“นายคิดจะเงียบแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ มีอะไรก็พูดมา” หุ่นแอนดรอยด์ที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าของรถเอ่ยขึ้น เพื่อทำลายความเงียบที่เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รถสตาร์ทออกจากศูนย์วิจัย
“ฉันไม่เข้าใจ เราจะไปที่ฟาร์มนั่นทำไม ตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือ สุมหัวช่วยกันคิดว่าทีมเราจะส่งหัวข้อวิจัยอะไรเสนอทางการอยู่ที่แลป! นายก็รู้ว่าถ้าทีมเราไม่ส่งหัวข้อวิจัยจะเกิดอะไรขึ้น” คนที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะพูดต่อซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาเช่นกัน “ทางการอาจจะยุบทีมเรา”
หุ่นแอนดรอยด์ที่กำลังมีท่าทีหงุดหงิดอยู่ที่เบาะหลังคือ ‘เค’ หรือชื่อเต็มคือ K-022 หุ่นแอนดรอยด์
ผู้พัฒนา ประเภทนักวิจัย และหุ่นอีกตัวที่กำลังอ่านหนังสือ แม้ในเวลาที่บรรยากาศมาคุอย่างนี้คือ
‘ไอ’ หรือชื่อเต็มคือ I-026 หุ่นแอนดรอยด์ผู้พัฒนา ประเภทสัตวแพทย์ ทั้งคู่รับหน้าที่ประจำอยู่
ทีมวิจัย X ด้วยกันมาหลายปี โดยมีไอเป็นหัวหน้า และเคเป็นรองหัวหน้าทีม
“ฉันรู้ เพราะอย่างนี้ฉันถึงจะพานายไปที่นั่น” เขาพูดพรางเอามือเปลี่ยนหน้าหนังสือไปด้วย
“นายรู้อะไรมา ทำไมถึงได้ดูมั่นใจนัก?”
จากท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเพื่อนสนิทจึงทำให้เคถามคำถามนี้ขึ้น
“ก็ไม่เชิงมั่นใจ แต่พอดีเมื่อวานฉันได้ข่าวมาว่า ตอนนี้พวก อีเกิลบอท (Eaglebot) ที่ฟาร์มนั้นกำลังมีท่าทางประหลาด คล้ายกับ พยายามหาทางออกจากกรง นายว่ายังไงละด็อกเตอร์?”
“ไม่จริงน่า…ระบบของอีเกิลบอทถูกเซ็ตตั้งแต่ที่โรงงานผลิตว่าให้เชื่อฟัง
และทำงานตามคำสั่งของผู้คุม ไม่มีทางที่มันจะอยากบินหนีออกไปไหนแน่”
“ถ้าตามปกติมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่นายลองดูเอาเองแล้วกัน” ไอยื่นแท็บเล็ต พร้อมกับหน้าจอที่กำลังเล่นไฟล์วิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ได้จากกล้องวงจรปิดภายในฟาร์มที่พวกเขากำลังเดินทางไป
มันเป็นภาพของหุ่นยนต์นกอินทรีจำนวนหนึ่งที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งยังพยายามบินหนีผู้คุมและเหล่าแรงงานที่พยายามจะจับตัว
“อะไรกัน นี่มันผิดปกติสุด ๆ ทำไมพวกมันถึงได้เป็นอย่างนี้ไปได้” เขาผู้เป็นแอนดรอยด์นักวิจัย ซึ่งผ่านการวิจัยหุ่นยนต์สัตว์มาแล้วหลายต่อหลายโครงการ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งใดที่ผิดปกติขนาดนี้มาก่อน
“น่าสนใจดีใช่ไหมละ? ฉันว่าบางทีเราอาจจะได้ส่งหัวข้อให้ทางการในเร็ววันนี้เลยก็ได้” หุ่นแอนดรอยด์สัตวแพทย์ ยักคิ้วให้เพื่อนซี้ ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับหนังสือในมือของตนต่อ
ไม่นานหลังจากนั้น รถยนต์ความเร็วสูงก็พาทั้งคู่มาถึงยัง ฟาร์ม ที่อยู่ทางตอนตะวันออกของดาว ถึงจะเรียกว่าฟาร์ม แต่คุณคงไม่ได้เห็นต้นไม้หรือทุ่งหญ้าที่นี่มากนัก เพราะหุ่นยนต์สัตว์ในฟาร์มบนดาวเมคคาไลฟ์ไม่จำเป็นต้องกินพืชใบเขียว หรือเนื้อสัตว์สด ๆ เพื่อให้อิ่มท้อง แต่พวกมันมีพละกำลังจากการชาร์จพลังงานแทน
ดังนั้นฟาร์มบนดาวดวงนี้จึงมีลักษณะเป็นอาคารโดมขนาดใหญ่ แบ่งเป็นชั้นแยกตามความเหมาะสมของประเภทสัตว์ เช่น ชั้นล่าง ๆ มักเป็นที่เลี้ยงสัตว์สี่เท้าขนาดใหญ่ และสัตว์สี่เท้าที่ใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม ส่วนชั้นบนมักเป็นที่เลี้ยงสัตว์มีปีก และสัตว์อันตราย
แต่เนื่องจากฟาร์มที่พวกเขามาถือเป็นฟาร์มขนาดกลาง มีจำนวนชั้นเพียงไม่กี่ชั้น สัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้ก็ไม่ได้หลากหลายนัก ที่เห็น ๆ ก็มีหุ่นยนต์ม้า หุ่นยนต์วัว หุ่นยนต์นกกระจอกเทศ และสำคัญที่สุด หุ่นยนต์นกอินทรี หรือที่มีชื่อเรียกว่า 'อีเกิลบอท' ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่พวกเขาเดินทางมายังฟาร์มแห่งนี้
ทันทีที่พวกเขาลงจากรถก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเหล่าผู้คุม และในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกับหัวหน้าผู้คุมเกี่ยวกับการวิจัยอยู่ที่โถงชั้นแรก ตอนนั้นเองที่มีเสียงชุลมุนของเหล่าแอนดรอยด์ และมีสัญญาณเตือนดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ไอถามผู้เป็นหัวหน้าผู้คุมทันทีที่ได้ยินเสียงแห่งความวุ่นวายนั้น
“สงสัยอีเกิลบอทคงจะคลั่งอีกแล้ว นับวันเราก็ยิ่งควบคุมมันได้ยาก พวกคุณเองก็ระวังตัวด้วย” เขาตอบพรางหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม แต่แล้วในตอนนั้นเองสถานการณ์ก็ค่อย ๆ เงียบลงจนน่ากลัว...
“หัวหน้าครับ พวกเราหามันไม่พบ...”
“อะไรนะ!!”
“หรือมันบินหนีออกไปแล้วครับหัวหน้า”
“อาคารนี้เป็นสถานที่ปิด มีระบบป้องกันแน่นหนา ไม่มีทาง!
มันออกจากที่นี่ไม่ได้ หาตัวมันให้เจอเดี๋ยวนี้!!”
หุ่นผู้คุมกระจายไปในทุกพื้นที่ของฟาร์ม เพื่อตามหาและตามจับอีเกิลบอทตัวนั้น เวลาผ่านไปเกือบ 20 นาทีทุกอย่างยังคงเงียบสงบ เหมือนกับว่ามันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจริง ๆ แต่ทันใดนั้นเองก็มีลมแรงพัดผ่านตัวพวกเขาไปพร้อมกับอีกไม่กี่นาทีต่อมาร่างที่โดนแยกส่วนของหุ่นแรงงานตัวหนึ่งก็ตกลงมาทีละชิ้น ซึ่งมันทำให้พวกเขาได้รู้ว่ามันยังไม่ไปไหน...
อีเกิลบอทไม่ใช่หุ่นยนต์นกธรรมดา แต่มันคือหุ่นยนต์อินทรีที่ทางการมักใช้สำหรับการโจมตีทางอากาศ พวกมันมีขนาดตัวที่ใหญ่ มีกรงเล็บและจงอยเหล็กอันแข็งแกร่ง แหลมคม มีสายตาเฉียบแหลม รวมถึงศักยภาพทางการบินที่ดีมาก ๆ และจากนั้นสถานการณ์ก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
“เป็นอย่างนี้ไม่ดีแน่ อีเกิลบอท…มันกำลังคิดล่าเรา”
ทันทีที่ไอพูดจบ เสียงอึกทึกและเสียงโวยวายจากบรรดาหุ่นแรงงาน รวมถึงผู้คุมบางตัวก็เริ่มเกิดขึ้น
ด้วยบรรยากาศที่แสนวุ่นวายนั้นเองจึงยิ่งทำให้มีหุ่นผู้โชคร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีเกิลบอทใช้จังหวะที่หุ่นหลายตัวกำลังวิ่งหนีบินตรงลงไปโจมตี และแยกชิ้นส่วนพวกเขาออกเป็นชิ้น ๆ
“หมอบ!! ทุกคนต้องหมอบเดี๋ยวนี้!!” ไอตะโกนขึ้นเสียงดัง
ก่อนจะสั่งให้ผู้คุมเปลี่ยนหลังคาโดมให้เป็นโหมดกระจกใส
“ไอ นายคิดจะทำอะไร” เคหันมาถามคนข้างกายตนทันทีที่ได้ยินคำสั่งของอีกฝ่าย
“เบี่ยงเบนความสนใจไง ในเมื่อพวกมันอยากออกไปข้างนอก ถ้ามันเห็นแสงมันต้องพยายามบินไปทางนั้นเพื่อหาทางออกแน่ ถึงตอนนั้นมันก็จะไม่โฟกัสที่การล่า และพวกคุณก็ต้องรีบจับตัวมันให้ได้ เพราะหากพลาดรอบนี้เราอาจจะแย่กว่าเดิม” ไอหันหน้าและชี้ไปทางหัวหน้าผู้คุม โดยถือเป็นการอธิบายแผนการ และออกคำสั่งไปในตัว
ทันทีที่คำสั่งของไอสิ้นสุด หัวหน้าผู้คุมก็สั่งให้เหล่าลูกน้องไปเตรียมอาวุธและอุปกรณ์จับ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มการทำตามแผน หัวหน้าผู้คุมเปลี่ยนโหมดหลังคาโดมเป็นกระจกใส ทำให้แสงสว่างเข้ามาภายในอาคารมากขึ้น ซึ่งโชคดีที่มันได้ผล!
อีเกิลบอทตัวนั้นออกจากจุดหลบซ่อนและบินตรงไปยังหลังคาโดม พยายามใช้จงอยปากเหล็กจิก เพื่อทำให้กระจกแตก และในเวลาเดียวกันนั้นเองเหล่าผู้คุมจำนวนหลายสิบคนก็ได้ใช้อาวุธระดมยิงโจมตีจากด้านล่าง จนทำให้อีเกิลบอทได้รับความเสียหายที่ปีกทั้งสองข้าง ก่อนจะตกลงมายังพื้นที่โถงอาคาร
เวลาหลายชั่วโมงถูกใช้ไปกับการควบคุม และจัดการให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ความเรียบร้อยอีกครั้ง ในช่วงเวลาก่อนจะเลิกงานนั้นเอง หัวหน้าผู้คุมสั่งให้เหล่าผู้คุมและแรงงานทั้งหมดมารวมตัวกันที่โถง ส่วนไอที่เดินผ่านมาแถวนั้นพอดี ในทีแรกเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะประชุมกันก่อนจะเลิกงาน แต่ทว่า...
“เหตุการณ์เมื่อสายสร้างความเสียหายแก่ฟาร์มของเราเป็นอย่างมาก เพราะอย่างนั้นฉันจึงต้อง หาตัวคนผิดมารับโทษ ” บรรยากาศภายในโถงเงียบสงัด จนไอเองก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จนต้องหยุดเพื่อเฝ้ามองสถานการณ์นั้น
หุ่นแรงงานทุกตัวก้มหน้าลง แต่ดูเหมือนจะมีหุ่นอยู่ตัวหนึ่งที่กำลังสั่นกลัวมากกว่าตัวอื่น ๆ ดูจากเลข 6 บนเข้มกลัดที่ติดอยู่บนหน้าอกของเขาที่ตรงกับเลขบนปีกของอีเกิลบอทตัวนั้นแล้ว เขาคงเป็นคนดูแลกรงอีเกิลบอทตัวนั้นไม่ผิดแน่
“ตอบฉันมาว่าใครเป็นคนดูแลกรงนั้น!!” เสียงตวาดของหัวหน้าผู้คุม ยิ่งทำให้หุ่นแรงงานตัวนั้นสะดุ้งและสั่นกลัวมากขึ้น “ยอมรับมาเถอะ อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก โทษมันก็แค่ลดระดับพลังงานนิดหน่อยเท่านั้น” เมื่อได้ยินดังนั้นหุ่นแรงงานที่กำลังสั่นกลัวก็พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อยกมือ
และในตอนนั้นเองที่หุ่นแรงงานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็จับที่บ่าของเขาไว้ พร้อมกับติดเข็มกลัดให้ใหม่
เขากลับมันเป็นเลข 9 ซึ่งเป็นเลขของตนแทน ส่วนตัวเองก็ติดเข็มกลัดใหม่เป็นเลข 6
ก่อนจะยกมือขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“หึ แค่นี้ก็จบ เอาตัวมันออกมา! แล้วแกก็รายงานตัวด้วย”
หุ่นผู้คุมสองตัวเดินตรงไปยังหุ่นแรงงานผู้เสียสละตัวนั้น
“ผม JJ-006 หุ่นแอนดรอยด์แรงงาน เป็นผู้ดูแลพลังงาน
และทำความสะอาดกรงอีเกิลบอทหมายเลข 6 ครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“จะว่าโชคร้ายก็โชคร้ายนะ ที่แกได้ดูแลอีเกิลบอทบ้าตัวนั้น
แต่ยังไงซะหุ่นที่ทำงานพลาดก็ต้องได้รับโทษ เอาตัวมันไปลดพลังงาน 2 ระดับเดี๋ยวนี้!”
หัวหน้าผู้คุมออกคำสั่งที่ทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจากแอนดรอยด์ทุกตัว
แน่นอน เพราะการลดพลังงานถึง 2 ระดับถือเป็นการลงโทษที่ค่อนข้างโหดร้าย
หุ่นแอนดรอยด์สามารถใช้ชีวิตไปได้อีกหลายสิบปีกับพลังงานสองระดับ...
และในตอนนั้นเอง…
“ป่าเถื่อน” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังของหัวหน้าผู้คุม
“ที่นี่เป็นที่ของผม ไม่ใช่ที่ของคุณ คุณหมอ” หัวหน้าผู้คุมหันมาทางต้นเสียง
“ว้าว ดูเหมือนคุณคงจะลืมไปสินะว่าผมเป็นใครและคุณเป็นใคร
คิดจะขัดคำสั่งชนชั้นที่ 1 อย่างงั้นเหรอ” ไอพูดด้วยสายตาเฉียบขาดและเสียงที่สงบนิ่ง
“แต่เขาทำผิด เขาต้องได้รับโทษ!”
หัวหน้าผู้คุมชี้ไปทางหุ่นแรงงาน JJ-006
“ถ้าจะถามหาคนผิด ไม่ใช่พวกคุณผู้คุมเหรอครับ ที่ทำงานกันไม่มีประสิทธิภาพ อย่าลืมว่าผมเป็นสัตวแพทย์ ผมรู้ดีว่าอีเกิลบอทถูกเซ็ตจากโรงงานให้เชื่อฟังคำสั่งแอนดรอยด์ผู้คุม” เขาตอบกลับ พร้อมก้าวเข้ามาประชิดกับหัวหน้าผู้คุม
“แล้วอีกอย่างการลงโทษด้วยการลดพลังงาน พวกคุณไม่คิดถึงงบประมาณที่ทางการต้องจ่ายรึไง คุณจะว่ายังไง ถ้าผมแจ้งเรื่องนี้กับพระเจ้า…พวกคุณจะเข้าข่ายขัดต่อความก้าวหน้าของเมคคาไลฟ์รึเปล่านะ อยากรู้จัง” รอยยิ้มของผู้ชนะปรากฎขึ้นบนหน้าหุ่นแอนดรอย์แพทย์ทันทีที่เขาพูดจบ
ซึ่งแน่นอนว่าหัวหน้าผู้คุมไม่มีข้อปฎิเสธใดมาโต้แย้งได้
เขาจึงจำต้องประกาศให้การลงโทษเป็นโมฆะ และก้าวเท้าเดินออกจากโถงไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ผมขอบคุณคุณหมอมากเลยนะครับ ผมไม่รู้จะตอบแทนยังไง แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ถ้าคุณต้องการให้ผมทำอะไรก็ตาม เรียกใช้ได้ตลอดเลยนะครับ” แอนดรอยด์แรงงานเดินเข้ามาโค้งคำนับ พร้อมด้วยรอยยิ้ม
“อื้อดี พรุ่งนี้ผมจะขึ้นไปดูที่กรงนั่นหน่อย คุณคงได้ช่วยงานผมเยอะเลย
กรงที่ ‘6’ ถูกต้องไหม” แอนดรอยด์สัตวแพทย์เอ่ยถามย้ำ
“เอ่อ อ๋อ...ครับ ใช่ครับ กรงที่ 6 ครับคุณหมอ” ถึงจะตะกุกตะกักไปบ้าง แต่เขาก็ยังคงไม่หลุดพูดความจริงออกมาว่าแท้จริงแล้ว เขาไม่ได้เป็นคนดูแลอีเกิลบอทกรงที่ 6 แต่เป็นกรงที่ 9
“คุณรหัส JJ-006 ถูกต้องไหม? งั้นผมจะเรียกคุณว่า เจ เจอกันพรุ่งนี้ครับ” เมื่อได้ยินดังนั้น รอยยิ้มที่ดูเปล่งประกายและมีชีวิตชีวาก็ปรากฎขึ้นบนหน้าของหุ่นแรงงานที่บัดนี้มีชื่อว่า ‘เจ’
“นายหายไปไหนมาตั้งนาน เจอเรื่องอีเกิลบอทที่น่าสนใจเพิ่มรึไง” หุ่นแอนดรอยด์นักวิจัยที่กำลังนั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มเดินเข้ามาในห้องทดลองของฟาร์ม
“ป่าว ฉันแค่ไปเดินเล่นรอบ ๆ ฟาร์มมา” ไอตอบ พรางเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามบางอย่างกับเพื่อนสนิทของตน “เค นายว่าหุ่นแอนดรอยด์อย่างเราโกหกได้รึเปล่า?”
“โกหก? เพื่อปิดบังบางอย่างน่ะเหรอ? จะทำไปเพื่ออะไรละ? นายก็รู้ไม่มีทาง หุ่นอย่างเราถูกเซ็ตระบบมาให้ประมวลผลอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น พวกเรามีเป้าหมายคือ เพื่อให้ดาวดวงนี้ก้าวหน้าจนถึงขีดสุด เพราะงั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังข้อมูลอะไร ทั้งเพื่อตนเอง และโดยเฉพาะเพื่อหุ่นตัวอื่น” หนุ่มนักวิจัยตอบไปในขณะที่สายตาจดจ่ออยู่กับแล็ปท็อป
นั่นสิ… พวกเราหุ่นแอนดรอยด์ไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังอะไร
และไม่มีเหตุผลที่ต้องช่วยเหลือใครด้วย
แต่แล้วทำไมหุ่นตัวนั้นถึงโกหก เพื่อช่วยเหลือหุ่นตัวอื่น?
ทำไมกัน?
ไหนจะรอยยิ้มและสายตาที่ดูมีชีวิตชีวาขนาดนั้น…
เกิดขึ้นกับหุ่นแอนดรอยด์อย่างพวกเราได้….อย่างนั้นน่ะเหรอ?
[ ...To be Continued... ]
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in