เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MUSIC COLLECTIONCyborg 03
VOL.03 : The Reve Festival Finale (2019) - Red Velvet
  • Let The Reve Festival Begin


    The Reve Festival Finale

       ถือว่าเป็น The Last Boss เลยก็ว่าได้ Red Velvet ได้ปล่อยอัลบั้ม repackage ทิ้งท้ายปีได้อย่างสง่างามเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการพาอัลบั้มขึ้น iTunes อันดับหนึ่งได้ถึง 44 ประเทศหรือจะเป็นการเจาะชาร์ตด้วยไตเติ้ลแทร็กอย่าง Psycho จนได้รับ Real-time All kill และ Certified All Kill จาก ichart มาครองไว้เป็นที่เรียบร้อยและถือว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในปี 2019 ที่ทำได้อีกด้วย

       อย่างเป็นที่รู้กันว่า SM ent. จะมีแนวสำหรับไอดอลของตัวเองที่ค่อนข้างชัดมาก ๆ อย่าง Red Velvet เองก็จะแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่ง Red กับฝั่ง Velvet ซึ่งจุดตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของพี่เค้ก (เราขออนุญาตแทน Red Velvet ว่าพี่เค้กนะคะ) เลยก็ว่าได้ สามารถนำมาขายได้ตลอด มีลูกเล่นใหม่ ๆ อยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ติดหูจนปัง แปลกแหกตลาดจนแป้กหรือเพลง b-sides คุณภาพ พี่เค้กมีให้คุณได้ทุกรูปแบบและการกลับมาในรอบนี้พี่เค้กก็มาในคอนเซ็ปของเทศกาลแห่งดนตรี (สำหรับ Reve ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่าความฝัน ส่วนตรงนี้ยังตีความได้อีกว่าเป็นการนำฝั่ง Red และฝั่ง Velvet มารวมกัน) พร้อมพาทุกคนดื่มด่ำกับบรรยากาศของความเป็น Red Velvet ในครั้งนี้

    01. Psycho

      Psycho เป็นเพลงแนว up-tempo urban pop ที่ได้ผสมผสาน 808 bass ที่ทรงพลัง มีจังหวะที่สนุกสนานในตัวเอง การดึงเสียงสูงของเวนดี้และซึลกิออกมาใช้ได้อย่างชาญฉลาด มีความ catchy ตอนที่ฟังครั้งแรกแล้วทำเอาเรารู้สึกขนลุกมาก ๆ เนื้อแรปที่บ่งบอกถึงความเป็นไอรีนและพี่เค้กอย่าง I'm the Original, Visual การพูดเร็วฮิบ ๆ ของเยริ หรือไม่ว่าเป็นท่อนฮุคติดหูอย่าง you got me feeling like psycho การเล่นคำซ้ำชากูชากู พาโบพา ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเพลงนี้ถึงได้ break the record ไปมากมาย 


       สำหรับเนื้อเพลงที่สื่อไปถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่สุดแสนจะแปลก ไม่ว่าจะพวกเขาจะทะเลาะกันให้วุ่นแค่ไหนก็ยังกลับมาหากันอยู่ตลอด เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนเองที่เคยตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้หรือจะกำลังสัมผัสมันอยู่คงจะรู้สึกรีเลทกับเนื้อเพลงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
      แต่สำหรับเราเองแล้วเนื้อเพลงทำเราคิดไปถึงการที่เรามีหลายบุคลิคในตัวเองจะมากกว่า ถ้าให้เปรียบก็คงเป็นอารมณ์ที่วันหนึ่งอยากออกไปพบปะผู้คนแต่อีกวันหนึ่งก็อยากนอนอยู่ในห้องเฉย ๆ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น แม้แต่ตัวเราเองก็คงจะแอบคิดว่าบางทีตัวเราเองก็แปลกแต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นตัวเรา เพลงนี้ก็แอบมี message เกี่ยวกับ self-respect อยู่ไม่น้อยเลย แถมในเอ็มวียังใช้เรื่อง Butterfly effect เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย 

    เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Velvet 

    02. In & Out

       เพลง In & Out เองเป็นเพลงป๊อปแดนซ์ที่มีจังหวะกลาง ๆ ไม่ว่าจะดนตรีแทรปที่มีความแปลกใหม่หรือท่อนฮุคที่สุดแสนจะติดหูทำเอาเพลงนี้ขึ้นแท่นหนึ่งใน b-sides ที่เราชอบไปเลย
       สำหรับเนื้อเพลงเองก็ได้พูดถึง "การที่ตกหลุมรักคนที่น่ารักและมีเสน่ห์ยากที่จะปฎิเสธมันออกไป เปรียบเสมือนการลิ้มลองรสชาติของโดนัทแสนหอมหวานที่ทำเอาติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น อยากจะทานมันอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า" ในความคิดเราแล้วเพลงนี้เหมือนเป็นอีกตัวแทนหนึ่งที่พรีเซนต์ความโรคจิตของพี่เค้กที่มีมาตลอดได้ดีมากเลย เผลอ ๆ เพลงนี้อาจจะได้เป็นเพลงโปรโมทแทน Psycho ก็ได้เพราะถ้าเทียบจาก Zimzalabim มา เพลงนี้ดนตรีโทนจะคล้ายสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นความ future bass ที่แสนจะหนักหน่วง ลูกเล่นบีทที่ใส่ความหวานเข้ามาแต่ก็ดีแล้วที่ได้ Psycho เป็นเพลงโปรโมท

       เพลงนี้เราไปเทไปทั้งสองฝั่งเพราะว่าบีท ความสนุกสนานของเพลง การเปรียบเปรยมันดูมีทั้งฝั่ง Red และฝั่ง Velvet ผสมผสานรวมกันอยู่ 

    03. Remember Forever

       บทเพลงแห่งการส่งท้ายเป็นการดึงเรื่องราวทั้งหมดของไตรภาคนี้มาปิดจบไว้ผ่านแนว Pop Ballad ด้วยเสียงเปียโนโบราณ จังหวะวอลซ์ หวนให้นึกถึงเรื่องราว Day 1, Day 2 และเทศกาลครั้งนี้ เปรียบเสมือนเป็นการฝันถึงช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เราต่างผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย เราจะจดจำช่วงเวลาอันแสนสดใส มีชีิวิตชีวานี้ไปตลอดและคำสัญญาที่เราจะมาร่วมสร้างค่ำคืนที่ไม่มีวันจบลงด้วยกัน พวกเราจะกลับมาพบกันอีกครั้งแน่ ๆ สำหรับเราแล้วเนื้อเพลงได้พูดแทนใจไปหมดเลย คิดว่าพี่เค้กก็คงต้องคิดแบบเดียวกันด้วยแน่ ๆ เป็นเพลงที่ลัฟวี่ฟังแล้วต้องมีน้ำตาซึมกันบ้างแหละ 

    เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Velvet

    04. Eyes Locked, Hands Locked

       อีกหนึ่งเพลงฟังง่าย พักหูที่มาด้วยสไตล์ RnB บวกกับเนื้อหาของเพลงเองที่มีความโรแมนติกประกอบกับการถูกร้องผ่านพี่เค้กด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหวานหอมราวกับน้ำผึ้งเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก สำหรับเพลงนี้เองแล้วเราชอบท่อน bridge สุด ๆ ไปเลย ยิ่งช่วง final chorus ที่ดึงการใช้ไฮโน้ตมาใช้อีก พี่เค้กโชว์ศักยภาพของพวกเขาในเพลงแนว RnB ได้ดีสุด ๆ 

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Velvet ถึงแม้เพลงนี้จะมาพร้อมกับ Day2 ก็ตามแต่ความ harmonies มันเหลือล้นมาก ๆ  

    05. Ladies Night

       Ladies Night เป็นเพลงแนว city pop ในอัลบั้มที่เราชอบมาก ๆ โดยส่วนตัวชอบเพลงแนวนี้อยู่แล้วด้วย พอถูกนำเสนอผ่านพี่เค้กบอกเลยว่าชอบจนไม่รู้จะชอบยังไง ท่อน chorus เป็นอะไรที่สวยงามมาก การเลือกใช้ bass และ synth ได้อย่างชาญฉลาดเหมือนผ่านการคิดค้นมากอย่างดีทำให้เพลงนี้มีความ modern ในตัวที่ไม่ได้ทำให้เพลงดูเฉิ่มเกินไปและการร้องของพี่เค้กที่ผสมผสานกลืนกันกับเพลงผนวกภาคเนื้อหาที่เป็นการออกไปสนุกสนานในค่ำคืนหนึ่ง เหมือนการปลดปล่อยความรู้สึกที่ตามหามานาน เป็นค่ำคืนที่มีความสุขจนไม่สามารถลืมกันเลย แอบทำให้เรานึกถึงความชุ่มฉ่ำของแสงไฟนีออนในยุค 70's ของกรุงโตเกียวอีกด้วย ส่งผลให้เพลงนี้เป็นเพลงร่วมสมัยที่ดีต่อใจเราจริง ๆ 

       เพลงนี้เราเทไปทั้งสองฝั่ง ถึงมันจะมีความเป็น Velvet มากกว่าแต่มันก็ยังคอยสอดแทรกความสดใสของ Red มาตลอดทั้งเพลงเลย

    06. Jumpin'

       เพลงนี้เหมือนเป็นเพลงเร่งเครื่องหลังจากที่จากที่ได้ฟังน้ำเสียงหวาน ๆ ของพี่เค้กมาถึง 3 เพลงติดแล้ว เปรียบเสมือนพี่เค้กถามกับลัฟวี่และคนฟังว่าพร้อมมั้ย ๆ มาสนุกให้มันสุดเหวี่ยงกันไปเลยเถอะ ด้วยบีทที่ทรงพลังผสานความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์แต่ก็ไม่ได้กลบสีสันของเสียงร้อง เลเยอร์ของกีต้าร์ที่ค่อย ๆ ใส่มา เทมโปที่ค่อย ๆ เร่งเพิ่มความมันและซาวด์ synth ในท่อน chorus เป็นสิ่งที่ทำให้ความลึกของซาวด์ในเพลงนี้มีอยู่มากเลยทีเดียว รับรองว่าถ้าลัฟวี่ได้ไปฟังในคอนคงจะมีหมุนหัวกันจนหลุด ตะโกนกันคอแตกไปข้างหนึ่งเลย

    เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red

    07. Love Is The Way

       Love Is The Way เป็นเพลงที่ช้าลงมาหน่อยจาก Jumpin' ให้ทุกคนได้โยกย้ายเบา ๆ ไปกับสไตล์ retro และ doo-wop ที่เป็นดนตรี rhythm and blues ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยชาวแอฟริกันอเมริกันในช่วงสมัย 1940's และเป็นที่โด่งดังมากขึ้นในช่วงสมัย 1950's และ 1960's เราจะสังเกตได้จากท่อน Oh your lips say no, but my heart says yes ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของดนตรี doo-wop ได้อย่างดีเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมทางดนตรีที่ออกมาได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ชอบเพลงนี้มาก ๆ

    08. Carpool 

       การเดินทางร่วมกันของคนฟัง ลัฟวี่และพี่เค้กโดยมีคนนำเป็นพี่เค้กที่เป็น Summer Queens ค่อย ๆ นำพาเราไปสู่ความสนุกสนานที่แท้จริงของช่วงฤดูร้อน เพลงนี้เองให้ไวบ์เดียวกันกับ Umpah Umpah เลย ถ้าฟังจากมินิอัลบั้ม Day2 จะเป็นเพลงที่ส่งทางให้ Love Is The Way ได้ดีมากเลยทีเดียวแต่ถ้าเรียงจากอัลบั้มรีแพค ภาคเนื้อหาจะเป็นเหมือนการที่เราร่วมเดินทางไปเทศกาลที่ชายหาดกับพี่เค้กเลยสังเกตได้ว่าจะมีเสียงดอกไม้ไฟในช่วงท้ายเพลงด้วย เมโลดี้ ท่อน chorus ด้านภาคดนตรี ตอนแรกเราแอบอยากให้ลุงหมานเลือกเพลงนี้เป็นเพลงโปรโมทเลยด้วยซ้ำเพราะสื่อถึงความสดใสได้ดีแต่ถึงยังงั้น พอมาคิดดี ๆ แล้วเพลงมันก็ยังแอบเบาและดูถูกกลืนไปได้ง่าย สุดท้ายแล้วก็เหมาะ b-sides ดี ๆ ในอัลบั้มให้เราฟังจะดีกว่า

      เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red

    09. Umpah Umpah

       มาถึงเพลงโปรโมทของ Day2 แล้ว ความ upbeat ที่สร้างความสนุกสนานให้ตัวเพลง ไวบ์ที่เปรียบเสมือนเรากำลังเต้นอยู่ที่ริมชายหาดที่ถูกนำเสนอผ่าน Summer Queens เหมือนเป็นการประกาศว่าหน้าร้อนได้มาถึงแล้วและด้วยท่อนฮุคที่มีความ catchy ผสมผสาน funky rhythm guitar และเมโลดี้ที่มีความสดใสจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมลุงหมานถึงเลือกเพลงนี้มาเป็นเพลงโปรโมท 


       แถมเพลงนี้เองยังมี easter eggs จากเพลงเก่า ๆ มาอีกด้วยเช่น Ice Cream Cake, Red Flavor และ Dumb Dumb พูดได้เลยว่าขนกันมาหมดเหมือนกลัวแป้กเลย ส่วนตัวเราชอบท่อน bridge ของเพลงนี้มาก ๆ จอยยังคงรับและนำเสนอหน้าที่ตรงนี้ได้ดีและไฮโน้ตก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเพลงนี้เพราะได้โชว์ของกันทั้งเวนดี้ จอย ซึลกิ ไปเลย (เรารู้สึกว่าไฮโน้ตเพลงนี้ร้องตามแล้วเป็นอะไรที่สนุกมากเพราะรู้สึกว่าเสียงถึงหรือเรียกได้ว่ามั่นดีกว่า) และสำหรับเพลงนี้เองในความคิดเราเหมือนมันผสมระหว่าง Red Flavor กับ Power Up ถึงความโดดเด่นสู้อีกสองเพลงนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่เลยแต่ถึงยังงั้น Summer Queens ก็ยังนำเสนอเพลงนี้ออกมาได้ดีมาก ๆ 

    เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red แน่นอนอยู่แล้ว 

    10. LP

    เป็นอีกหนึ่งเพลงที่เราชอบมาก ๆ ด้วยความที่เพลงเองใช้ดนตรี jazz และ bossa nova ซึ่งเป็นการผสมผสานดนตรีแจ๊สของแอฟริกันอเมริกันกับดนตรีแซมบาเป็นตัวเดินเรื่องหลักซึ่งเราจะได้ยินเสียงเครื่องดนตรีอย่างแซกโซโฟน ทรัมเป็ต ทรอมโบนตลอดเลย เป็นอะไรที่คลาสสิคมาก ยิ่งช่วงดรอปเสียงดนตรีล้วน 02.28-02.40 ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเพลงนี้เลย มันให้อารมณ์สนุกสนานรื่นเริงสื่อถึงความเป็นเทศกาลได้ดีมาก ๆ 

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red

    11. Parade 

       Parade เป็นเพลงที่เข้ากับคอนเซ็ปอีกมาก ๆ เพลงหนึ่ง ไม่ว่าการใช้ซาวด์ที่ playful หรือจะเป็นการกำกับจังหวะโดยกลองสแนร์ในช่วงฮุค ดีเทลเสียงตบมือ เสียงดริ๊ง ๆ ของจักรยาน การร้องประสานเสียงที่ประหนึ่งให้อารมณ์ว่าเรากำลังได้ร่วมเดินขบวนพาเหรด Reve อย่างสนุกสนานไปกับพี่เค้กอยู่ 

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red 

    12. Bing Bing

       เพลงป๊อปที่มีความ uptempo ถูกนำเสนอผ่านเทคนิคการร้อง soulful อันโดดเด่น ซาวด์ที่เน้นไปที่เบส กีต้าร์และจังหวะสนุกสนานที่ให้ไวบ์ของชายหาดมาก ๆ เหมือนการมาเต้นสนุกกันหน้ากองไฟโดยมีพี่เค้กเป็นคนเต้นนำอยู่เลย

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red

    13. Milkshake

       อีกหนึ่งเพลง RnB ที่ในตอนเริ่มแรกเองก็แอบมีความ retro ปน ๆ มาอยู่นิด ๆ เพลงที่ให้ความสนุกสนานเต็มไปด้วยความสดชื่น ชุ่มช่ำ รสหวานเหมาะสมกับชื่อเพลงทำให้เพลงนี้อาจจะเป็นหนึ่งใน b-sides ที่หลาย ๆ คนชอบได้ไม่ยากเลย

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย 

    14. Sunny Side Up!

       เพลง RnB ผนวกกับการร้องที่มัน smooth ของพี่เค้ก เมโลดี้แสนแพงที่ชวนให้ติดหูตั้งแต่ฟัง instrumental ครั้งแรกและหลังจากได้ฟังเพลงเต็มก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลย ด้านเนื้อหาที่เป็นการเปรียบเปรยถึงความสัมพันธ์ที่มันบอบบางต้องมีความพิถีพิถันเอาใจใส่เปรียบเสมือนการทำไข่ดาวและท่อน woohoo-oohlala ที่หวานหูมากทำให้กลายมาเป็นหนึ่งใน Top10 B-sides ของพี่เค้กที่เราชอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย 

       เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Velvet หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเพราะเพลงฝั่ง Day1 ส่วนใหญ่เราให้ Red หมดเลย เราคิดว่าเพลงนี้ทำให้นึกถึงด้าน Velvet ของพี่เค้กมากกว่า Red มันทำให้นึกถึงเพลง Butterflies ของอัลบั้ม RBB มากเลยด้วย

    15. Zimzalabim

       อีกหนึ่งเพลงโปรโมทของพี่เค้กที่สร้างความประทับใจให้เราตั้งแต่ฟังครั้งแรกพร้อมกับมีหลุดหัวเราะไปพร้อม ๆ กันในท่อน zimzalabim zim-zimzalabim zim-zimzalabim zimzim ส่วนตัวเราชอบ instrumental ของเพลงนี้มาก ๆ เพราะมันทั้งสนุกสนานและฟังดูแล้วมีดีเทลต่าง ๆ มากมายซ่อนอยู่เต็มเลยอย่างเสียงรัวสแนร์ เสียงท่อนฮุคที่ให้ความ magical ที่เปรียบเสมือนการร่ายคถาท่องมนต์


       ทุกอย่างในเพลงนี้สื่อความเป็นเทศกาลได้ดีมาก ๆ เลย พรีเซนต์ความเป็น magical theme park ได้โดดเด่นสุด ๆ ด้วย อีกทั้งยังทำให้นึกถึงเพลงของวงรุ่นพี่ในค่ายอย่าง I Got A Boy ของ SNSD และ Red Light ของ f(x) เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเพลงที่มันแปลกแหวกแนวก็ you can't sit with us จริง ๆ 

    เพลงนี้เราเทไปทางฝั่ง Red อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

    16. La Rouge 

       เป็น Special Track แนวป๊อปที่ใช้เทคนิคร้องบัลลาด มันดีเกินคาดสำหรับเรามาก ๆ เลย ส่วนตัวไม่เคยฟังตัวเวอร์ชั่นในคอนมาก่อนแต่คิดว่าฝ่ายโปรดักชั่นของเพลงนี้ดีมาก ๆ อารมณ์ของเพลงให้ฟีลเต้นสะบัดไปสะบัดมาด้วยจริตแบบสวย ๆ แพง ๆ สุด 

       เพลงนี้เราเทไปทั้งสองฝั่งคือมีความสนุกสนานของฝั่ง Red และก็ความหวานของฝั่ง Velvet ผสานกันอยู่ด้วย เป็นอะไรที่ลงตัวมาก 


       อัลบั้ม The Reve Festival Finale เองก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่นำเสนอความเป็น Red Velvet ออกมาได้ค่อนข้างดีมาก ๆ สำหรับเราแต่เพราะมันเป็นการผสมของทางสองฝั่งเราเลยแอบคิดว่าทาง SM เอง คุมโทนอัลบั้มรีแพคนี้ออกมาได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียวแต่จังหวะในการเรียงแทร็กบางช่วงดูไม่สุดเหมือนกับ The Perfect Red Velvet เท่าไหร่ในความคิดเราแต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะถามว่าเราชอบมั้ย เราตอบได้เลยว่าชอบนะ ชอบมากด้วย ไม่ว่าจะเป็นธีมของอัลบั้มเอง มันเหมือนเป็นการที่เราได้ร่วมเดินไปทางไปกับ Red Velvet เลยจริง ๆ จึงแอบคิดว่าเพลง Remember Forever ช่วยส่งเรื่องราวตรงนี้มาก ๆ ในภาคเนื้อหาก็จะสไตล์ Red Velvet ที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว สามเพลงดี สี่เพลงวิ่งไล่ฆ่าผู้ชายและอัลบั้มนี้เองเหมือนทำให้เราได้รู้จัก Red Velvet มากขึ้นอีกด้วย 


       ด้านภาคดนตรีจะเห็นได้ว่า SM คุมโทนทางฝั่ง Day 1 และ Day 2 ได้ดีมาก ๆ พอนำมารวมกับ Finale เลยออกมาดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย ถึงการเรียงแทร็กจะแอบไม่สุดแต่เราว่าได้ต้องเรื่องคุมโทนดนตรีมาช่วยไว้ได้เยอะ ดูไม่กระจัดกระจาย ง่ายต่อการฟังและมันทำให้สามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ออกมาได้มากมายเลยด้วย อย่างการที่หนีจากความมืดใน Psycho เพื่อไปเจอความสว่างใน Zimzalabim แต่ก็อย่าวิเคราะห์มากเกินไปจะดีกว่า ด้วยความสไตล์ SM เอง เราจะหน้าแห้งเอาได้ง่าย ๆ เลย แหะ


       เราขอขอบคุณทุกคนที่สละเวลาอ่านกันจนจบด้วยนะ ใครที่พึ่งมาชอบพี่เค้กช่วง Psycho เราก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ได้รู้จักเรื่องราวของพี่เค้กได้มากขึ้นไปอีกเลย สำหรับใครที่อาจจะพึ่งรู้จักเพราะบังเอิญเข้ามาอ่านเราฝากเอ็นดูสาว ๆ ทั้ง 5 คนด้วยนะคะ ทุกคนน่ารักมาก มีความเป็นแฟมิลี่สุด ๆ แถมมีเพลงดี ๆ ให้ตามฟังกันอีกเพียบเลย สำหรับลัฟวี่เองตอนนี้ก็กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่ เราขอให้ทุกคนผ่านมันได้ไปเร็ว ๆ นะคะ

       fav tracks : psycho, in & out, remember forever, ladies night, love is the way, lp, parade, sunny side up!, zimzalabim


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
oneday526 (@oneday526)
รีวิวเพลงละเอียดมากเลยค่ะ เราอ่านแล้วฟังตามไปด้วย จากตอนแรกฟังแล้วเฉยๆกลายเป็นชอบ B-sideเพิ่มหลายเพลงเลยค่ะ ;-;
MAGAZYN (@zynlyn)
อ่านจบแล้ววว เขียนดี น่าจะเป็นบทความบั้มเกาบั้มแรกที่พี่อ่านในมินิมอจนจบ ถ้าไม่นับของตัวเองอะนะ 55555
Cyborg 03 (@Cyborg_03)
@zynlyn ฮือ ขอบคุณพี่ซินค่า พึ่งเขียนบั้มเกาครั้งแรกเลย เป็นกังวลมากแต่แค่ได้ฟีดแบคจากพี่ซินก็โอเคแล้ว55555