อินเทอร์เนตคือเครื่องมือในการคิด ที่ช่วยให้เราคิดออกมาดังๆ
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว มันก็ไม่จำเป็นว่าบนอินเทอร์เนตจะต้องเป็นความคิดที่ถูก ความคิดที่ดี หรือความคิดที่ควรบันทึกไว้ หากเราจะบอวก่า อินเทอร์เนตหรือโซเชียลเนตเวิร์กเป็นเครื่องมือในการคิดเป็นหลัก การบันทึกไว้และการเผยแพร่จึงเป็นเพียงผลพลอยได้เท่านั้น (หากเราบอกว่าอินเทอร์เนตคือการบันทึกไว้เป็นหลัก หน้าที่ของมันก็จะเปลี่ยนไป และมุมมองต่อมันก็จะเปลี่ยนไปด้วย หรือหากบอกว่าอินเทอร์เนตคือการเผยแพร่เป็นหลัก มุมมองของมันก็จะเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างอีก) การเข้าใจว่าโซเชียลมีเดียคือทีวี คือหนังสือพิมพ์ คือนิตยสาร ทำให้เราคิดว่าบนอินเทอร์เนตต้องมีแต่เรื่องที่ถูก เรื่องที่ดี และขัดใจเมื่อไม่เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเราคิดว่ามันเป็นแค่เครื่องมือฉายภาพให้เห็นกระบวนการคิดของคนเฉยๆ เราก็อาจรู้สึกขัดใจกับมันน้อยลง
เมื่อก่อนการคิดอาจเป็นการครุ่นคิด (contemplate) ครุ่น หมายถึง ทำอยู่เรื่อยๆ ทำอย่างเสมอไป การครุ่นคิดจึงเป็นการคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนที่จะบันทึกอะไรไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ตอนนี้การคิดเปลี่ยนโหมดเป็นการคิดอย่างฉับพลันว่องไวมากขึ้น เมื่อคิดแล้วไม่ต้องครุ่น หรือครุ่นแล้วรำพึงออกมาได้ทันที คิดแล้วก็หาความคิดของคนอื่นมาคิดต่อได้ทันที ไม่ต้องคลำเส้นทางอยู่ในเขาวงกตทางความคิดของตัวเอง หรือคลำ, แต่ก็มีไกด์บอกทาง (ซึ่งอาจถูกหรือไม่ อาจดีหรือไม่ก็ได้) ไปด้วย
เป็นแบบนี้ก็คล้ายกับว่าเรามีพลังเทเลพาธีซึ่งกันและกัน ฉันสามารถเข้าไปอยู่ในกระแสสำนึกของเธอ, ไปมีส่วนร่วมแต่งเติมหรือเห็นแย้ง, และในทางกลับกันเธอก็มาวนเวียนอยู่ในกระแสสำนึกของฉันบ่อยครั้ง
ในนิยายไซไฟมีสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่ไม่ได้มีหนึ่งจิตต่อหนึ่งร่าง แต่มีหนึ่งจิตต่อหลายร่าง พวกเขามีร่างกายแตกต่าง อาจเป็นชายหญิงหรือสุนัข หากทั้งหมดแบ่งจิตอันเดียวกันอยู่ ทำงานประสานเป็นหนึ่ง คล้ายกับประเทศที่มีสมองเดียวและประชากรคือแขนขา
อินเทอร์เนตไม่พาเราไปอนาคตอย่างนั้นในเร็ววัน แต่มันก็ทำให้เห็นว่าเมื่อเราแชร์ความคิดซึ่งกันและกัน กระทั่งความรู้ซึ่งกันและกัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และก็น่าสนุก หากจินตนาการว่าเมื่อเราแชร์ความรู้และความคิด กระทั่งความรู้สึกซึ่งกันและกันไปมากกว่านี้อีกหลายระดับโลกเราจะเป็นอย่างไร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in