"นางเชื่อมาตลอดว่าเขาจะมา เขาจะมาอย่างแน่นอน เพราะนางรู้ดีว่าเขาจริงใจกับนาง เขาต้องมาอย่างแน่นอน
หากทว่านางไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเป็นเขา
เขายิ่งไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นนาง"
- มู่หรูซวง
(หน้า 299)
"บุหลันไร้ใจ (冷月如霜)"
ผู้เขียน: เฝยหว่อซือฉุน (匪我思存)
ผู้แปล: มิราทิพย์
สนพ. อรุณ, พิมพ์ครั้งแรก, กรกฎาคม 2559
ตอนเห็นชื่อผู้เขียนบวกกับความงามของหน้าปกก็ตัดสินใจไม่ยากที่จะยอมขายไตซื้อมาอ่าน ใครชอบอ่านนิยายจีนน่าจะพอคุ้น ๆ ชื่อเฝยหว่อซือฉุนอยู่บ้าง ผลงานแปลไทยก่อนหน้านี้ที่อาจเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้างก็เรื่อง "
ตงกง ตำหนักบูรพา" (东宫 -
minimore.com) ของสนพ. สยามอินเตอร์บุ๊ค (อ่านจบแล้วร้องเ_ี้ยหนักมากค่ะคุณ)
บุหลันไร้ใจ (冷月如霜) หรือ เหลิ่งเยว่หรูซวง (Cold Moon Like a Frost) มีเล่มเดียวจบ เนื้อหาดราม่าตามสไตล์ของเฝยหว่อซือฉุนค่ะ จัดหนักจัดเต็ม มาเน้น ๆ ไม่ให้ได้พัก แต่เรื่องนี้ไม่ฉุดกระชากใจเท่าเรื่องตงกงนะ มู่หรูซวงเป็นบุตรีของตระกูลมู่ อายุยังไม่เต็ม 16 ครอบครัวก็ต้องโทษประหารสิ้นทั้งตระกูล ตัวนางเองไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีดีหรือไม่ที่รอดจากโทษนั้นมาได้ หากแต่ก็ต้องตกระกำลำบากไปเป็นทาสรับใช้อยู่ในจวนท่านอ๋องหกผู้โหดเหี้ยม หรูซวงนั้นทนอยู่ได้ด้วยความแค้น แค้นเขาผู้นั้นผู้เป็นถึงราชันแห่งแผ่นดิน ผู้ที่สั่งฆ่าล้างตระกูลของนาง นางหมายมั่นจะแก้แค้นฮ่องเต้ให้จงได้ และเมื่อโอกาสมาถึงนางก็ไม่ลังเลที่จะคว้ามันไว้ มู่หรูซวงก้าวเข้าสู่วังหลวง อาศัยความโปรดปรานไต่เต้าจนขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดในวังหลัง
ส่วนเขา ติ้งฉุน ฮ่องเต้แห่งแคว้น โอรสสวรรค์ผู้อยู่เหนือทุกคนในใต้หล้า แต่กลับต้องยอมลงให้นางเพียงผู้เดียว เพราะนางมีใบหน้าละม้ายคล้ายสนมรักซึ่งจากเขาไปแล้ว ดังนั้นไม่ว่านางจะเล่นแง่แสนเอาแต่ใจเพียงไร ไร้สัมมาคารวะ หรือจะเย็นชาถึงเพียงไหน จะมีเสียงทัดทานของเหล่าขุนนางมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยใส่ใจ เขาเมินเฉยต่อฐานะธิดาของขุนนางต้องโทษของนางเสียสิ้น กับมู่หรูซวง เขาติดค้างนางมากเหลือเกิน เขาจะไม่ยอมสูญเสียอะไร หรือใครไปอีกแล้ว
"ชั่ววินาทีแห่งความเลือนรางนั้น ต่อให้เป็นเพียงห้วงฝัน เขาก็มิอาจปล่อยมือ ความปรารถนาทั้งหมด ความอัดอั้นทั้งมวล การสูญเสียทั้งหลาย ความทรงจำที่เหือดแห้งไปนานเหล่านั้น เศษเสี้ยวที่แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหล่านั้น ความสุขสันต์ที่ไม่มีวันได้สัมผัสชั่วนิรันดร์ พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง ขณะริมฝีปากคลอเคลียเกี่ยวพันเช่นนี้ นั่นเป็นความรุนแรงที่เจ็บร้าวเสียดกระดูก และเป็นความสิ้นหวังจากการดื่มเหล้าพิษดับกระหาย ทว่าเขากลับมิอาจต้านทาน ทำได้เพียงถลำลึกอย่างสิ้นหวังเช่นนั้นต่อไป"
- ติ้งฉุน
(หน้า 132)
บุหลัน แปลว่าพระจันทร์ ตอนแรกที่อ่านนึกว่าเป็นดอกไม้ ความเข้าใจผิดนี้เกือบทำให้เราสะเหล่อปล่อยไก่เสียแล้ว อีกนิดเดียวก็จะพลาดเช่นเดียวกันกับเขาผู้นั้น
บ่อยครั้งที่โชคชะตามักเล่นตลกกับจังหวะชีวิตของคนเราอย่างร้ายกาจ ได้พบกันและถูกตาต้องใจกัน แต่สุดท้ายแล้วกลับต้องคลาดกันไปอย่างน่าเสียดายด้วยความเข้าใจผิด เมื่อพบกันอีกครั้งชีวิตก็ไม่อาจเดินทางมาบรรจบกันได้อีกแล้ว ยิ่งเมื่อความแค้นมีมากกว่าความรัก ผลลัพธ์ก็แทบจะเดาได้เลยถึงความเสียหายที่จะตามมา ดูอย่างมู่หรูซวงที่ยืนหยัดอยู่ได้ด้วยเพลิงแค้นในใจ แต่แล้วมันก็เผาผลาญทำลายแม้กระทั่งหัวใจของนางเอง กับตัวเองนางยังโหดร้ายได้ถึงปานนั้น แล้วกับศัตรูของนางเล่าจะปานไหน หากแก้แค้นได้แล้ว หรูซวงจะพบความสุขได้จริงหรือ? คนเราถ้ารู้จักปล่อยวางได้เสียบ้าง ก็คงไม่ต้องทุกข์ทนกันถึงปานนี้กระมัง
เฝยหว่อซือฉุนชื่อนี้รับประกันความดราม่าแนวโศกนาฏกรรมได้เลย ตอนอ่าน ตงกง นี่ก็สงสัยอยู่นะว่านางมีปมอะไรในใจหรือเปล่า (ฮาาา) พอมาอ่านคำนำสำนักพิมพ์อรุณใน บุหลันไร้ใจ นี่ก็ยิ่งตอกย้ำว่าแนวดราม่าจัดหนักนี่เป็นแนวของนางจริง ๆ ฉายาของเฝยหว่อซือฉุนก็คือ "ราชินีแห่งโศกนาฏกรรม" ในบุหลันไร้ใจตัวละครแต่ละตัวก็จะมีปมความหลังของตัวเอง ต่างคนต่างยึดติดในความปรารถนาภายในใจ เรื่องราวซ้อนทับโยงใยกันไปมา ผู้เขียนหยอกล้อเล่นกับผู้อ่าน ล่อลวงให้เราติดตามเนื้อเรื่องอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ใช้กลยุทธ์ผูกปมแล้วก็เผยคำใบ้ออกมาเล็กน้อย หลอกล่อให้เรายิ่งสงสัยหนักขึ้น การหักเหลี่ยมเฉือนคม ชิงไหวชิงพลิบนี่ก็ตลบหลังกันไปมา เฉลยแต่ละอย่างนี่ก็ทำให้อึ้งได้ทุกครั้งไป มาเจอนักเขียนคนนี้นี่ เจ๊ถงหัวดูละมุนไปเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in