ผมไม่เคยคิดมาก่อน
ว่าการไม่ได้แต่งงานกับคนรัก ไม่ได้เขียนพินัยกรรมในตอนที่เรายังอยู่ดีมีสุข จะทำให้ผมเจ็บปวดได้ขนาดนี้
ไม่คิดเลยว่าแค่การไม่มีกระดาษแผ่นเดียวจะทำให้ผมเป็นคนที่ไม่สามารถเก็บของๆคนรักไว้ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว
เฟอร์นิเจอร์ของเราถูกยกออกไปวางด้านนอกทีละชิ้น เพื่อประเมินราคาแล้วรอเจ้าของใหม่
ของสะสมของคุณที่ผมพร่ำบอกว่ามันไร้สาระแต่คุณก็เฝ้าเช็ดมันอย่างถนุถนอม ตอนนี้พวกมันถูกกวาดลงลังกระดาษใบโตไปแล้ว
บางชิ้นที่ดูไม่น่ามีใครเห็นค่ามันเลยนอกจากคุณ ก็กำลังอยู่ในมือเหลนตัวเล็กๆของคุณ(ใช่ วันนี้พวกเขาก็ไม่ถอดรองเท้าเหมือนเดิม) พวกเขาเอามันมาพุ่งชนกันซ้ำๆอย่างการเล่นต่อสู้ จนพวกมันสีถลอก
ผมนั่งพิงเก้าอี้และไม่สามารถละสายตาจากเศษที่แตกจนตกลงมาจากของพวกนั้นได้เลย
ตอนมันเป็นชิ้นสวยงามผมไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับมัน
แต่ตอนนี้ มันเริ่มแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่แทบเท้าผม...
ผมเริ่มรู้สึกถึงความสวยงามของมันแล้วล่ะทารคา…
“นี่คุณ….ฉันรู้สึกไม่ชอบสายตาของเพื่อนคุณตาคุณเลย ตาสีอ่อนๆบนพื้นตาสีดำนั่น น่ากลัวออก…”
ถึงจะกระซิบกันเบาๆ แต่มันช่วยไม่ได้ที่หูของผมมันไวต่อเสียงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสียงต่างหูคุณที่แกว่งไปมา เสียงคลี่ธนบัตร เสียงกระทบของลูกอมในปากคุณ ทุกอย่างมันดูชัดเจนเหมือนมันกระทบอยู่ข้างหูผม ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ตาสีอ่อนแถมพื้นตายังดำอีก แย่จัง...
“อย่าจุกจิกน่า เผ่าทมิฬก็เป็นแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละ”
หลายชายของทารคาที่มีผมสีแดงเหมือนกับคุณตาของเขาพยายามพยักพเยิดบอกภรรยาให้เบาเสียงลงอีก
โลกเรามันผ่านไปเร็ว เดี๋ยวนี้ไม่ว่ายักษ์ ทมิฬ ลิง หรือมนุษย์ก็มีขนาดตัวที่ไม่แตกต่างกันมากเท่าสมัยก่อน อายุขัยก็เช่นกัน ทุกเผ่ามีอายุขัยเฉลี่ยที่สั้นลงมาจนเกือบจะเท่ามนุษย์ คงเป็นเพราะการมีความสัมพันธ์ข้ามระหว่างเผ่าพันธุ์เลยทำให้ได้รับการวิวัฒไปตามแบบที่มันควรจะเป็น
อย่างตอนนี้หลานของคุณก็ตัวสูงแค่ใต้อกของผม พวกเขาไม่มีความสามารถอะไรแบบที่ยักษ์พึงมี
การมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตแบบคุณและผมเริ่มกลายเป็นเรื่องน่ากลัวและไกลตัวสำหรับพวกเขา
ทมิฬปรายตามองทั้งสองคนแล้วชันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเดียวที่ยังวางอยู่ในห้องนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงผมจะได้ยินแต่โดยส่วนใหญ่แล้วผมจะไม่ทำให้ใครเสียหน้า”
สองสามีภรรยาที่เหมือนกับเป็นหลานของทมิฬกลายๆสีหน้าซีดขึ้นมาทันที
“ผมมีเรื่องอยากถาม”
“ครับคุณทมิฬ”
“ผมไปงานศพของทารคาได้รึเปล่า”
“.......”
“น่าจะมาได้หลังงานจบค่ะ”
“นี่!”
“อะไรเล่า!”
“......”
“..ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ คงจะมีแขกสำคัญมาเยอะมาก”
“ถ้างั้นเดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะคะ ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะเลย”
เธอรีบดึงแขนสามีออกไป ปากก็ร้องตะโกนเรียกชื่อลูกทั้งสามที่ตอนนี้หยิบผ้าคลุมผืนใหญ่ของคุณมาคลุมเพื่อเล่นซ่อนแอบ เมื่อได้ยินเสียงแม่ที่เริ่มกระชับเสียงสั้นขึ้นทุกทีก็รีบโยนทุกอย่างทิ้งแล้ววิ่งขึ้นรถไป
ทมิฬก้มลงเก็บผ้าคลุมขึ้นมาปัดเศษใบไม้ที่ติดตามชายผ้าออก ปลายรองเท้าส้นสูงเดินมาจ่อตรงปลายมือเขาขณะก้มเก็บพอดี
“คุณจะเก็บมันไว้ก็ได้นะคะ”
“........”
“ไปๆขึ้นรถแล้วก็นั่งดีๆ” เธอหันไปบอกเด็กๆ
“...ขอบคุณครับ”
เสียงยางรถบดกับพื้นกรวดที่เราทั้งคู่เป็นคนโปรยไว้หน้าบ้านแซมกับหญ้า ผมถือผ้าคลุมผืนนั้นไว้แล้วนึกถึงวันที่เราไปเดินเลือกมันด้วยกัน พวกเขาไปแล้ว
และพาสิ่งของ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของคุณไปด้วย
แค่หลับตา คุณก็มีชีวิตชีวา ความทรงจำทั้งหมดของเราเป็นของผมและของคุณ
ความรักของเรายังอยู่ในใจผมและในใจคุณ
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ
ว่าการไม่ได้แต่งงานกับคนรัก
ไม่ได้เขียนพินัยกรรมในตอนที่เรายังอยู่ดีมีสุข จะทำให้ผมเจ็บปวดได้ขนาดนี้..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in