ในห้องเล็กๆ ของฉัน เธอกลับมา
ฉันถามเธอด้วยสายตาหรี่หยีของฉัน ไม่มีถ้อยคำใดๆ ฉันระวังเสมอเวลาอยู่ใกล้เธอ
ส่วนเธอเองก็ตอบฉันด้วยดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เดียงสาอะไรกับความเกลียดชังที่ฉันมีต่อเธอ
ฉันพยายาม ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ที่จะขับไล่ไสส่งเธอด้วยความละมุนละม่อม เธอควรรู้ว่าฉันไม่คิดจะทำร้ายเธอสักครั้ง
แต่การดำรงอยู่ของเธอมันท้าทายความอดทนที่มนุษย์ผู้ชายอย่างฉันพึงมี จริงอยู่ฉันไม่ใช่คนดีเด่อะไรหรอก ดูห้องที่เราอยู่นี่สิ มันรกรุงรัง พื้นที่สากเท้าเพราะห่างไกลการปัดกวาดเช็ดถู จานชามที่ยังไม่ได้ล้างสุมกองไว้พะเนินเทินทึก บางวันฉันก็เข้านอนโดยไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ
แต่ฉันไม่เข้าใจ เธอจะอยากกลับมาเพื่ออะไร
สายตาใสซื่อของเธอมันหลอกฉันไม่ได้หรอกว่าจริงๆ เธอโสโครกแค่ไหน... เมื่อวานนี้ ฉันก็ผลักไสเธอออกไปครั้งหนึ่งแล้ว วันนี้เธอกลับมาในสภาพที่เหมือนเดิมทุกประการ อย่างน้อยตอนเช้าฉันก็ยังอาบน้ำทุกวัน
พี่น้องเพื่อนฝูงที่เธอพามาที่ห้องของฉันก็เช่นกัน ฉันรับไม่ได้หรอกนะที่พากันมา อาหารที่ฉันหาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง กลับมาห้องดันเจอพวกเธอเอามากินอย่างเอร็ดอร่อย... เฮ้ยมันจะมากไปแล้ว
วันนี้ ฉันคงต้องใช้มาตรการที่เด็ดขาด พระเจ้าบอกให้เรารักผู้อื่นราวกับรักตนเอง แต่ครั้งนี้ฉันคงต้องขอยกเว้นสักครั้ง
ฉันพยายามสอดส่ายสายตาไปรอบๆ ห้อง แน่ละ ฉันไม่อาจละสายตาจากเธอได้ ฉันอยากรู้ว่าเธอจะมีลูกไม้อะไรอีกไหม บางครั้งชั่วพริบตา จริงๆ นะฉันใข้คำไม่ผิดหรอก เพียวชั่วพริบตาเดียวเธอก็พลิกสถานการณ์ได้เสมอ ทำให้สิ่งที่ฉันคิดจะทำมันล้มเหลวตลอดมา
วันนี้แหละ ฉันจะไม่พลาด
อา... นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการ หนังสือเล่มโตที่ฉันอ่านค้างไว้ ฉันรู้ว่าเธอไม่เคยสนใจหนังสือที่ฉันชอบ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีแหละ เพราะฉันไม่อยากให้เธอมาแตะต้องมันเท่าไหร่หรอก
ฉันค่อยๆ เอื้อมมือหยิบหนังสือ เธอคงยังไม่รู้หรอกว่าแผนของฉันคืออะไร ในสายตาของเธอ ฉันตั้งใจให้มันดูฉันกำลังหยิบหนังสือมาอ่านตามปกติ
เธอไม่รู้หรอกว่า นอกจากความรู้ที่มากมายที่เกินขีดจำกัดของรอยหยักในสมองของเธอ หนังสือเล่มนี้จะทำอะไรได้
แล้วมันก็ถึงเวลา....
ฉันจับหนังสือทุ่มใส่เธอ ด้วยความเร็วที่แม้แต่ฉันยังประหลาดใจ ด้วยความแรงเท่าที่กล้ามเนื้อของฉันจะให้ได้
เสียงดังก้องลั่นห้อง แต่ฉันไม่แคร์หรอกว่าเพื่อนบ้านจะคิดยังไง
เงียบ...
เธอไม่ส่งเสียงใดๆ แม้แต่น้อย ใช่สิ ร่างที่บี้แบนของเธอแนบสนิทกับหนังสือเล่มโปรดของฉัน
ถ้าเธอเป็นดอกไม้ ฉันอาจพาเธอไปอวดอ้างใครต่อใคร คนส่วนมากรู้สึกดีกับพอตพูรี
แต่ขอโทษเถอะ แมลงสาบอย่างเธอน่ะนะ ใครๆ ก็รังเกียจ
ฉันหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดร่างไร้วิญญานของเธอจกปกหนังสือ คราบหนองสีน้ำตาลแก่ยังเปรอะอยู่นิดหน่อย
ไม่เป็นไรหรอก ฉันหวังว่าเพื่อนๆ หรือพี่น้องของเธอที่อยู่ในห้องฉันมาได้กลิ่นเธอ มันจะรู้สึกสยดสยองและหวาดกลัวจนอยากจะอพยพจากห้องฉันไปและไม่กลับมาอีก
ฉันกลับไปมองกองจานชามที่วางแช่ไว้ในอ่างล้างจาน ถอนหายใจหนึ่งเฮือกใหญ่ คงถึงเวลาแล้วสินะ
ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์ครัว เปิดน้ำ บีบน้ำยาเหลืองอ่อนลงกับฟองน้ำล้างจาน
คราบที่ทิ้งไว้นานเกินไปมันแข็งคาจานและไม่อาจล้างออกเหมือนคำโฆษณา
และฉันทำได้แค่ขัดแล้วขัดอีก
มันต้องออกสิ
ฉันบอกตัวเองเบาๆ ฉันจะไม่เปิดทางให้เธอและพวกของเธอกลับมาอีกแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in