เราได้อ่านเจอบทความหนึ่ง..ชอบจัง
พ่อแม่ให้ตั๋วรถไฟเราขึ้นขบวนรถไฟนี้ ..
มันวิ่งไปเรื่อยๆ ผ่านมาหลายสถานีแล้ว..
และยังวิ่งต่อไปข้างหน้า..ไปเรื่อยๆ
ในแต่ละสถานี รถไฟจอด มีทั้งคนขึ้นและลงไป..
เหมือนกับนาฬิกาชีวิต..
? คนลงไปแล้ว เราก็ไม่อาจเจอกันอีก
? คนขึ้นมาใหม่ถ้ามานั่งใกล้กันก็อาจทักทายกัน
ถ้านั่งคนละโบกี้ ก็เพียงเพื่อนร่วมทาง
ถ้านั่งถัดไปไกลๆ ก็เพียงเพื่อนร่วมสถาบัน
เพื่อนร่วมหมู่บ้าน แต่ไม่ได้พานพบกัน
? เจ้าหน้าที่รถไฟ ก็เหมือนคนร่วมงานในบริษัท
หมู่เครือญาติ ที่มีโอกาสมาเจอกัน ไม่สนิทนัก
? พ่อแม่ ผู้ให้บัตรโดยสารเรามาขึ้นขบวนรถไฟนี้
ก็ไม่รู้ว่าจะนั่งไปได้ถึงปลายทางกับเราไหม
อาจลงสถานีไป เมื่อไรก็ได้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
.
.
ระหว่างทาง เราเจอผู้คนมากมายบนขบวนรถไฟ
เราตื่นเต้นกับวิวข้างทาง ป่าไม้ ภูเขา ชานเมือง ตัวเมืองที่คราคร่ำด้วยวิถีชีวิต ผู้คนมากมาย
บนรถไฟบางครั้งก็มีเหตุต่างๆ ที่ต้องช่วยกันแก้ไข เช่น รถไฟขัดข้อง, พลขับป่วย, น้ำมันหมด
เพื่อนร่วมทางไม่สบาย เจ็บไข้
บางคนขึ้นขบวนรถไฟไม่ทัน เสียใจ ร้องไห้นานา
.
.
เรานั่งบนขบวนรถไฟนี้มายาวนาน
เห็นเหตุการณ์ต่างๆมามากมาย
เริ่มแรกเราตื่นเต้น เรียนรู้ มิตรสหายมากมาย
แล้วคนรอบตัวก็ค่อยๆลงแต่ละสถานีกันไป
จนวันหนึ่งก็ถึงเวลา เราก็ลงจากขบวนรถไฟนี้
.
.
เราเองเมื่อหวนระลึกถึงผู้คนที่ได้พบเจอ
ได้ทำสิ่งดีๆต่อกัน เราก็สุขใจแล้ว
Cr : นุสนธิ์บุ๊คส์
?????
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in