ^ ยอร์กเชอร์ เทศมณฑตประวัติศาสตร์อังกฤษที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางเหนือของอังกฤษ
    5. ^ ปาแลร์โม เมืองเก่าทางตอนใต้ของอิตาลี และเป็นเมืองที่มาเฟียสมัยแรกเกิดขึ้น
    6. ^ มีเกลันเจโล ดี โลโดวีโก บูโอนาร์โรตี ซีโมนี (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni, 1475-1564จิตรกรชื่อดังในยุคสมัยเรอแนซ็องส์ (Renaissance: แปลว่า การเกิดใหม่หรือการคืนชีพ เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของยุโรปที่เรียกว่า สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา) ผลงานชื่อดังของเขาคือรูปปั้น David เขาเป็นจิตรกรที่เสนอผลงานออกมาได้อย่างเปี่ยมล้นถึงความเป็นบุรุษเพศตามอุดมคติของกรีกโบราณ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in