เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เขียนไปเรื่อยนอวอรอรอตอพอลอ
กางเกงในบ็อกเซอร์ vs บิกินี่
  • เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่ 18+ แต่ถ้าใครต่อมวัฒนธรรมถูกจักกะจี้ง่ายด้วยการพูดถึงโลกส่วนตัวหรือมังสาของเพศชาย อาจไม่ค่อยเหมาะที่จะอ่านนะครับ

    เริ่มเลยละนะ

    ตั้งแต่เด็กจนอายุปูนนี้ ผมใส่กางเกงในทรงบิกีนี่มาโดยตลอด 

    ไม่ใช่บิกินี่ของผู้หญิงนะ ของผู้ชายก็มี (หุหุ)

    ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน เพราะก็รู้สึกว่ามันใส่สบายดีอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบความตื่นเต้นหรือการผจญภัยอะไรมากมาย ซึ่งก็คงเหมือนกับคนส่วนมาก อเมริกันก็มีประโยคที่เราได้ยินกันประจำ "If it ain't broke, don't fix it." อะไรไม่เสียก็อย่าไปซ่อม

    กางเกงในบีกินี่ก็ใส่สบายดี ไม่เห็นต้องไปลองอะไรใหม่ให้มันเสียตังค์

    จนเมื่อเดือนที่แล้ว ผมไปเดินฆ่าเวลาที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ดันไปเห็นกางเกงในบ็อกเซอร์เข้าตัวหนึ่ง หน้าตาดูดีแม้จะเป็นของก็อป เงินเหลือพอดีในกระเป๋าก็เลยควักสตังค์ซื้อมาสองตัว

    กลับมาถึงห้อง ผมลองใส่ด้วยความไม่มั่นใจ

    อืมมม รู้สึกแปลกๆ เหมือนเราเหยียบเข้าไปในห้องโล่งๆ ไม่มีผนังกั้นเป็นสัดส่วนชัดเจน แถมขนาดของกางเกงยังมีความก้ำกึ่งกับกางเกงขาสั้นที่เราใส่นอน

    มีความไม่มั่นคงอยู่ในใจ แต่ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ก็ลองใส่ดู

    แล้วไหนๆ มันก็คล้ายๆ กางเกงใส่นอนอยู่แล้ว คืนนั้นก็เลยนอนมันแบบนั้นเลย

    ฟาสต์ฟอร์เวิร์ดมาหนึ่งเดือน ผมไปซื้อกางเกงในบ็อกเซอร์มาจาก UNIQLO มาอีกสองตัว ทุกวันนี้ มันกลายเป็นตัวเลือกแรกของผมแล้ว โดยเฉพาะในชีวิตปัจจุบัน ที่การขี่จักรยานไปทำงานเป็นเรื่องปกติ บ็อกเซอร์ที่โล่งๆ โหวงๆ นี่แหละ คือสุดยอดปราการด่านสุดท้ายของผม

    กางเกงในบิกีนี่เก่าๆ ตัวสองตัวที่เริ่มมีร่องรอยเสื่อมโทรม ขาดรุ่งตรงโน้นตรงนี้ หรือขอบเริ่มมีความย้วย ผมก็เอาสองนิ้วคีบทิ้งลงถังขยะโดยได้โดยไม่ได้แยแสอะไรมาก

    ประสบการณ์แค่เรื่องกางเกงในธรรมดาๆ นี่แหละ ที่เหมือนจะมากระซิบเตือนผมว่า ในโลกนี้ มีอะไรอีกเยอะที่เรายังไม่ได้ลอง ที่เรายังไม่ได้เจอ มีอะไรที่รอให้เราไปค้นหาอีกมาก

    มันอาจจะดีกว่าสิ่งที่เราคุ้นชิน หรือมันอาจจะเหมาะกว่าในบริบทของชีวิตที่เปลี่ยนไป

    กางเกงในล็อตเก่าที่ยังไม่ได้ทิ้งไปหมด ยังเป็นสิ่งเชื่อมโยงกับความคุ้นชินเดิมๆ ยังเป็นความมั่นคงบางอย่าง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่ผ้าแห้งช้าไม่ทันใช้

    แต่สักวันหนึ่ง ผมคงทิ้งมันไปได้หมด

    "คุณ" ก็เหมือนกัน

    สามร้อยเจ็ดสิบวันที่ผ่านมา ไม่มีสักวันที่ผมไม่ใส่กางเกงใน เช่นเดียวกัน ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดถึงคุณ ความคิดถึงบางทีพาความเศร้ามากระทบเป็นระลอก บางวันมามาก บางวันมาน้อย แต่มาทุกวัน

    อาจจะอีกพรุ่งนี้ อาจจะอีกเดือนหนึ่ง หรืออาจจะอีกสองสามปี ความทรงจำเกี่ยวกับคุณอาจจะเริ่มย้วยจนไม่น่าเก็บ เหมือนแช็ตของคุณที่ค่อยๆ ถูกดันลงไปข้างล่าง 

    วันหนึ่งมันอาจจะหายไป และผมคงไม่ต้องคอยรอว่าคุณจะตอบผมเมื่อไหร่ 

    วันนั้น ถ้ายังไม่ตาย ผมคงได้เจอกับ "บ็อกเซอร์" ตัวใหม่

    สักวันนะ


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in