นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน
ตอนที่ 21 : ศีลขาด
หลังจากการประชุมกันของลูกหลานชาวดอนผักหวานที่อายุย่างเข้าสู่วัยเบญจเพส บรรยากาศในพิธีฝั้นสายสิญจน์คืนแรกนั้นอบอวลไปด้วยพลังงานที่พร้อมจะฟาดฟันกันของแต่ละคน เพราะต่างคนก็ต่างความคิด ขึ้นอยู่กับว่าใครเอาอะไรมาเป็นที่ตั้งสำคัญในการดำเนินชีวิต
ที่กระโจมของพ่อขาวในช่วงกลางดึกในขณะที่ทุกคนกำลังเตรียมตัวจะเข้านอน แต่กบกลับเดินออกจากกระโจมไปซึ่งในขณะนั้นติ่งที่อยู่ด้านนอกสุดของกระโจมแม่ขาวก็มองเห็นกบเข้าพอดี ท่าทางผิดสังเกตด้วยความอยากรู้อยากเห็นและหาโอกาสจะได้พูดคุยกับกบนานแล้ว ติ่งก็ได้แอบสะกดรอยตามกบไป ซึ่งได้บอกกับสาเพื่อนที่นอนข้าง ๆ กันว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
“ให้เฮาไปเป็นหมู่บ่ ?” สาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เฮาท้องเสียสิไปโดนแนโตบ่ต้องเป็นห่วงดอกเฮาบ่ย้าน” ติ่งรีบปฏิเสธก่อนที่จะรีบออกไป ดีที่บอกสาว่าท้องเสีย เพื่อน ๆ ที่ยังไม่นอนเลยไม่มีใครสงสัยอะไร
ที่ป่าไผ่ท้ายวัดดอนผักหวาน
“ว่าจังได๋เปี๊ยกแนวให้ไปเฮ็ดเรียบร้อยดีบ่? ”
เปี๊ยกลูกน้องคนสนิทของกบไม่ตอบแต่เปิดถุงให้ผู้เป็นเจ้านายดู ก่อนที่ทั้งคู่จะหลุดเสียงหัวเราะพอใจในผลงานของเปี๊ยก
“ว่าแต่พ่อเลี้ยงอย่าลืมเด้อว่าสิออกรถใหม่ให้ผม” เปี๊ยกทวงสัญญาเพราะงานนี้เขาทำกำไรให้พ่อเลี้ยงได้หลายล้านเลยทีเดียว
กร๊อบ!
“ไผวะ?!” กบและเปี๊ยกลูกน้องคนสนิทอุทานขึ้นมาพร้อมกันหลังจากที่ได้ยินเหมือนว่ามีคนเหยียบกิ่งไม้อยู่ใกล้ ๆ
“มึงหนีไปก่อน อย่าลืมจัดการของในถุงให้เรียบร้อย” ด้วยสัญชาตญาณกบรีบสั่งให้เปี๊ยกรีบหลบออกไปจากวัด ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับเข้ามาในบริเวณด้านในของวัด
ในระหว่างนั้นติ่งที่รอจังหวะให้พ่อเลี้ยงอยู่คนเดียวก็ก้าวออกมาจากหลังต้นมะม่วงทันที
“พ่อเลี้ยงกบ”
“ติ่ง! มาเฮ็ดหยังอยู่หนิ? ” กบทำสีหน้าไม่ไว้ใจและก็มั่นใจว่าเสียงที่เขากับเปี๊ยกได้ยินเมื่อสักครู่ต้องเป็นติ่งแน่ ๆ
“ตั้งแต่เรียนจบมาพวกเฮากะบ่ค่อยได้เว้ากันเลยเนาะพ่อเลี้ยง”
“มีหยังกะเว้ามาเดี๋ยวคนสิมาเห็น” กบเริ่มไม่สบอารมณ์ที่อีกฝ่ายมัวลีลาอยู่
“เอ่อ เฮาว่าสิของานพ่อเลี้ยงเฮ็ด งานหยังกะได้เฮาบ่เกี่ยงดอก”
“ฮ้อนเงินป่านนั้นบ่”
“กะฮ้อนยุ ลูกเฮาพวมกินเก่งพ่อมันกะป๋าหนีไปเอาเมียใหม่แล้วจักสิเฮ็ดจังได๋” ติ่งทำเสียงเศร้า
“เอาไว้งานฝั้นสายสิญจน์แล้วค่อยไปหาเฮาอยู่เฮือน” กบเอ่ยกับติ่งก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกลับไปที่กระโจมตัวเอง
ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม
เสียงกลองดังขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้กับพระสงฆ์สามเณรแม่ชีพ่อขาวและแม่ขาวทุกคนไปรวมตัวกันบนศาลาเพื่อทำวัตรเช้า ในค่ำคืนแรกของพิธีฝั้นสายสิญจน์ผ่านพ้นไปด้วยความยากลำบาก เพราะการถือศีลแปดสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัตินั่นก็คือการงดบริโภคอาหารหลังเที่ยง แต่สามารถดื่มเครื่องดื่มประทังความหิวได้
ด้วยความหิวและต้องนอนแปลกที่รวมกับคนที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตานานหลายปี จึงทำให้ทุกคนดูอิดโรยกว่าปรกติ จะมีก็แต่ติ่งที่นอนหลับอย่างมีความสุข เพราะสามารถของานทำจากพ่อเลี้ยงกบได้สำเร็จ
“รับข้าวปลาอาหารแล้วกะพากันไปเอาด้ายเทิงศาลาเด้อพ่อขาวแม่ขาว” ม่านฟ้าบอกบรรดาเพื่อน ๆ ที่เข้าร่วมพิธีด้วยกันหลังจากที่เธอกรีนนี่และเดอลาได้เตรียมด้ายไว้บนศาลาให้ทุกคนสำหรับฝั้นสายสิญจน์เรียบร้อยแล้ว
“ไหวบ่นกแก้ว? ” ม่านฟ้าเดินมานั่งข้าง ๆ นกแก้วเพื่อสอบถามสารทุกข์ เพราะตั้งแต่เมื่อวานเธอก็มัวแต่เตรียมข้าวของเพื่อที่จะใช้ในพิธี อีกทั้งยังต้องคอยดูแลคณะแม่ขาวที่ติดตามแม่ชียายของเธอด้วย
“เบิ่งหน้าเฮาเป็นตะไหวยุบ่” นกแก้วทำเสียงเหนื่อย
“เดี๋ยวกะจบงานแล้ว จริง ๆ การที่เฮามาอยู่นี่แทบบ่ได้ใช้ร่างกายเฮ็ดหยังเลย ที่เมื่อย ๆ นี่เป็นเพราะว่าจิตใจเฮาบ่สงบ มันฮ้อนมันฮนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ สมองมันบ่ได้พักบ่ได้ผ่อนคลาย เป็นธรรมดาที่เฮารู้สึกเมื่อยลองสังเกตโตจะของเด้อ”
นกแก้วทำสีหน้างง ๆ แต่ที่ไม่เข้าใจหนักไปกว่านั้นคือม่านฟ้ามาเสียเวลากับการอยู่วัดกับแม่ชีแม่ขาวได้ยังไงหลายปีเป็นเธอแค่ไม่กี่วันก็จะแย่อยู่แล้ว นี่ครีมบำรุงผิวก็ทาไม่ได้อีก นกแก้วยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่เมื่อเช้าเธอออกไปรับข้าวจากชาวบ้านพร้อมกับคณะแล้วมีคนนินทาเธอระยะเผาขนว่าเธอดูหน้าตาไม่สดชื่นดำคล้ำเพราะโดนของ เป็นหนี้มหาศาลบ้างเพราะเธอชอบทำตัวอวดรวย
แม้กระทั่งโดนสามีทิ้งบ้างทั้ง ๆ ที่เธอยังไม่มีสามีเลยด้วยซ้ำ และถ้าไม่ติดว่าม่านฟ้าบอกให้สำรวมตอนเดินรับอาหารจากญาติโยมนะ พวกปากหอยปากปูคงโดนเธอด่ายับไปแล้ว เป็นเพราะเธอฟังม่านฟ้าแท้ ๆ เลย ชาวบ้านถึงได้นินทาเธอเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้
“เป็นหยังนกแก้วหน้าคือบูดแท้? ” แสงที่คอยสังเกตนกแก้วมาพักใหญ่แล้ว พอสบโอกาสตอนที่ม่านฟ้าเดินออกจากนกแก้วไปเขาก็รีบเข้ามาคุยกับเธอทันที
“อารมณ์เสียสื่อ ๆ หนิ พวกปากหอยปากปูมักนินทาผู้นั้นผู้นี่”
“คะเจ้านินทาหยังหล่ะ? ”
“โอ้ย หลายอย่างไหนสิว่าเฮาเป็นหนี้เป็นสิน โดนของหนักสุดว่าเฮาถึกผัวป๋าคิดได้จังได๋เอ๋า”
“ปากคนไปซาหยังว่าแต่ถ้าบ่อยากให้คะเจ้าว่าผัวป๋ากะหาผัวเป็นโตเป็นตนจักคนถะแม้อยู่นี่กะว่างอยู่เด้อ”
“โอ้ย หล่ะงึดบ่อายชุดขาวใส่อยู่หนั่นแนเนาะ”
นกแก้วหัวเราะกับท่าทีชีกอของแสง
“มื้ออื่นกะถอดแล้วหล่ะ ว่าจังได๋ตกลงบ่หนิ” แสงยังคะยั้นคะยออยากรู้คำตอบ เพราะเขาก็แอบมีใจให้นกแก้วเหมือนกัน
“สองคนหนิบ่แมนศีลขาดหล่ะบ่มานั่งหยังสองต่อสองอยู่นี่” กรีนนี่โผล่มาทางด้านหลัง
“ไผว่าศีลขาด ทางนี้บ่ได้ถือศีลจักเม็ดเด้อ” นกแก้วพูดทีเล่นทีจริง เพราะเธอคิดว่าคงไม่รอดแน่ ๆ อย่างน้อย ๆ ค่ำนี้ยังไงเธอต้องแอบทาครีมให้ได้
“มา ๆ พากันไปฝั้นสายสิญจน์ให้มันแล้ว มื้ออื่นบ่มีสายสิญจน์ผูกแขนเด้ เดี๋ยวตอนบ่ายต้องประชุมกันอีกเรื่องชมรมสิเฮ็ดบ่เฮ็ด” กรีนนี่บอกเพื่อน ๆ ก่อนที่จะเดินนำไปยังจุดฝั้นสายสิญจน์ข้างหอระฆัง
“เห็นบอกว่าบ่มักคนกระจอก เอาไปเอามาหย่างนำคนกระจอกก่อนกูอีกวะ”
“มึงเว้าจังสิมึงอยากมีปัญหาติบักกบ” แสงโพล่งออกมาหลังจากที่กบพูดจาให้ร้ายนกแก้ว หญิงที่ตัวเองหมายปอง ส่วนกบก็พูดเสียดสีนกแก้วที่เคยทิ้งเขาไป เพียงเพราะว่าเขาไม่มีเงินถุงเงินถังให้ใช้ แต่ตอนนี้กลับมาชอบพอกับแสงที่ทำงานรอเงินเดือนเท่านั้น ผิดกับเขาที่กลายเป็นมหาเศรษฐีทุกคนในละแวกนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพ่อเลี้ยงกบ
“มึงมีปัญหาหยังบักแสง รึมึงสิเอากับกู”
“พอเลยสูหนิ บอกมาฝั้นด้ายมันสิแล้วบ่หนิ” กรีนนี่ขึ้นเสียงมองแสงตาเขียวปั๊ด
“กะมันหาเรื่องบ่เห็นบ่? ”
แสงและกบต่างไม่มีใครยอมใครเพราะเขม่นกันเรื่องนกแก้วอยู่แล้ว ทางด้านกรีนนี่เห็นท่าไม่ดีเลยต้องรีบห้ามไว้ก่อน
หลังจากที่แต่ละคนพยายามฝั้นฝ้ายมาได้บางส่วนแล้วก็ถึงเวลาประชุมปรึกษาหารือกันอีกรอบถึงข้อสรุปของโครงการที่จะตั้งชมรมหรือไม่
“ชมหลอกชมรม เสียเวลาทำมาหากินอิหลีวะ” กบแสร้งพึมพำกับตัวเองแต่ก็เสียงดังมากพอทำให้ทุกคนบนศาลาได้ยินกันทั่ว แม้กระทั่งเดอลาและกรีนนี่ตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งชมรม ที่กำลังหอบเอกสารเดินขึ้นศาลามา
“ฟังหมู่ก่อนจักหน่อยกะได้ดอกกบ” ม่านฟ้าพูดเสียงเรียบ แต่กบก็ยังไม่วายเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ
“มากันครบแล้วน้อ เดี๋ยวมื้อนี้พวกเฮามีเอกสารมาให้อ่านนำเด้อว่าโครงการของพวกเฮาสิเฮ็ดอิหยังกันแนถ้าพวกโตเห็นดีนำ” เดอลาเริ่มอธิบายส่วนกรีนนี่และเพื่อนบางส่วนก็ช่วยแจกเอกสารประกอบการประชุมให้กับสมาชิก
“โครงการพี่ช่วยน้อง คิดได้จังได๋วะ” ว่าแล้วกบก็หัวเราะเอิ้กอ้ากล้อเลียนชื่อโครงการของเพื่อน
“อดเอาเด้อใจ” เดอลาคิดแค้นในใจ นี่กว่าจะร่างโครงการมาได้นะ
“เอ้าเริ่มเลยเพื่อน ไผฟังกะฟังไผบ่ฟังกะไปเมี่ยนศาลา” ศักดิ์ช่วยเปิดทางให้เดอลาได้นำเสนองานได้ง่ายขึ้น เพราะดูท่าทีแล้วกบคงจะขัดคออยู่เรื่อย ๆ
“พวกโตได้เอกสารแล้วเนาะ เดี๋ยวเฮาขอเว้ารายละเอียดสุฟัง”
“ชมรมนี้พวกเฮาตั้งชื่อไว้ว่า “ฮ่วมฮัก” เพราะความตั้งใจของพวกเฮาคืออยากให้การทำงานอาสาเพื่อหมู่บ้านเฮาหนิ มาด้วยใจฮัก เฮ็ดด้วยใจฮัก ของลูกหลานบ้านดอนผักหวานของเฮาสุคน
“สำหรับหลักการของพวกเฮากะง่าย ๆ เลย คือ ขอคนที่อยากอยู่บ้านดอนผักหวานแล้วมีความสุข สำนี้เลย ชมรมพวกเฮาสิเอาความสุขเป็นที่ตั้ง เพื่อช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านของเฮาไปนำกัน ถ้าพวกเฮารวบรวมพี่น้องที่อาสามาช่วยงานชมได้กะสิเริ่มแบ่งงานกัน ตามโครงสร้างชมรมที่พวกเฮาได้วางได้”
“ไทกรุงเทพฯ คือโลกสวยแท้ เอาความสุขเป็นที่ตั้งพะนะ”
“เว้าอีกกะถูกอีกติ่ง แุถมหาเหาใส่หัวคัก ๆ งานนี้” นกแก้วเริ่มเซ็งเพราะไม่ได้เห็นด้วยกับโครงการนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“อย่าฟ่าวโวยวาย มา ๆ เฮาสิเว้าสุฟัง” กรีนนี่เริ่มออกโรงบ้างเพราะสังเกตสีหน้าของเดอลาไม่สู้ดีนักหลังจากเพื่อน ๆ ต่อต้าน
“คือจังสิ สำหรับชมรมนี้พวกเฮาตั้งใจสิให้ทุกเพศทุกวัยมีส่วนร่วมนำ พากันเบิ่งเอกสารที่แจกให้นำเด้อ เบิ่งหน้าสองหม่องที่เขียนว่าคณะกรรมการหนั่น เฮาสิอ่านให้ฟังนำ”
“เดี๋ยวเฮาอ่านให้ส่วนนี้” ศักดิ์เสนอเสนอตัว
“คณะกรรมการแบ่งเป็น"
มีสี่ฝ่ายเด้อสูคน ในส่วนของประถมศึกษากะสิขอให้คุณครูมาช่วยดูแลนำ ส่วนฝ่ายอื่นกะชัดเจนอยู่แล้วว่าใครจะเข้าไปอยู่ฝ่ายไหน เพื่อนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนอชมรม พวกเฮากะสิได้ซ่วยกันนำข้มูลเหล่านั้นไปพัฒนาหมู่บ้านเฮาต่อไป บ่ว่าสิเป็นการพัฒนาวัด พัฒนาหมู่บ้านและพัฒนาโรงเรียน พวกโตพอเข้าใจแนบ่? ” ศักดิ์เงยหน้าถามเพื่อน ๆ หลังจากที่เป็นตัวแทนอ่านรายละเอียดให้ทุกคนฟัง
“แล้วสิเฮ็ดงานกันจังได๋หล่ะ สงกรานต์แล้วบ่แมนว่าพากันแตกหนีไปคนละหม่องบ่? ” นกแก้วถามต่อ เพราะเธอรู้ว่าหลายคนไม่ได้อยู่ที่หมู่บ้านดอนผักหวานแล้วตัวเธอเองก็เหมือนกัน
“กะหนิหล่ะพวกเฮากะเลยมีคณะกรรมการฝ่ายประถมศึกษาและมัธยมศึกษาไว้ประสานงานกับพวกเฮา ส่วนฝ่ายอื่น ๆ ก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแล้วแต่ว่าไผสิกลับบ้านมาได๋พวกเขากะสิเป็นตัวแทนแต่ฝ่ายคือกัน”
“แห่งฟังแห่งปวดหัว โครงการยากป่านนี้มีงบทอได๋ก็หวา? ” นกแก้วยังไม่จบเรื่องงบ เพราะปรกติเวลาเธอจะทำอะไรกับเพื่อน ๆ ของเธอเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องใหญ่
“เฮ้อ.. กะยังว่าบ่มี!” เดอลาเริ่มไม่พอใจนกแก้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งพวกเธอเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน เดอลาไม่ปฏิเสธว่าเงินสำคัญแต่มันก็ไม่เสมอไปอย่างที่นกแก้วพูดมา หายใจเข้าออกคือเงินขนาดนั้น
“เซา ๆ งบกะบ่มี อีหยังกะบ่มีโครงการเว้าอยู่เทิงฟ้าพุ้น”
“เฮากะเห็นคือพ่อเลี้ยงกบว่า เซาสาเมื่อยซื่อ ๆ อยากซอยกะหาผ้าป่ามาลงแต่ละปีกะพอแล้ว เสียเวลาทำมาหากิน” ติ่งยังสนับสนุนพ่อเลี้ยงกบไม่เลิก
เดอลาสบตากับกรีนนี่ด้วยแววตาที่เหนื่อยอ่อนระคนกับความโกรธว่าทำไมการจะช่วยเหลือหมู่บ้านให้น่าอยู่พัฒนาให้ดีกว่านี้ไม่มีปัญหายาเสพติด ทำให้ทุกคนเห็นคุณค่าในตัวเองและผู้อื่นโดยไม่เอาเงินมาเป็นที่ตั้งมันยากขนาดนี้เหรอ น้ำตาแห่งความน้อยอกน้อยใจก็ค่อย ๆ ไหลรินอาบสองแก้มเธอลงมา คนดีทำไมหาที่ยืนลำบากมากขนาดนี้
จบตอน
ด้วยฮัก จากงามดอกบัว
สงวนลิขสิทธิ์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in