เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vantage PointTeepagorn W.
On The Idol
  • The idol - ฉากหนึ่งของหนังดิไอดอล พูดถึงอาหารยี่ห้อเกือบคุ้นหากแต่แปร่งเสียงเป็น Wacdonald's (แวคโดนัลด์)

    จะว่าไปแล้ว หนังทั้งเรื่องก็คล้ายกับแวคโดนัลด์นั่นเอง คือเล่าเรื่องที่แสนคุ้นเคยด้วยวิธีเรียงลำดับราวกับทำตามคู่มือทุกประการ หากแต่อาหารชิ้นนี้ถูกห่อด้วยแพคเกจไม่ชินตา เมื่อคุณหลับตาชิม คุณก็อาจคิดว่ามันถูกผลิตขึ้นมาด้วยอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ แม้ซอสที่ราดลงบนเบอร์เกอร์จะถูกทำให้เป็นของท้องถิ่นขึ้นบ้าง แต่เนื้อแท้แล้วสิ่งนี้มีความเป็นอเมริกัน ซึ่งในบางขณะ เราอาจหลงคิดไปว่าความเป็นอเมริกันนั้นคือความเป็นสากล แต่ความตะขิดตะขวงส่วนตัวก็ยังชักชวนให้กังขา

    ดิไอดอล เล่าเรื่องของโมฮัมหมัด อัสซาฟ ผู้เข้าประกวดรายการเรียลลิตี้โชว์ อาหรับ ไอดอล (แฟรนไชส์ของอเมริกัน ไอดอล) แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องของบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ แต่ก็ปะหราไว้ก่อนหน้าว่ามีบางฉากบางตอนที่ถูกแต่งขึ้น หรือทำให้เหนือจริงมากขึ้นเพื่อความบันเทิง

    โมฮัมหมัด อัสซาฟ เกิดขึ้นในครอบครัวชั้นกลางในกาซ่า เขามีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงตั้งแต่ยังเด็ก - ทุกคนรอบตัวต่างบอกว่าเขามีเสียงของพระเจ้า เสียงแห่งทองคำ เสียงที่สมควรให้คนทั้งโลกได้ยิน - พี่สาวของโมฮัมหมัดเป็นทั้งแรงขับและแรงบันดาลใจให้เขา เธอทั้งผลัก ทั้งดันโมฮัมหมัดด้วยความเชื่อมั่นในเสียงของน้องชายคนนี้ - เขา พี่สาว และกลุ่มเพื่อนอีกสองคนรวมตัวกันตั้งวงดนตรีงานแต่งขึ้นมา เผชิญเคราะห์กรรมนานาทั้งโดนโกงเงิน ทั้งต้องค่อยๆ เก็บหอมรอมริบมาซื้อเครื่องดนตรี เคราะห์กรรมร้ายกาจที่สุดกลับเกิดขึ้นกับนูร์ พี่สาวของโมฮัมหมด เธอมีอาการไตวาย เธอบรรยายความรู้สึกว่าเหมือนกับเธอจับล็อตเตอรี่ได้ใบดวงซวยออกมา อาการของเธอแย่ลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิต

    ในช่วงวัยรุ่น โมฮัมหมัดขับแท๊กซี่เพื่อส่งเสียตัวเองเรียนในมหาวิทยาลัย เขายังพยายามออดิชั่นรายการร้องเพลงต่างๆ อย่างสม่ำเสมอแต่ด้วยปัญหาทางเทคนิคครั้งหนึ่งก็ทำให้เขาหงุดหงิดจนละทิ้งฝันไป จนกระทั่งเขาได้เจอกับสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าที่เจอตอนพี่สาวไปฟอกไต (เธอมีอาการป่วยเรื่องไตเหมือนกัน) ทั้งสองเกิดสปาร์คกันขึ้นมาจนเป็นชนวนให้โมฮัมหมัดกลับมาเอาจริงเอาจังเรื่องการร้องเพลงอีกครั้ง เขาคิดว่าการร้องเพลงจะเป็นตั๋วทองคำที่พาเขาออกไปจากที่นี่ได้ จึงตัดสินใจเสี่ยงข้ามพรมแดนไปประเทศอียิปต์เพื่อประกวดรายการอาหรับไอดอล ระหว่างการแข่งขัน (ที่ไปได้สวย) เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันที่คนทั้งประเทศยกยอให้เขาเป็นดังเสียงที่พูดแทนตน - แต่อย่างไรก็ตาม - เขาชนะ

    หากจะเล่าย่นย่อในตอนจบไปบ้าง ก็เป็นเพราะหนังมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หากคุณคุ้นเคยกับฟอร์แมตรายการเรียลลิตี้โชว์ คุณจะพบห้วงอารมณ์อย่างเดียวกันในหนังเรื่องนี้ (และในหลายครั้ง คุณก็อาจรู้สึกว่าในเรียลลิตี้โชว์นั้น 'บิลด์' อารมณ์ได้เต็มที่กว่านี้มาก) เรียลลิตี้โชว์มักเล่าเรื่องราวยากเข็ญของผู้เข้าแข่งขัน พวกเขาเป็นดังผู้รอดชีวิตจากสมรภูมิรบส่วนบุคคล ต่างควรค่าแก่การยกย่อง เชิดชูทั้งสิ้น หากมองด้วยตา ภาพบนจออาจทริกให้คุณคิดว่านี่เป็นเรื่องราวที่แตกต่างออกไป - แต่ในกระแสน้ำเบื้องล่าง คุณก็อดที่จะสังเกตว่ามันเล่าเรื่องราวมาตรฐานไม่ได้ (แต่คุณก็ยังพร่ำบอกตัวเองซ้ำๆ ว่า 'มันสร้างจากเรื่องจริง' ราวกับการบอกตัวเองอย่างนี้จะทำให้คุณมองหนังเรื่องนี้เป็นอย่างอื่นที่มันไม่ได้เป็น)

    ในบรรดาตัวละครทั้งหมด ตัวละครที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นโอมาร์ เพื่อนวัยเด็กของโมฮัมหมัด ที่อกหักจากพี่สาวของเขา จึงหักเหเข้าสู่ศาสนา ในวัยหนุ่ม โอมาร์เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ เขารู้สึกขัดแย้งในตัวเอง ระหว่างความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนต่อโมฮัมหมัด และความรู้สึกรับผิดชอบต่อศาสนา ที่เชื่อว่าการร้องรำทำเพลงนั้นเป็นกิจของปีศาจ

    ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งของหนังและชวนให้คิดต่อ น่าจะเป็นประเด็นของตั๋วเสี่ยงโชคทางพันธุกรรม (Genetic Lottery) จริงอยู่ ที่โมฮัมหมัดนั้นผ่านการฝึกฝนอย่างยากลำบาก (ตัดต่อด้วยมอนทาจแบบฮอลลีวู้ด ที่ให้อารมณ์สนุก ร่าเริง จนคุณแทบจะมองฉากไม่เห็น), แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเกิดมาพร้อมเสียงทองคำนี้เช่นกัน พูดในนัยนี้ เขาเป็น 'ผู้โชคดี' ในด้านพันธุกรรม ในขณะที่ในด้านกลับ พี่สาวของโมฮัมหมัดกลับเป็นผู้โชคร้าย อย่างที่เธอบอกไว้เองว่ามันจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่อาการไตวายก็เลือกที่จะเกิดขึ้นกับเธอ การใช้ความพยายามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันให้ผลลัพธ์กับคนหนึ่งเป็นชื่อเสียง และกับอีกคนหนึ่งเป็นความตาย

    หากหนังต้องการแสดงถึงภาพความธรรมดาที่เกิดขึ้นในบริเวณที่ขัดแย้งมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มันก็อาจประสบความสำเร็จในแง่นี้แล้ว มันฉายภาพดอกไม้ในสนามรบได้อย่างแจ่มชัดจนเห็นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณอาจสงสัยจนเป็นคำถามติดออกมาคิดนอกโรง ก็คือ: ดอกไม้ที่คุณเห็น เป็นดอกไม้พลาสติกหรือเปล่า?

    (แต่คุณก็ต้องบอกตัวเองอีกครั้งว่ามันสร้างบนพื้นฐานจากเรื่องจริง)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Beaunt (@beaunt_chris_th)
ต้องไปหามาดูบ้างแล้ว เสียใจที่ไม่ได้ดูในโรง ?