คิดว่าสำหรับเรื่อง Uber / Grab นั้น สำคัญมากที่เราต้องไม่ทำให้ประเด็นง่ายเกินไปจนกลายเป็น Uber / Grab = ฮีโร่ และ รัฐ / มอเตอร์ไซค์วิน / แท๊กซี่ = ตัวร้าย เพราะนอกจากนั่นจะเป็นการเหมารวมแล้ว มันยังไม่สะท้อนภาพที่แท้จริงด้วย / Uber และ Grab ก็เป็นเพียงบริษัทหนึ่งๆ ที่หาแสวงหาผลกำไรสูงสุดด้วยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเท่านั้น (และมันเผอิญทำได้ดีจนผู้บริโภคพอใจนั่นเอง) แต่มันก็ยังพาปัญหาหลายๆ อย่างมาด้วย เช่น (หลายข้อเกี่ยวเนื่องกัน)

1. นำการควบคุมไปไว้ในร่มของบริษัท (ที่ไม่แน่ว่าจะมีมาตรฐานพอ; ถึงแม้จะหนีไปจากการควบคุมของรัฐแต่ก็อาจเป็นการหนีเสือปะจรเข้; ตัวอย่างเช่น Uber เองก็มีปัญหาเรื่อง Privacy สูงมากๆ และฝ่ายบริหารของบริษัทเองก็เคยโดนคดีที่ว่า ใช้ข้อมูล Uber ของนักข่าวเพื่อข่มขู่เธอด้วย)

2. ทำให้เกิดการผูกขาดในท้องตลาด (จะเปลี่ยนแปลงได้ถ้ามีผู้เล่นมากพอ ไม่ใช่สองสามบริษัท)

3. ไม่มีการดูแล 'พนักงาน' อย่างเป็นธรรม (เช่น คนขับ Uber จะไม่ได้สวัสดิการใดๆ เพราะถือว่าไม่ใช่ลูกจ้าง แม้จะมีการประกันรายได้เล็กน้อยเมื่อเปิดแอพก็ตาม)

4. บริษัทถือแต้มต่อเหนือคนขับ เช่น อาจกำหนดกฎเพื่อให้คนขับขับไปในที่ที่บริษัทจะได้กำไรมากที่สุด โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยต่อสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น จะทำให้รถติดมากขึ้น หรือคนขับจะต้องเข้าไปแย่งลูกค้ากันเอง

5. ถึงจะบอกว่าทุกอย่างใช้ทรัพยากรส่วนบุคคล แต่ก็จะเกิดปัญหาคล้ายๆ รถเมล์ฟรีของ Google ที่ใช้รับส่งพนักงาน คือถึงจะเป็นรถเมล์ของตัวเอง แต่ Infrastructure ก็ใช้ของส่วนร่วม เช่น พื้นถนน หรือป้ายรถเมล์ (ในกรณี Grab / Uber คงเป็นเรื่องถนน ที่ก็มีข้อถกเถียงได้ว่าอาจไม่ต่างอะไรกับการขับรถปกติ แต่จริงๆ แล้วต่างนะ เพราะการขับที่มีกำไรทำให้คนมี incentive ในการขับรถออกมามากขึ้น)

ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่า Grab / Uber เลว แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันดี แค่บอกว่า เรื่องมันยากไปกว่าด่ารัฐด่าแท๊กซี่แล้วจบ แต่เรื่องบางเรื่องที่ควรด่า ก็ด่าไปเถอะ (เช่น มอเตอร์ไซค์วินจะทุบหัวคนขับ Grab ก็ด่าเหอะ)