เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
House of storyManualEyeko
DAY 1 : COKE
  • Day1 : Coke

    Pairing : Yong Junhyung  l  Jang Hyunseung

    Story by : Yoruhoueko (ManualEyeko)



    แกรก! ซ่า!


    เสียงที่เขาได้ยินจนเบื่อในหนึ่งวันเต็มๆ ในช่วงเวลาที่แสนเหนื่อยหน่ายขณะรออัดรายการต่างๆ ตามตารางงานที่เขามี เขาก็มักจะได้ยินเสียงนี้ดังอยู่3-4ครั้งต่อวันได้


    “นี่ เมื่อไหร่จะเลิกกินสักทีอ่ะ”

    “ให้ฉันเลิกกินโค้กเนี่ยนะ”

    “อืม รำคาญเสียงอ่ะ”


    เหตุผลที่เขาหลุดโพล่งออกไปนั้น ในสายตาของคนที่ถือกระป๋องโค้กขนาด355มิลลิลิตรอยู่นั้นไม่เห็นว่ามันจะผ่านการคิดวิเคราะห์อะไรบางอย่างเลย เป็นคำตอบที่เอาแต่ใจล้วนๆ แต่ดูท่าว่าสิ่งที่เขาชอบอกชอบใจจนถึงกับต้องยิ้มออกมานั้นไม่ใช่เหตุผลงี่เง่าของคนที่นอนเหยียดเล่นมือถืออยู่บนโซฟาในห้องเตรียมแสดงแต่อย่างใด แต่ท่าทีไม่ใส่ใจและไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือมามองหน้าเขาด้วยซ้ำนั่นต่างหากที่เขาชอบ


    “ฉันไม่ได้กินบ่อยเลยนะ”

    “นายกินไป5กระป๋องแล้ววันเนี้ย”

    “ใส่ใจดีจัง”

    “หาว่าเสือกหรอ”

    “คิดเองนะเนี่ย”

    “ยงจุนฮยอง!”

    เขาทำสำเร็จเมื่อแววตากลมโตของอีกคนยอมเงยหน้าจาก smart phone มามองหน้าเขาจนได้ แม้จะเป็นแววตามองหน้าหาเรื่องที่สุดเท่าที่คนอย่างจางฮยอนซึงจะทำเป็นก็เถอะ

    “อะไรครับ เลิกสนใจมือถือแล้วหรอ” 

    เขาพูดจบก็กระดกเอาของเหลวสีน้ำตาลเข้มที่ถูกบรรจุในกระป๋อ'สีแดงเป็นเอกลักษณ์นี่เข้าปากเหมือนหิวกระหาย จางฮยอนซึงทำหน้าเบ้ทุกครั้งที่มองลูกกระเดือกของยงจุนฮยองขยับขึ้นลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือปวดร้าวกับการรับน้ำอัดแก๊สแสบๆ นี่เข้าไปพังทลายคอและกระเพาะของตัวเองทุกวันๆ

    “อย่ามานอนร้องปวดท้องให้ฟังแล้วกัน”

    “ก็ไม่ได้กินตอนท้องว่างขนาดนั้น”

    “เดี๋ยวก็อ้วนตายพอดี”

    “อ้วนแล้วรักมั้ยอ่ะ”

    “นี่! คนละเรื่องแล้ว”


    ทำตาเขียวเสร็จก็ก้มลงไปมองโทรศัพท์ตัวเองต่อ เขาได้แต่หัวเราะในลำคอ จะหัวเราะดังก็ไม่ได้เดี๋ยวเจ้าตัวก็จะยิ่งเขินแล้วหงุดหงิดกว่าเดิม

    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการต่อความยาวสาวความยืดกันด้วยเรื่องแค่นี้เขาทำไปทำไม

    มันเหมือนเป็นกิจวัตรไปแล้วในการแหย่จางฮยอนซึงให้ยอมพูดอะไรดีๆให้เขาชื่นใจบ้างสักวันละประโยคสองประโยค

    ยงจุนฮยองนับวันรอทุกวันให้เกิดการโต้เถียงทำนองนี้ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะก่อกวนอีกคนให้หงุดหงิดและยอมพูดอะไรออกมาบ้าง


    บนความสัมพันธ์ที่ของการดื่มกินโค้กซ่าๆ นี่เอง เขารู้ว่าต่อให้เขาจะแข็งแรงและคุ้นชินกับการกินมันลงไปมากแค่ไหนก็ตาม วันหนึ่งเขาก็ต้องเลิกกิน แต่กับจางฮยอนซึงนั้นมันไม่เหมือนกัน ไม่มีสักวันที่เขาไม่อยากจะต่อต่อเถียงกับอีกคนในเรื่องที่เพื่อนๆเองก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งนั้น

    คนที่นั่งถลึงตามองผมอย่างเคียดแค้นรอวันระบายออกแม้ว่ามือจะกดมือถือไปเรื่อยๆนั่นแหละ ที่ผมชอบ

    ยิ่งกว่าโค้กที่ผมต้องกินทุกวัน ไม่ว่าจะน้ำตาล ปริมาณคาเฟอีนและความซ่าที่ดีดให้สมองผมทำงานในทุกวัน จางฮยอนซึงเป็นสารให้ความสุขและการตื่นตัวที่ยิ่งกว่าคาเฟอีนหรืออะดรีนาลีนใดๆ


    “เดี๋ยวไปกินอีกป๋องดีกว่า”

    “นี่...”

    ได้ผล ผมเผลอยิ้มกริ่มเมื่ออีกคนคว้าข้อมือผมที่ทำท่าจะลุกไปกดโค้กมากินอีกกระป๋อง ผมทำเป็นนั่งลงตามแรงดึงของอีกคนแต่ก็ยังลอยหน้าลอยตา พยายามนึกบทสนทนาที่ก่อกวนอีกคนมากกว่าเดิมให้ออก

    “อะไร”

    “ไม่ต้องกินแล้ว”

    “ทำไมต้องห้ามอ่ะ”

    “ก็มัน...”

    “มันอะไรครับ”

    จางฮยอนซึงยอมวางโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองติดนักหนาลงกับโซฟาก่อนจะมองหน้าผมอย่างหงุดหงิด อารมณ์คุกรุ่นขุ่นมัวที่เกิดขึ้นผมรู้ดีทั้งใจว่ามันไม่ได้เกิดจากความโกรธผมเลย เจ้าตัวคงหงุดหงิดหน้าตาของผมตอนนี้มากกว่าเป็นไหนๆ

    “จะเลิกยิ้มได้ยังอ่ะ!”

    ไม่เขินก็เหวี่ยง ทำโมโหกลบเกลื่อนเก่งสุดอ่ะครับ

    “ก็แค่พูดว่าเป็นห่วงมันยากตรงไหนอ่ะครับ”

    “...”

    “สุดท้ายก็ต้องยอมพูดออกมาอยู่ดี จะฟอร์มเก่งไปทำไมอีกอ่ะ หืม” 

    ผมวางมือแปะบนผมที่เซ็ตแล้วของเขาแล้วลูบมันเบาๆ อยากจะขยี้ให้เสียทรงด้วยความมันเขี้ยวแต่ก็กลัวโดนสันมือ


    “ก็พูดแล้วพูดอีก ก็ยังกินอยู่ได้”

    “ฉันชอบกินโค้ก ชอบเสียงตอนที่แก๊สมันได้รับอิสระออกมามองเห็นโลกกว้างจากที่โดนขังไว้ในอะลูมิเนียมงี่เง่าแผ่นบางๆนี่….”

    “เก็บเอาไปเขียนเพลงมั้ย ทำไมต้องมาบอก”

    “ฟังให้จบก่อนแล้วค่อยด่าสิ”

    “อะไรล่ะ”

    “ชอบโค้กก็จริงแต่ชอบจางฮยอนซึงมากกว่า”

    “...”

    จางฮยอนซึงหันขวับมาทางผมก่อนจะแค่นยิ้มออกมา แต่หน้าตาเจ้าตัวไม่ได้ยิ้มด้วยหรอกครับ

    “เล่นง่ายๆแบบนี้เลยอ่ะนะ”

    “แล้วง่ายป่ะอ่ะ”

    “ยงจุนฮยอง จะไม่คุยด้วยแล้วนะเว้ย”

    “ล้อเล่นนิดๆหน่อยๆ”

    “แล้วจะเลิกกินได้ยังอ่ะ”

    “ไม่รู้”

    “...”

    เขาทำหน้าเหวี่ยงตุบมาทางผมอีกแล้วล่ะครับ แต่ผมก็สวนด้วยประโยคเด็ดก่อน

    “แต่ไม่เลิกรักนายชัวร์ๆ”

    “นี่!!!”

    เสียงดังสิบแปดหลอดของเขาคราวนี้เรียกให้เพื่อนๆผมหันมามอง ก่อนยุนดูจุนจะตะโกนถามเข้ามา

    “เห้ย เกิดอะไรขึ้นวะ”

    “ฮ่าๆๆๆ ไม่มีอะไรๆ จะถึงคิวอัดยังวะ”

    “อีกแป๊บนึงอ่ะ พวกมึงมาเตรียมตัวกันได้แล้ว”

    ผมหันกลับไปมองอีกคนที่นั่งกอดหมอนอิงปิดปากไว้ เหลือแต่ตาโตๆที่มองผมตาขวาง จางฮยอนซึงเคยบอกว่าเกลียดผมที่สุดตอนที่ผมเล่นมุกเสี่ยว เขาบอกว่าในเนื้อเพลงที่ผมเขียนจะเสี่ยวแค่ไหนก็ทำไปแต่ห้ามมาทำกับเขา

    “ไปเตรียมตัวได้แล้ว”

    ผมไม่สนใจหน้าตาหงุดหงิดของเขาแต่คว้ามือเขามาจับไว้ก่อนจะดึงให้อีกคนลุกขึ้นยอมเตรียมไปสแตนด์บายกับเพื่อนๆในที่สุด ปากคว่ำๆ ของเขายังไม่ยอมหงายเป็นรอยยิ้มให้ผมง่ายๆ แต่มือเขาที่ยอมจับมือผมตอบนั้นก็น่าจะเป็นคำตอบได้ดีพอแล้วสำหรับการทุ่มเถียงยืดยาวนี่...ที่ไม่ได้อะไรเลย

    “ทีหลังก็อย่ากินให้มันเยอะ”

    “ครับ”

    “วันละสามกระป๋องก็พอ”

    “ผมก็ตกงานกันพอดีสิครับคุณ จะเอาน้ำตาลที่ไหนไปใช้ในสมอง”

    “อยากได้ความหวานก็บอกกันดีๆสิ”

    “...”

    จางฮยอนซึงยื่นจมูกโด่งๆของเขามาสัมผัสที่ข้างแก้มผม กดมันจมลึกจนผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากบางนั่นที่มันกดจูบที่ข้างแก้มผมแนบแน่น ผมยืนอึ้งไป3วินาทีก่อนจะหันไปมองหน้าเขาที่พึ่งหอมแก้มผมเสร็จด้วยหน้านิ่งๆเหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่จับมือผมไว้แน่นมาก


    ใครว่ามันเป็นการเถียงกันยืดยาวที่ไม่ได้อะไรเลยกันล่ะครับ.



    ManualEyeko ment :

    คิดถึงจุนซึงมากๆเลย :D


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in