เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากออดิทYour writer
ทำไมถึงมาเป็นออดิท?
  • "ทำไมถึงมาเป็นออดิท?"

    คำถามนี้ดูออกจะแปลกสักหน่อย สำหรับเด็กที่จบจาก บัญชี-บัญชี จุฬา
    เพราะ ในแต่ละปี ราวๆ 90% ของเพื่อนๆพี่ๆ ก็ล้วนมาเริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ Big4
    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า จบบัญชีแล้วจะเป็นได้แค่ออดิทสักหน่อย
    แต่พอมาคิดๆดูแล้ว กลับไม่ค่อยมีคนถามคำถามนี้กับฉันมากนัก

    ฉันคิดว่า 'การเริ่มต้นเป็น ออดิท ที่ Big4 แห่งหนึ่งย่านสาทร ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร'
    นี่เป็นสิ่งที่ฉันคิดในฐานะเด็กที่จบมาแล้ว 1 ปี
    แต่หากมองย้อนกลับไป 1ปี ก่อนหน้า ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นะ?

    หากจะกล่าวถึงตัวฉันและเส้นทางออดิทแล้ว คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงก่อนเข้ามหาลัย
    ตัวฉันที่เป็นเด็กสายวิทย์มาตั้งแต่ ม.1 ตัดสินใจพาตัวเองมาเริ่มต้นใหม่กับคณะบัญชีฯ
    ส่วนเหตุผลที่ทำไมเป็นคณะบัญชีฯ ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพราะ มาตามเพื่อน
    ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้แม้แต่จะอ่านหนังสือสอบอย่างจริงจังด้วยซ้ำ
    แถมตอนแรกก็กะจะเข้าเศรษฐศาสตร์ เพราะ เคยไปสอบเพชรยอดมงกุฎฯ แล้วก็คิดว่า น่าสนใจดี
    แต่พี่รหัสบอกว่า บัญชีหางานง่ายกว่านะ ประกอบกับ บัญชี คะแนนสูงกว่า บริหาร ก็เลยมาจบลงที่ตรงนี้
    ช่างเป็นการเลือกอนาคตที่มักง่ายแบบแปลกๆ แต่ก็ผ่านการไตร่ตรองนะคะ
    อ้อ ลืมบอกไปเลยค่ะ ฉันมาจากรอบรับตรงนะคะ ไม่ใช่แอดมิชชั่นแต่อย่างใด

    เมื่อสอบติดแล้ว ก็ถึงทางแยกอีกครั้ง
    ฉันต้องเลือกระหว่าง บัญชี-บัญชี จุฬา กับ BBA TU ที่ตั้งใจว่า จะเข้าไปเรียนไฟแนนซ์
    จริงๆแล้ว จิตใจเอียงไปทาง BBA TU สุดๆ จนได้มารู้จักกับอาชีพออดิท
    เพราะ อาชีพออดิท มีความมั่นคง ไม่ตกงานแน่นอน เป็นวิชาชีพ ใครก็มาแย่งงานเราไม่ได้
    (แต่ไม่ได้คิดในมุมกลับกันว่า หรือไม่มีใครเขาอยากแย่งงานเรามากกว่า 5555)
    หลังจากนั่งคิดนอนคิดมาเป็นสัปดาห์ ก็จบลงที่ บัญชี-บัญชี จุฬา ค่ะ

    จากวันนั้น ผ่านการฝึกงาน จนเรียนจบ มาจนถึงวันนี้ที่ฉันทำงานได้มาเกือบจะครบ 1 ปีแล้ว
    สายตาที่ฉันใช้มองโลกใบนี้ เปลี่ยนไปเยอะเลยค่ะ 
    แล้วก็คิดว่า มันคงจะเปลี่ยนไปอีกเมื่อเริ่มต้น fiscal year ใหม่
    ฉันในวันนี้ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่า มันเป็น good start นะ

    สังคมการทำงานที่ competitive ย่อมต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา
    ฉันคิดว่า มันเป็นคำอธิบายที่ดีสำหรับ fiscal year แรกของฉันค่ะ
    ฉันเติบโตขึ้นมาก เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น อดทนและรอบคอบมากขึ้น
    ได้ unlock hidden potential ของตัวเองในหลายๆด้าน
    รวมทั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การ let the sh*t go

    หากต้องไปฝ่าฝันชีวิตออดิทอีกปีหนึ่ง ฉันก็คง suffer อีกอยู่ดี แต่คงจะเปลี่ยนมุมมองไป
    แม้ตอนนี้จะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ว คงจะได้เห็นผลลัพธ์ที่โชคชะตากำหนด

    หากผู้อ่านคนไหนกำลังจะเข้าสู่วงการขายวินยาน ก็อยากให้เปิดใจกว้างๆไว้นะคะ
    อยากให้ embrace ทุกๆประสบการณ์ที่จะเข้ามา shape ตัวเรา
    แต่ก็ไม่อยากให้หลงลืมความเป็นตัวเองไป ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกค่ะ
    และการเลือกที่จะลาออกก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

    ขอบคุณคุณผู้อ่านที่คอยติดตามกันมาตลอด 11 เดือนที่ผ่านมานะคะ
    Have a good Sunday ค่ะ ヅ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in