วันนี้คุยกับเพื่อนเรื่องการสื่อสาร พบประโยคหนึ่งที่ดี (ที่พูดเองแล้วเสือกชอบเอง) คือในการสื่อสารใดๆ - ถ้ารู้ลึกเหมือนคนข้างในแต่รู้ใจเหมือนคนข้างนอก นี่จะดีทั้งสิ้น
มันเป็นการเลือกเข้า - เลือกออกในจังหวะและสถานการณ์ที่เหมาะสม คุณต้องรู้ว่า ทำไมคนอื่นถึงต้องสนใจเรื่องที่คุณเขียน มันไปเกี่ยวข้องกับสภาพชีวิตสภาพสติวินาทีไหนของเขาหรือ เขาถึงต้องแคร์ที่จะใช้จ่ายเซลล์สมองไปกับตัวอักษรของคุณ คุณต้องรู้ว่าคนตอนนี้เขาอยากรู้อะไรและไม่อยากรู้อะไรและทำอย่างไรจึงจะลากเรื่องที่ไม่อยากรู้ไปเข้าเรื่องที่เขาอยากรู้ได้ คุณต้องรู้ว่าคุณเขียนเพื่อตอบสนองอารมณ์ของเขาหรือตอบสนองสมองส่วนที่สูงกว่าของเขา คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ เมื่อตอบเสร็จแล้ว คุณถึงค่อยไปเอาจริงเอาจังกับตัวหนังสือ กับข้อมูลของคุณ ว่าคุณสัญญาอะไรไว้ในโฆษณาปะหน้าหรือคำโปรย แล้วคุณตอบสัญญานั้นได้ในบทความของคุณไหม หรือมันเป็นแค่คำพูดพ่นกลวงเปล่าที่คุณใช้ตีหัวล่อชาวบ้านเข้ามาแล้วก็ไม่ส่งจนสุดทาง ในบรรดาลูกค้าที่เข้ามาแวะเวียนในกอหญ้ารกๆ ของคุณ คุณซ่อนหรือวางของมีค่าเท่าที่คุณจะหาได้ไว้ให้เขาบ้างหรือเปล่า หรือมันก็ไม่มีอะไร นอกจากอย่างที่เห็น คือเป็นกอหญ้ารกๆ นั่นแหละ
คิดว่านักเขียนทุกวันนี้ควรมีส่วนแบ่งของนักโฆษณาและนักวิชาการ โดยไม่ดูถูกอีกฝั่งอีกฝ่าย ว่าตื้นเขินเกินไป หรืออยู่แต่ในหอคอย และควรจะต้องทำให้ได้ทั้งสองอย่างจนมันหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันด้วย
ทั้งหมดนี้ คนอ่อนหัดอย่างเรา ก็ยังทำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่าสิ่งนี้น่าจะดีแหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in