เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นิยายจีนmenalin
หงส์กรีดปีก (匣心记)
  • ฉีเซอ: "ในเมื่อเห็นซึ้งถึงความเป็นไปของโลก เหตุใดต้องรักจนลึกซึ้งตลอดมา"


    ชิงเถียน: "ท่านสามเป็นคนฉลาด ยกตัวอย่างเช่นชีวิตคน จะอย่างไรก็ต้องตาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่เพราะจะอย่างไรก็ต้องตาย จึงไม่ตะกายใช้ชีวิตอยู่ต่อ"

    (เล่ม 1, หน้า 42)


    “หงส์กรีดปีก (匣心记)”

    ผู้เขียน: อู่เชี่ยน (伍倩)
    ผู้แปล: เกาเฟย
    สนพ. สยามอินเตอร์บุ๊ค
    (7 เล่มจบ)

              ต้วนชิงเถียนคือนางคณิกาอันดับหนึ่งของเมือง มีฉายาว่าจอหงวนบุปผา เดิมทีความหวังและความสวยงามหนึ่งเดียวในชีวิตของหญิงนางโลมอย่างนางมีเพียง "เขา" ผู้เป็นทั้งยอดรักยอดปรารถนา หากแต่นางไม่คิดเลยว่าบุรุษที่นางรักและชื่นชม มอบความไว้วางใจให้จนหมด บุรุษผู้นุ่มนวลอ่อนหวาน ผู้ที่เคยพร่ำคำรักและคำมั่นสัญญาว่าจะตบแต่งนางเป็นภรรยาผู้นั้น เมื่อถึงฝั่งฝันกลับถีบนางตกหุบเหวอย่างไร้ปราณี นางในสายตาเขายามนี้กลับเป็นเพียงสิ่งกีดขวางอนาคตอันรุ่งโรจน์ ชิงเถียนเจ็บปวดเสียใจแทบคลั่ง การหายใจในแต่ละวันกลับกลายเป็นเรื่องที่ทรมานจนเหลือทน ท้ายที่สุดก็หมดอาลัยในทุกสิ่งไม่เว้นแม้แต่ชีวิตของตนเอง

              แต่แล้ว "เขา" อีกคนก็ก้าวเข้ามา พยายามฉุดกระชากดึงนางขึ้นมาจากขุมนรกที่เขาคนก่อนผลักนางลงไป แต่ชิงเถียนเจ็บปวดเกินกว่าจะยอมรับไมตรีและปิดกั้นตัวเองอย่างแน่นหนา นางไม่ต้องการเจ็บปวดเพราะใครอีก คนที่เติบโตมาด้วยกันจนคิดว่ารู้จักกันอย่างดี เชื่อมั่นว่ารักกันมากยังทรยศต่อนาง แล้วกับ "เขา" คนนี้ บุรุษผู้ทรงอำนาจ สูงส่งด้วยยศศักดิ์อยู่ใต้คน ๆ เดียว แต่เหนือผู้คนนับหมื่น ก็แค่เพียงต้องการของเล่นแปลกใหม่เสียกระมัง เบื่อแล้วก็คงจากไปเช่นแขกคนอื่น ๆ ทว่า นางกำลังดูถูกน้ำใจและความมุ่งมั่นของท่านสามมากไปหรือไม่ ต้วนชิงเถียนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า นางกำลังจะถูกพัดม้วนเข้าสู่เกมการเมือง ความรัก ความแค้น และยากยิ่งจะถอนตัวออกมา...

    "...ส่วนพิษร้ายในใจคน ความจริงก็มีเพียงสิ่งหนึ่งสามารถตรวจสอบได้...คือเวลา" - ฉีเซอ
    (เล่ม 1, หน้า 174)

              นี่คือเรื่องราวชีวิตอันตราตรึงของโสเภณีผู้หนึ่งในยุคจีนโบราณซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาจากปลายปากกาของผู้เขียนได้อย่างซาบซึ้งประทับใจ ในยุคที่ขนบธรรมเนียมขีดกรอบของสตรีไว้อย่างชัดเจน หญิงคณิกาย่อมไม่มีทางมีคุณค่ามีเกียรติในสายตาของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าขุนนางและราชวงศ์ชั้นสูง และเฉียวอวิ้นเจ๋อก็ตระหนักดีในข้อนี้ คนใจแคบอย่างเขาจึงทรยศต่อความรักที่ชิงเถียนมีให้อย่างไร้น้ำใจ เพื่ออนาคตของตัวเองเขาทำร้ายได้แม้แต่นางในดวงใจที่อุ้มชูสนับสนุนเขาเรื่อยมา ซึ่งฉีเซอนั้นมองออกแต่แรก หากแต่เขาไม่เข้าไปแทรกแซงเพราะเรื่องแบบนี้ต้องให้ชิงเถียนรู้ด้วยตัวเองจึงจะถูก

              แม้ชิงเถียนจะเป็นหญิงคณิกาชั้นสูง แขกเหรื่อของนางล้วนแต่เป็นขุนนาง คุณชาย แต่จะอย่างไรสังคมก็ตีตราว่านางเป็นนางโลม ไม่ใช่สตรีที่ดีอยู่ดี ชิงเถียนเองก็รู้ตัวดี นางไม่เคยคิดฝันอาจเอื้อมไกลเกินตัว มีเพียงแค่เฉียวอวิ้นเจ๋อเท่านั้นที่นางเฝ้ารักเฝ้ารอ และหากแม้เมื่อถึงเวลาเขาจะทอดทิ้งนาง ก็เตรียมใจรอเผื่อไว้ เพียงแต่ไม่คิด ไม่เคยคิดว่าเขาจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนั้น และเมื่อความจริงปรากฏ นางก็ไม่อาจรับมันได้ไหว จนเมื่อฉีเซอก้าวเข้ามา เขาค่อย ๆ ใช้ความจริงใจตะล่อมนางจนใจอ่อน เขายอมรับนางได้ทั้งส่วนที่ดี และส่วนที่แย่ ระหว่างทางพวกเขาทั้งรัก ทั้งชัง ทำร้ายกันแล้วก็หันมาปลอบโยนซึ่งกันและกันอย่างนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ หากตัดยศท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ และจอหงวนบุปผาทิ้งไป พวกเขาก็ไม่ต่างจากคู่รักสามัญทั่วไปที่ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์

              สำหรับเรา เราประทับใจในตัวฉีเซอมากพอ ๆ กับชิงเถียน สองคนนี้เรียกได้ว่าคู่สร้างคู่สม หากแต่ต่างคนต่างเกิดมาผิดยุค ผิดสถานะกันไปเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงไม่ดราม่าถึงขนาดนี้ เพียงแวบแรกที่ได้เห็นชิงเถียน ฉีเซอก็ตกหลุมรักนางเข้าแล้ว ชั่วชีวิตเขามีความปรารถนาหลายอย่าง ผ่านความทุกข์มาก็มาก หากแต่เราเชื่อว่าเมื่อชิงเถียนปรากฏตัวขึ้น ทุกสิ่งเหล่านั้นล้วนไร้ความหมาย แม้จะมีช่วงที่ทอดทิ้งไร้น้ำใจ แต่นั่นก็คงเป็นเรื่องปกติของคู่รักที่รักกันมาก ๆ มากเสียจนบดบังสติปัญญาไปชั่วขณะ อีกทั้งฐิถิที่มีจนพาลเอากับคนใกล้ตัว เมื่อคิดได้ เขาก็ไม่มัวแต่ทะนงตน ยอมลงให้นางและดีต่อนางยิ่งกว่าเดิม ฉีเซอได้ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ความรักต่อชิงเถียน และเขาก็ได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าเป็นจริงจนในนาทีสุดท้าย

              ใครที่ชอบแนวดราม่าหนัก ๆ ปนโรแมนติก ลองเก็บเรื่องนี้ไปพิจารณาอีกเรื่องค่ะ แปลกดี ไม่ค่อยเห็นนางเอกที่เป็นโสเภณีเต็มตัวแบบนี้มาก่อน พระเอกก็ไม่ได้ perfect เสียจนเป็นแค่พระเอกในมโนทั่วไป เป็นนิยายที่ตีแผ่ความฟอนเฟะของมนุษย์แท้ ๆ ที่มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลงออกมาได้ดีจนน่าประทับใจ มีทั้งการแก่งแย่งชิงดีในวัง และชะตาน่าเศร้าของเหล่าสตรีในเรือน ต้วนชิงเถียนเองนางก็มีความแสบแบบหญิงคณิกากร้านโลก บทจะงี่เง่าขึ้นมาก็น่ารำคาญเหมือนกัน ท่านสามเองก็ทั้งเข้มแข็ง ดุดัน อ่อนโยน และร้อนแรง (นางหื่นนะ ชอบ 555) บทพี่แกจะพูดคำหวาน สารภาพความในใจนี่ก็ทำเอากรี๊ด จิกหมอนเกือบขาด หรืออย่างตอนเต๊ะท่าง้อสาวนี่ก็น่าหมั่นไส้ น่าหยิก มุมแย่ ๆ ก็มี เป็นตัวละครที่ทำให้หลงรักได้ไม่ยาก และก็อาจจะชังได้ง่าย ๆ สำนวนภาษาก็สละสลวยค่ะ (ต้องยกเครดิตให้ผู้แปลด้วย คิดว่าเรื่องนี้น่าจะแปลยากทีเดียว)

              อีกส่วนที่ชอบคือ การสื่อให้ตระหนักถึงคุณค่าของคน คุณค่าของชีวิต ตัวละครแต่ละตัวพบเจออุปสรรค ความผิดหวัง การพลัดพราก แต่ไม่ว่าจะผิดหวังเจ็บช้ำหรือทนทุกข์สักเท่าไร ทุกคนก็หาทางดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อ แม้จะมีเหตุผลแตกต่างกันไป ดีบ้างร้ายบ้าง แต่การเชิดหน้าขึ้นท้าทายโชคชะตา และอยู่อย่างยอมรับมันก็เป็นเรื่องที่น่านับถือ ฉีเซอเองแม้จะไม่ได้รับความรักจากบิดาแท้ ๆ แถมยังโดนทำร้ายจนขาเป๋ เสียลูกและภรรยา ถูกกักขังไร้อิสรภาพนานหลายปี แต่ความทุกข์เหล่านั้นก็ทำให้เขาเห็นความสำคัญของการอดทนอดกลั้นเพื่อมีชีวิตต่อไปมากกว่าใคร เพราะมีชีวิตอยู่จึงจะมีโอกาสได้เห็นศัตรูแพ้พ่าย ที่สำคัญคือ ได้พบและรักกับชิงเถียน

    "ข้าเคยพูดไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่จะพูดอีกครั้งหนึ่ง...แล้วก็จะผ่านไป อดทนไว้ก่อน จะต้องผ่านไปแน่นอน" - ฉีเซอ
    (เล่ม 2, หน้า 166)


              ปลายเดือนนี้จะมีงานสัปดาห์หนังสือแล้ว และจะเป็นรอบสุดท้ายที่จัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ด้วย สัญญาว่าจะทยอยเอาบล็อกที่ดองไว้มาลง เผื่อใครอยากอ่านประกอบการตัดสินใจ ช่วงนี้งานเยอะค่ะ เวลาอ่านหนังสือก็น้อยลง บล็อกก็ขี้เกียจลง แอบสำนึกผิดเบา ๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in