"แน่ใจนะว่านายจะเอาด้วย" ผมถามคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"วันนี้นายถามฉันมารอบที่สามแล้วนะ" เขาตอบโดยที่มือยังคงเก็บเหล่าอุปกรณ์และกองสายไฟ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมาที่ผม "หรือนายรำคาญฉัน ถ้ามันเป็นอย่างนั้น บอกกันตรง ๆ ได้นะ"
"ไม่ๆๆๆ ไม่ใช่อย่างงั้น" ผมรีบปฎิเสธพัลวัน
เมื่อเห็นท่าทีของผมอย่างนั้น ยิ้มมุมปากก็เผยขึ้นจากใบหน้าของอีกฝ่าย
ก่อนเขาจะเลิกคิ้วเชิงถาม พร้อมกับกอดอกรอฟังคำตอบ
"ถ้าสิ่งที่ฉันคิดมันเกิดขึ้นจริง มันอาจจะอันตรายก็ได้
ทั้งนายทั้งฉัน... เราอาจจะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้" ผมตอบด้วยสีหน้ากังวล
"อ๋อ ถ้าเรื่องนั้นฉันก็คิด" เขาตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
"แล้ว? ไม่กลัวบ้างรึไง มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เข้าใจไหมจูฮอน" ผมลุกขึ้นยืนถามเขาอย่างจริงจัง
เพราะท่าทีของเขาในตอนนี้ ดูไม่หวั่นกลัวกับอะไรที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่นานนี้เอาซะเลย
ส่วน 'จูฮอน' นั่นคือชื่อของเขา หนุ่มวัยรุ่นสัญชาติเกาหลีที่มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่บอสตัน
"เข้าใจว่าไม่ล้อเล่น แต่ไม่เข้าใจว่าต้องกลัวอะไร"
เขายืนขึ้นเหมือนกันกับผม พร้อมสองมือที่ล้วงกระเป๋ากางเกง
"เยอะแยะ ถ้ามันอันตรายล่ะ ถ้าระบบมันผิดพลาด นายอาจจะ..." ยังไม่ทันพูดจบ
ผมก็ต้องหยุดเพราะตกใจที่คนตรงหน้าโผเข้ามากอดผม
"เป็นห่วงฉัน นายพูดแค่นี้ก็ได้"
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแต่ยกมือขึ้นกอดตอบร่างสูง
"ฟังนะ 'แดน' ฉันรู้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ยิ่งฉันรู้ว่ามันอันตราย
แล้วฉันจะปล่อยให้นายทำคนเดียวได้ยังไง
อย่างน้อยถ้าฉันทำด้วย แล้วมีอะไรเกิดขึ้น นายก็จะได้ไม่ต้องเจอมันคนเดียว"
"แต่"
"ไม่มีแต่ทั้งนั้น ถึงนายห้ามฉันก็จะทำด้วย"
"นายมันดื้อ" ผมพูดไปทั้งที่หน้ายังซุกอยู่กับอกของเขา
"ฮ่า ๆ ไม่เท่านายหรอกแดน" สัมผัสอบอุ่นจากมือของเขาวางลงมาบนหัวกลม ๆ ของผม
แล้วจึงพูดต่อ "อื้อ ส่วนที่นายกังวลเรื่องว่ามันอาจจะไปโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วฉันจะเป็นอะไรไหมนั่นอะนะ มันไม่เป็นไรหรอกแดน ฉันไปไหนก็ได้ ขอแค่มีนายก็พอแล้ว"
"eww so cheesy!" ผมผละตัวออกมาทำหน้ายู่ จนทำให้คนตรงหน้าหัวเราะออกมา
"but TRUE" จูฮอนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่จริงจังและเด็ดเดี่ยว ซึ่งนั่นทำให้หัวใจดวงเล็ก ๆ ของผมมันพองโต และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาโดยตลอดที่ได้เจอกับจูฮอน
ระหว่างผมกับจูฮอน เราคบกันมาได้เกือบ 3 ปี เจอกันครั้งแรกตอนปี 1 เพราะเราเรียนอยู่คณะเดียวกัน แถมยังอยู่คลาสเดียวกันอีก ความสัมพันธ์ของเราเริ่มด้วยคำว่า 'คนคุย' เลย เพราะจูฮอนบอกว่า ถ้าเจอคนที่ใช่ก็ไม่อยากเสียเวลา เชื่อไหม ช่วงแรกผมไม่ได้คาดหวังกับความรักครั้งนี้ไว้ขนาดนั้นหรอก แต่กลายเป็นว่าเวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า เราก็ยังคงอยู่ด้วยกัน เขากลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ผมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา เราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกัน เหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดี เราเข้าใจซึ่งกัน คอยดูแลและซัพพอร์ตอีกฝ่ายเสมอ เหมือนอย่างในครั้งนี้...
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ระหว่างที่ผมกับจูฮอนเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคณะ เพื่อหาอุปกรณ์ตรวจจับเซนเซอร์มาทำงานโปรเจกต์ ในตอนนั้นเองที่มุมลึกสุดของห้องมีคอมพิวเตอร์เก่า ๆ เครื่องหนึ่งเปิดอยู่ หากดูจากสภาพผมไม่คิดว่ามันจะยังใช้งานอะไรได้มากมาย แต่กลายเป็นพวกผมพบว่ามันกำลังทำงาน...
คอมพิวเตอร์ล้าสมัยเครื่องนั้นกำลังรันระบบบางอย่าง บนหน้าจอมีคำสั่งมากมายทั้งที่พอจะเข้าใจและไม่เข้าใจ จนในที่สุดการดำเนินการก็เสร็จสมบูรณ์ ทันใดนั้นหน้าจอก็ดับมืดลง ก่อนจะแสดงผลอีกครั้ง พร้อมคำว่า
"WELCOME" ที่อยู่กลางจอ และตามคอมมอนเซนส์ ผมเอื้อมไปกดปุ่ม ENTER ที่อยู่บนแป้นพิมพ์ ซึ่งแน่นอน คอมมอนเซนส์ผมถูก ระบบกำลังเข้าสู่หน้าถัดไปที่เป็นหน้าหลักของระบบ บนหน้าจอขึ้นคำว่า
Teleporter ต่อด้วยประโยคที่ถามว่า
"Where're you going?" และถัดลงมาเป็นตัวเลือกอีก 4 ข้อ
ตัวเลือกแรก คือ 'Australia'
ตัวเลือกที่สอง คือ 'Japan'
ตัวเลือกสาม คือ 'Norway'
และตัวเลือกสุดท้าย 'Mexico'
พวกเราตัดสินใจลองเลือกหนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้น แต่แล้วหลังจากคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอย่างหนัก จู่ ๆ เครื่องก็ดับลง พยายามลองเปิดอีกกี่ครั้งก็ไม่ติดอีกเลย พวกเราคาดว่าระบบปริศนานั่นคงต้องใช้พลังงานและทรัพยากรเยอะเกินกว่าที่เครื่องคอมเก่า ๆ นี่จะรับไหว ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ในขณะนั้นเป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่ม ซึ่งก็ไม่ค่อยมีใครอยู่ที่คณะตอนนี้แล้ว ถ้าจะมีก็มีแต่พวกรุ่นที่ทำโปรเจกต์อยู่ชั้นบน พี่เจ้าหน้าที่เฝ้าห้องเก็บอุปกรณ์คอมฯ ก็ไม่อยู่...
และนั่นเป็นอีกครั้งที่วลีว่า 'แค่มองตาก็รู้ใจ' เกิดขึ้นกับผมและจูฮอน
ใช่ครับ พวกเราตัดสินใจเอาคอมเก่านั่นกลับมาที่ห้อง
ตลอด 2 เดือนมานี้ ผมกับจูฮอนช่วยกันหาทางทำให้ระบบปริศนานั่นกลับมาทำงานอีกครั้ง เพื่อจะได้ไขข้อสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ เริ่มจากทำให้คอมเก่าเครื่องนั้นสามารถเปิดติดอีกครั้ง แล้วหาทางย้ายระบบแปลก ๆ ที่เจอไปยังคอมฯ ของจูฮอน ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่พร้อมด้วยพลังงานและทรัพยากร
จากนั้นผมก็พบว่าระบบดูจะมีปัญหาเล็กน้อย แต่ไอ้ปัญหาเล็กน้อยที่ว่าก็เล่นกินเวลาไปเกือบ 3 เดือน กว่าที่พวกเราจะแก้กันได้ และในวันนี้เองที่เป็นวันที่เราตัดสินใจกันว่าจะลองเข้าระบบนั่นดูอีกครั้ง...
"จูฮอน นายคิดว่ามันคืออะไร" ผมถามจูฮอนระหว่างที่รอรันระบบ
"อืม ถ้ากาก ๆ ก็คงแค่เกมป่ะให้เลือกด่าน ไม่ก็ระบบตรวจหาพิกัดไรงี้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ระบบทั่วไปล่ะก็ ไม่แน่นะแดน มันอาจจะคล้าย ๆ กับ..." เขาเว้นวรรคไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมจะพูดต่อคำให้เขาพอดี เลยกลายเป็นว่าเราพูดพร้อมกัน
" ระบบเทเลพอร์ต "
เทเลพอร์ต (Teleportation) คือเทคโนโลยีการเคลื่อนย้ายมวลสารที่อาจเคยได้ยินตามหนังไซไฟโลกอนาคต เป็นการย้ายวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตจากที่หนึ่งไปยังสถานที่ไกล ๆ อีกที่หนึ่งได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา
มันอาจจะฟังดูเพ้อเจ้อ ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นแค่ระบบธรรมดา ๆ ระบบหนึ่งที่เจ้าของเครื่องนี้เคยรันไว้ก็ได้ แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีความคิดอย่างนั้นขึ้นมา มันแค่สังหรณ์ใจแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นในห้องเก็บอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่คณะ มาจนถึงตอนที่ผมนั่งแก้แอเร่อเมื่อสามเดือนก่อน โค้ดหรือคำสั่งต่าง ๆ ที่เห็นมันดูไม่ใช่ภาษาทางคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่จะสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ แม้ว่าทั้งผมกับจูฮอน เราทั้งคู่จะเป็นหนึ่งในว่าที่นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่เรียนอยู่ในคณะไอที ซึ่งเรียนเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมมาก็ตาม
“งั้นถ้าเป็นระบบเทเลพอร์ตจริง นายอยากไปไหนล่ะแดน”
จูฮอนเข้ามากอดผมจากทางด้านหลัง พร้อมกับถามคำถามนั้น
“อืมมม ออสเตรเลียก็ดีนะ หรือจะญี่ปุ่นดี? เราอ่ะอยากไปมานานแล้ว เอ้ะ! แต่นอร์เวย์กับเม็กซิโกก็น่าไป” ผมพูดไปเรื่อย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนบางคนกำลังรอจังหวะเหมาะ ๆ ที่จะ…
‘จุ้บ’
คนฉวยโอกาสจุ้บที่ปากของผมในจังหวะที่ผมหันหน้าจะไปถามความเห็นเขาบ้าง “จูฮอน!”
“ฮ่า ๆ ก็มันอดไม่ได้นี่น่า ตอนนายพูดเจื้อยแจ้ว ปากนายมันขยับมุบมิบ ๆ โคตรจะน่ารัก ”
เขายิ้มจนตาเหลือเป็นเส้นขีด
“ฉวย! โอ! กาส!” ผมพูดเน้นทีละคำ พร้อมกับทำปากยู่
“ถึงฉวยโอกาส แต่ ผมก็แฟนคุณ นะคร้าบ” เขาตอบพรางยักคิ้วให้ ก่อนจะพูดต่อ
“แล้วปากนั่นน่ะ ถ้ายังไม่เลิกทำยู่ ๆ ล่ะก็ คราวนี้ไม่ใช่แค่จุ้บแน่นอน”
ผมรีบเม้มปากโดยทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น ส่วนอีกฝ่ายน่ะหรอ หัวเราะได้ใจใหญ่เลยที่แกล้งผมได้...
และในตอนนั้นเองที่ระบบรันเสร็จ และเข้าสู่หน้า WELCOME พอดี
“จูฮอนได้แล้วๆๆๆๆ” ผมรีบโผเข้าไปใกล้หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยจูฮอนเช่นกัน
หลังจากที่เราหันมองกันสักพัก จูฮอนก็พยักหน้าเป็นการบอกให้ผมเริ่มขั้นต่อไปได้เลย…ผมกดปุ่ม ENTER เพื่อเข้าสู่หน้าหลักของระบบ บนหน้าจอขึ้นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเห็นเมื่อสามเดือนที่แล้ว มีคำว่า Teleporter อยู่ส่วนบนที่กลางจอ ต่อด้วยตัวเลือกอีกสี่ข้อที่ถัดลงมา ซึ่งเป็นชื่อประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปที่แตกต่างกัน ได้แก่ หนึ่งออสเตรเลีย จากกลุ่มประเทศโอเชียเนีย สองญี่ปุ่น จากทวีปเอเชีย สามนอร์เวย์ จากทวีปยุโรป และสี่ เม็กซิโก จากทวีปอเมริกาเหนือ
“ได้เวลาเลือกแล้วครับคุณแดเนียล” จูฮอนพูดขึ้น เมื่อหน้าดังกล่าวแสดงผลขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์
“แล้วนายล่ะอยากไปไหน เมื่อกี้นายยังไม่ตอบเลย” ผมถามอีกฝ่าย
ก่อนจะได้คำตอบกลับมาชวนขมวดคิ้วว่า
“อะไร ยังไม่แก่เลยลืมแล้วรึไง ฉันตอบไปแล้วแดน”
“ตอบตอนไหน ก็นายชิงจุ้บเราก่อน” ผมยิ่งไม่เข้าใจหนักเข้าไปอีก
“ไม่ใช่ตอนนั้นดิ หมายถึงก่อนหน้านั้นอีก” คงเพราะเขาเห็นหน้างง ๆ ของผม เขาจึงพูดต่อ
“ก็คำตอบนี้ไง ฉันไปไหนก็ได้ ขอแค่มีนายก็พอแล้ว” จูฮอนยิ้มส่งมาหาผม และผมก็ยิ้มตอบเขา
“เข้าใจแล้ว งั้นฉันเลือกนอร์เวย์แล้วกัน” ผมเอานิ้วชี้ไปที่คำว่า Norway บนหน้าจอ
“ไหนว่าอยากไปญี่ปุ่นมานานแล้วไง ทำไมเลือกนอร์เวย์” จูฮอนเอามือวางบนหัวของผม
ตอนนั้นเองผมก็หันหลังกลับไปกอดเขาและตอบข้อสงสัยนั้น
“เปลี่ยนใจ อยากไปดูแสงเหนือกับนายมากกว่า”
“น่ารักจังว่ะ พ่อแม่เลี้ยงนายมายังไงเนี่ยฮึ” ร่างสูงเอามือมาบีบจมูกผมเบา ๆ
“มันแปลก ๆ ป่ะ ชมหรือด่าถามแค่นี้ก่อน” ผมจับมือคนตรงหน้าออกจากจมูก
“ชมดิ ก็น่ารักมากไงเลยสงสัยว่าพ่อแม่เลี้ยงนายมายังไงถึงมีลูกน่ารักขนาดนี้”
จูฮอนจับมือผม เราจับมือกัน “พร้อมยังแดน มาลองกันเลยไหม?”
“ได้ แต่แปปนึง” ผมเดินไปหยิบกองเชือกยาวหลากสีที่วางอยู่บนชั้นวางของ แล้วจึงถือมันมาหาจูฮอน
“เพื่อความมั่นใจว่าเราจะไม่แยกกัน ขอผูกเชือกที่ข้อมือไว้ด้วยกันได้ไหม เผื่อว่าระบบเทเลพอร์ตนี่…มันจะใช้ได้จริง ๆ ” คนตรงหน้าไม่ตอบอะไร แต่ค่อย ๆ นั่งลงกับพื้น เอาเชือกจากมือของผมไปผูกที่ข้อมือของเราสองคน หลังจากผูกจนมั่นใจแล้ว พวกเราก็ค่อย ๆ ยืนขึ้นข้างกัน
“เชือกนี่เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้นาย แต่ยังไงมือนี่ก็ขอจับไว้ด้วยนะ” จูฮอนจับมือผมแน่นขึ้น
ผมยิ้มก่อนจะตอบอะไรกวน ๆ ออกไปบ้าง “กลัวอ่ะดิหนู โอ๋นะครับ”
“หมั่นเขี้ยวโว้ย น่ารักอะไรนักหนา แล้วก็ไม่กลัวครับ แค่อยากจับให้คนแถวนี้รู้ว่า
ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้นายต้องเจอกับอะไรคนเดียว ฉันจะอยู่ตรงนี้ ข้าง ๆ นาย คอยจับมือนายแบบนี้แหละ”
“อื้อ ขอบคุณนะจูฮอน”
“เต็มใจทั้งนั้นครับ มา ๆ กดเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปว่าระบบนี้มันกากหรือเทพ”
“ใครจะกดอ่ะ? จูฮอนดีกว่า ให้จูฮอนกด”
“ไม่เอาดิ ให้แดนกด”
ก่อนที่จะเถียงกันจนไม่ได้เริ่มการทดลอง และแล้วผมจึงตัดสินใจว่าให้กดพร้อมกันทั้งคู่ เมื่อเคอเซอร์เคลื่อนไปอยู่ที่หน้าคำว่า NORWAY ตอนนั้นเองที่ปุ่ม ENTER ถูกกดลงเรียบร้อย เพื่อทำการเลือกตัวเลือกดังกล่าว ผมกับจูฮอนจึงค่อย ๆ ถอยออกมายืนข้างกัน
“รักนายมากนะแดน / รักนายที่สุดเลยจูฮอน” เป็นอีกครั้งในคืนนี้ที่เราสองคนใจตรงกัน
และต่อจากนั้นเพียงไม่นานก็มีแสงสว่างวาบก็ออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ ร่างกายเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง คล้าย ๆ กับว่าถูกดึงไปตามแรงมหาศาลจากอีกฝั่ง เราทั้งคู่หันมองกันด้วยความตกตะลึงชั่วครู่แล้วจึงยิ้มให้กัน ก่อนที่จะค่อย ๆ หลับตาลง มือของพวกเราจับกันแน่นมากขึ้น
ไม่รู้เลยว่าระบบเทเลพอร์ตนี้จะทำงานได้ดีแค่ไหน
มันจะส่งเราไปได้ถึงนอร์เวย์จริงรึเปล่า?
แต่ไม่ว่าอย่างไรมือของเราทั้งคู่จะไม่ยอมปล่อยออกจากกัน
จะต้องไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเจอเรื่องราวต่าง ๆ เพียงตัวคนเดียว
‘Cause you are that 'someone'
That gets me like no one else
You are not gonna make it alone
การดำเนินการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาที ห้องก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นข้อความ
'Disconnect' ทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องยังคงเดิม นาฬิกายังคงเดินต่อจากเวลาเดิม
มีเพียงแสงสว่างวาบที่หายกลับเข้าไปในจอสี่เหลี่ยม
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่เพียงแค่แสงวาบที่หายไป...
แต่มันหายไปพร้อมกับ ‘เด็กหนุ่มวัยรุ่นสองคน’ ด้วยต่างหาก.
มาจนถึงตอนจบแล้ว คุณผู้อ่านที่รักคะ
คุณว่าสองคนนั้นจะได้ไปดูแสงเหนือที่นอร์เวย์ด้วยกันรึเปล่า?
เอ้ะหรือ มีใครสนใจอยากใช้ บริการเทเลพอร์ต ดูซักครั้งไหมคะ?
แต่ว่า
ไม่ขอรับประกันความปลอดภัยนะคะ
ด้วยรัก ;)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in