ซาหวาดดีีี~
ไหน ๆ เว็บเพจนี้ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อการศึกษารายวิชาของเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก และบทสัมภาษณ์นี้ก็มาจากวิชาเดียวกัน ขอแทรกเลยละกัน ผลงานจะได้ไม่กระจัดกระจาย
การสัมภาษณ์วันนี้ 12 ตุลาคม 2564 คุณครูจะให้เลือกหัวข้อแล้วนำเอามาตั้งสัมภาษณ์กับเพื่อนที่จับคู่กันจำนวน 8 ข้อ ซึ่งหัวข้อที่ได้เลือกมาถามคือ ประสบการณ์ขนหัวลุกที่เคยเจอ
ผู้สัมภาษณ์ กานต์รวี โกกนุทจีรพัฒน์ นักศึกษาเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้ให้สัมภาษณ์ กชกร นาคะ นักศึกษาเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ในคราสวิชาการเขียนเชิงสร้างสรรค์ในห้องเรียนดิจิทัล เมื่อเราได้จับคู่นั่งรอเวลาสักพักก็ถึงเวลาสัมภาษณ์เสียที เริ่มแรกต้องทักทายกันและกันก่อนจะแนะนำตัวกันทั้งสองฝ่ายแล้วจึงได้เริ่มต้นการสัมภาษณ์
Q: ฮัลโล~ สวัสดีค่ะ นี่ตะวันเอง
A: (ฝ่ายผู้ให้สัมภาษณ์ได้ตอบรับว่าสวัสดีค่ะ ค่ะ)
Q: คำถามแรก เคยมีประสบการณ์ขนหัวลุกไหม แล้วถ้ามี มีเรื่องไหนบ้างที่ลืมไม่ลง
A: ไม่เคยมีประสบการณ์ขนหัวลุกเลย แต่ชอบฟังคนเล่าเรื่องผี
Q: คำถามที่สอง ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการขนหัวลุกแต่ว่าบางครั้งมันก็มีอาการขนหัวลุกขึ้นมาเอง เคยไหม?
A: เคย เคยนะ
Q: ตอนไหนค้าบ
A: น่าจะเป็นตอนที่อยู่ตามสถานที่แบบว่าเปลี่ยว ๆ สมมุติว่าเดินไปชั้นบนคนเดียวแล้วข้างบนมันปิดไฟอยู่อ่ะ พอเดินขึ้นไปมันก็จะมืดใช่ป่ะ ทีนี้เราก็จะเริ่มคิดไปเองว่าข้างหน้ามันมีอะไรอยู่หรือเปล่า เราก็จะรู้สึกขนหัวลุกว่าตรงนี้มันมีผีหรือเปล่า เอาตามจริงก็คือไม่มีอะไรนะ แต่เรากลัวไปเอง
Q: ค่าาา
Q: โอ้ รู้สึกว่าเร็วจังเลย (ลากเสียงยาว)
A: (แอบหัวเราะ)
Q: โอ้ คำถามที่สามที่เตรียมมาก็คงต้องเปลี่ยนล่ะเนอะ เอาเป็นว่าคุณคิดว่า... งั้นเปลี่ยนเป็นคุณคิดว่าถ้าผีมีจริง แล้วผีมันจะหน้าตาเป็นยังไง
A: อืม หน้าตาของผีเหรอ มัน.. คิดว่ามันน่าจะไม่เหมือนกันน่ะ คือแบบหลากหลายน่ะ อาจจะเป็นคนบ้าหรือไม่ก็อาจจะเป็นสิ่งของอะไรอย่างเนี่ย หรือไม่ก็ไม่มีรูปร่างเลยเป็นแบบเงาดำ ๆ ปีศาจแล้วตาแดง ๆ เหมือนในการ์ตูน
Q: ค่ะ (พอมาฟังเสียงที่อัดไว้ คล้ายกำลังบิดขี้เกียจเลย) หน้าตาหลากกกก... (เงียบไปสักพัก) ไปไกลจังเลยน้ออ (ก่อนที่จะเปิดประเด็นคุยกันนอกเรื่องเล็กน้อยด้วยการพูดถึงความรู้จากไตรภูมิ)
Q: ต่อปาย ประสบการณ์ขนหัวลุกมีครั้งไหนบ้างที่เหตุผลทางวิทยะศาสตร์ (ออกเสียงผิด) สามารถเอาชนะการขนหัวลุกได้
A: คือยังไงนะ อีกรอบ ขอคำถามอีกรอบหนึ่งค่ะ
Q: แบบว่า ตอนที่คุณกลัวจนรู้สึกว่าขนแขนสแตนอัพ แต่คุณก็พยายามปลอบตัวเองด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์จนสามารถชนะความกลัวได้
A: อืม ขอคิดแปบนึงนะ
(เว้นไปนานสักพัก)
ก็ เท่าที่คิดได้นะก็คือพอเรากลัวใช่ป่ะ แล้วแบบเราก็จะคิดไปเองว่าตรงนั้นมันจะมีอะไรหรือเปล่า แล้วเราก็จะขนหัวลุก แล้วทีนี่วิธีแก้ความกลัวก็คือ บางครั้งเราคิดว่า "เออะ ผีมันไม่มีจริงหรอก" หรือ "มันจะไปมีผีได้ไง" แต่ส่วนมากหลักการวิทยาศาสตร์น่ะไม่ค่อยจะเอามาใช้ในเรื่องของแบบนี้ ส่วนมากจะคิดไปถึงทางศาสนามากกว่าว่า "เออ ตรงนี้มีพระนะ ผีมันไม่มีทางจะมาได้แน่ ๆ " ประมาณเนี่ย แล้ววิทยาศาสตร์น่ะส่วนมากมันไม่ค่อยช่วยนะสำหรับเค้า
ผู้จัดการที่เคารพกำลังประกาศไปทั่วห้องสนทนา: แวบไปแอบฟังมานะคะ ส่วนมากประสบการณ์ขนหัวลุกเนี่ยยอดฮิตจริง ๆ และก็น่ารักมาก ๆ เลย หลายคนคุยกับเพื่อนแต่ก็คุยด้วยความสุภาพเป็นการสัมภาษณ์ที่ดี บางคนก็ยังแบบเห้ยเป็นยังงี้อยู่แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ ยังได้เนื้อหาอยู่นะคะ ก็ก็ดีก็ได้เหมือนกันนะฮะ ก็กำลังคุยกันอย่างออกรสหลายคน บางคนก็บอกว่าหนูแชทกับเพื่อนอยู่ค่ะ อาอ่าอาาาาาาาา(ตะวันส่งเสียงรบกวนเอง) บางคนก็คุยเลยมันจะแบบออกรสมากกว... โฮวววววววฮ์(นี่ก็ตะวันส่งเสียงรบกวน) ประสบการณ์ขนหัวลุกนะฮะก็เห็นหลาย ๆ คนก็สนุกดีนะคะ อยากรออ่านนะคะ
Q: อ้าว ครูพูดจบแล้ว (เพิ่งชวนสัมภาษณ์ทางแชท) โอเค
Q: งั้นคราวนี้มาเรื่องขนลุกสำหรับเค้าบางไหม เค้าคิดว่าการจำเรื่องในวันเด็กได้นี่...มันค่อนข้างขนลุกนะ วัยเด็กแบบตั้งแต่เป็น ท า โ ร๊ ก โคตรเล็กเลย
A: ยังไงเหรอ เล่าให้ฟังได้ไหม
Q: ตั้งแต่เป็นทารกโคตรเล็กเลย เค้ารู้สึกว่าเหมือนตัวเองจำตอนอยู่ในท้องแม่ได้นะ [หืมจริงป่ะ] เห็นเป็นสีชมพู ๆ (แต่ที่หลอนกว่าและไม่ได้พูดก็คือ รู้ได้ไงว่าที่อยู่ตอนนั้นคือในท้องแม่ทั้งที่ก็ยังไม่ได้เรียน)
A: เหลือเชื่อ
Q: แต่ก็จำได้แค่นั้นนั่นแหละ
A: อื้ม แล้วรู้สึกว่าตัวเองจำได้ตอนอายุเท่าไหร่
Q: ตอนอายุเท่าไหร่เหรอ (ลากเสียง) อืม ตอนนั้นก็เล็กมาก ๆ เลยนะซักประมาณหนึ่งขวบสองขวบ (ผู้ให้สัมภาษณ์พูดอะไรบางอย่างได้แค่ครึ่งพยางค์) หัดเดินแล้วก็ประมาณเกือบสามขวบนั่นแหละ
Q: เมื่อกี้จะถาม- จะพูดว่าอะไรนะคะ
A: แล้วได้บอกเรื่องนี้กับใครไหม เรื่องที่เรามีความรู้สึกว่าเหมือนจำตัวเองตอนที่อยู่ในครรภ์แม่ได้เนี่ย
Q: โอ้ เหมือนเคยบอกคนนึงนะ
A: แล้วเขาเชื่อไหม หรือว่ายังไง
Q: อืม คนนั้นก็ แบบว่าไม่ปฏิเสธแล้วก็ไม่เห็นด้วย เอาเป็นว่าเขาไม่ได้ปฏิเสธแล้วกัน แค่รับฟัง
A: แล้วคือตะวันเห็นเป็นภาพเลยป่ะ แค่รู้ว่าเออเราเคยอยู่ในสถานที่ที่สีชมพูอะไรอย่างเงี่ย หรือเป็นภาพเลย
Q: ก็จำได้ว่าเห็น เห็นเลยแหละ เค้าเคยอ่านมาว่าเด็กทารกมันจะเริ่มลืมตาตอนช่วงกี่เดือนสักเดือนเนี่ยแหละ ตอนนั้นยังรู้สึกเหมือนตัวเองยังลืมตาไม่ค่อยขึ้น
A: หืมอืม
Q: เอาล่ะ ต่อไปคำถาม ที่ (นับเลขเบา ๆ หนึ่งสองสามสี่) ที่ห้า
อ้าวไม่ใช่ คำถามที่ห้าตอบไป- ถามไปแล้วนี่นา (แต่พอมาเขียนสัมภาษณ์ก็ได้รู้ว่านั่นน่ะถูกแล้วยังไม่ได้ถาม แต่เป็นสลับบทกับผู้ให้สัมภาษณ์ไปเฉยเลย)
คำถามที่หก แบบว่าเอาขนหัวลุกจากทุกประสบการณ์เลยแล้วกันทั้งหนังผีนิยายหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ หรือเป็นเรื่องเล่าจากคนอื่นอ่ะ
A: ค่ะ
Q: คิดว่าเคยมีเรื่องไหนให้ข้อคิดบ้างไหมค้า
A: ...อืม (ใช้เวลาคิดไปสักพัก) คิดว่าน่าจะเป็น... อ่าครูจะพูด อย่างน้อยครูพูดให้จบก่อน
(หลังจากรอแล้วรอเล่า ก็สรุปว่าครูอาจเผลอเปิดไมค์)
เค
ประสบการณ์ขนหัวลุกก็คิดว่าส่วนมากน่าจะมาจากหนังมากกว่า ก็คนรอบตัวเราส่วนมากก็กลัวผีกันหมดและก็ไม่ได้มีเซนส์อะไร แต่แม้ว่าเราจะกลัวผีแต่เราก็ชอบดูหนังผี เอาเป็นว่าสิ่งที่ได้จากการดูหนังเหรอ น่าจะเป็นเรื่องแบบการลบหลู่หรือเปล่า ความรู้เรื่องเกี่ยวกับการลบหลู่ ดูหมิ่นสถานที่
หนังส่วนใหญ่เวลาพวกตัวเอกเวลาโดนผีหลอกส่วนมากจะต้องไปลบหลู่อะไรบางอย่างถึงได้โดนเขาหลอกกลับมา อะไรประมาณนี้แหละ
Q: ก็คือการลบหลู่ทำให้ถูกเอาคืน
A: ใช่ ๆ
Q: คำถามเกือบสุดท้าย คุณคิดว่า- แปบนึง ขอเพิ่ม อีกอัน ๆ (ความเงียบคือคำตอบว่าได้)
A: ก็จากคำถามเมื่อกี้ ข้อคิดที่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เรารู้สึกว่า เอิ่ม พวกศาสนาคำสอนพระหรืออะไรเนี่ย พระเยซูหรือไม้กางเขน ไม่ได้ช่วย... ไม่ได้มีส่วนช่วยกำจัดผี เข้าใจป่ะ ถึงแม้ว่าในหนังฝรั่งงี้ ผีหลอกขนาดไหนใช้ไม้กางเขนผีมันก็ไม่ไปเว่ย ก็เลยคิดว่า "เออ มันก็ไม่ได้ช่วย" นะ แล้วสิ่งที่ทำให้ผีหายไปก็คือตัวเราเองที่เราตั้งจิตแล้วพยายามเอาชนะมันเอง รู้อยู่เสมอว่าเราเป็นใครอย่าไปหลงกลกับมัน ประมาณนี้แหละ
Q: ก็คือเชื่อมั่นในตัวเองดีที่สุด
A: ช่าย
Q: ต่อปายนะคะ เกือบสุดท้ายแล้ว เร็วจังเงย
คุณคิดว่า เออ มีเรื่องผีเรื่อง... เอาแบบว่ามีวรรณกรรมเรื่องผีเรื่องไหนที่ทำให้ขนลู้กมั๊กที่สุดไหมคะ
A: อืม เค้าไม่อ่านวรรณกรรมแนวน่ากลัวเท่าไหร่
Q: เออ อ่อใช่ เค้าใช่คำผิด เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเรื่องแต่งเรื่องไหนก็ตามน่ะทำให้คุณขนหัวลุกที่สุดคือเรื่องไหนบ้าง
A: อืม ให้พูดเป็นหนังหรือว่าไร ให้พูดเป็นชื่อเรื่องหรือว่าเนื้อเรื่อง
Q: เอ่อ ชื่อเรื่องหรือเนื้อเรื่องก็ได้
A: เอาเป็นเนื้อเรื่องละกัน
คือว่าหนังแนวสยองขวัญส่วนใหญ่ที่กลัวมาก ๆ ส่วนมากจะเป็นแนวของผีไทย ผีนางรำ นี่ส่วนตัวคิดว่ามันน่ากลัวกว่าผีฝรั่งที่เป็นในรูปของปีศาจที่ส่วนมากมันจะออกมาในรูปของการสิงใช่ป่ะ สิงหรือไม่ก็แบบในรูปร่างที่ไม่มีตัวตนเป็นเงาดำ ๆ แต่คือผีไทยที่เป็นผีนางรำอ่ะ น่ากลัวมากอ่ะแบบแต่งตัวเต็มยศเลยนะอันนั้นน่ะคือคิดว่าน่ากลัวสุด ๆ แล้วแบบมันมีเสียง ส่วนมากเวลาผีโผล่มามันจะมีเสียงดนตรีประกอบอ่ะดนตรีไทยน่ะคือแบบหลอนมาก
Q: อืมมมมม (เพื่อคิดคำต่อยอด แต่ก็คิดนานจนเสียงหาย)
อืม ไม่มีไรจะคอมเม้นท์ต่อฮับ ถ้างั้นไปคำถามสุดท้ายเลยแล้วกับนะงับ
A: โอเค
Q: คำถามสุดท้าย คิดว่าประสบการณ์ขนหัวลุกเนี่ย มันสมควรนับว่าเป็นเหตุการณ์ปกติรึเปล่า
A: คิดว่าไม่ปกตินะ เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แบบว่าใครก็สามารถเจอได้ อย่างเราเนี่ยก็เป็นคนที่ไม่เคยเจอเรื่องขนหัวลุกโดยตรงนอกจากคิดไปเอง มันเป็นเรื่องที่คิดว่าแปลกไม่ปกติ เพราะว่าหนึ่งในร้อยมันอาจจะมีสักสองคนที่มีเซนส์เห็นผีได้คิดว่าคนนั้นจะมีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร เรื่องนี้ก็เลยไม่ปกติ
Q: งั้นเหรอ
A: อืม
Q: จบแล้ว
(เหมือนจะลืมอะไรไป แต่ก็ไม่ได้กระวนกระวายหนักหนา จึงแล้วจบกันไป ทว่าเมื่อมาเขียนสัมภาษณ์เพิ่งรู้ว่าลืมหลักการจบสัมภาษณ์สนิทเลย)
หลังสัมภาษณ์
"ตะวันนี่จดคำพูดเค้าไปหรือว่าอัดเสียง"
"อัดเสียงเอาซิ เค้าจดละเอียดยิบไม่ได้หรอก มือตามไม่ทัน"
"โอเค แกก็เอาไปเรียบเรียงใหม่นะเพราะบางทีเค้าก็พูดไม่รู้เรื่อง"
และก็แก้คำไปบ้างเล็กน้อย เนื่องจากคำซ้ำเยอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in