จริงๆตอนนั้นมันก็ดีนะ
ดีที่ตัดสินใจ...เพราะมันเป็นดังฟางเส้นสุดท้ายที่ยึดเหนี่ยวเราไว้กับความเจ็บปวด เมื่อเราเลือกก้าวต่อไปข้างหน้า เราได้ตัดฟาง ตัดพันธนาการ ตัดแม้กระทั่งเส้นใยหรือเนื้อหนังเอ็นที่เหนี่ยวรั้งเราไว้ เมื่อสิ่งพันธนาการทั้งหลายถูกตัดทิ้งจนสิ้น รอยบาดแผลเริ่มปรากฏชัดเพราะความดื้อรั้น
.
.
ดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ ... ไม่จริง
มันมีจริงๆหรือ ฉันกลัว กลัวว่าวันพรุ่งนี้จะมาถึง กลัวว่ามันจะไม่เป็นดังที่หวัง
.
พันธนาการเกือบถูกปลดสิ้นเพียงเสี้ยววินาที การยึดเหนี่ยวทางจิตใจเหมือนยังเป็นที่พึ่งสุดท้าย ฉันคว้ามันไว้ได้ทันและตัดสินใจวิ่งหนีมัจจุราชร้ายที่ใกล้เพียงหยิบมือ
.
.
ใช่!!! วันนั้นฉันชนะมันแล้ว .... แค่วันนั้นหรือเปล่า?
เช่นเคย ... ตัวฉันเองไม่อาจรับรู้ได้ เพราะเรายังคงวนเวียนกับมันอีกครั้ง ไม่ครั้งใดก็ครั้งหนึ่ง
.
.
วันพรุ่งนี้มีจริงๆ แล้วมันก็กลายเป็นวันนี้ และผ่านไปเป็นเมื่อวาน
.
วันที่พระอาทิตย์สาดแสงลงมาที่ฉัน ลบเลือนคราบน้ำตาของเมื่อวาน แต่ไม่อาจลบเลือนร่องรอยของความบอบช้ำภายใต้ดวงตาคู่นั้นได้ มันสร้างร่องรอยทิ้งไว้ และสร้างความปวดร้าวไว้ที่ศรีษะและดวงตา มันทั้งบวมและปวดหนึบ ...!
.
.
แต่ถ้าเมื่อวานฉันหนีมัจจุราชไม่พ้น ... ฉันจะไม่ได้รับข่าวดีเลย เตียงนอนนั้น จะกลายเป็นแผ่นผืนที่สลักตรึงตัวฉันไว้ดังนิจนิรันดร์
.
.
ข่าวดีที่ฉันก็ยังดีใจจนเสียน้ำตา น้ำตากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่แสนอ่อนแอนี้ไปเสียแล้วมั้ง
.
.
ก้าวออกมา ฉันก็คิดว่าไกลพอสมควรแล้ว แต่มัจจุราชร้ายก็กลับมาอยู่ในมือฉันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกของฉันกับมันต่างจากวันก่อน วันนั้นมันอาจเป็นมัจจุราชที่พร้อมพรากพาชีวิตฉัน แต่ในวันนี้มันคือมัจจุราชที่จะคอยปกป้องฉัน ฉันเรียนรู้ที่จะรู้จักและควบคุมมัน และมันจะไม่อาจเป็นมัจจุราชสำหรับฉันและใครทั้งสิ้น
.
.
ดอกไม้ไม่ได้ผลิบานมานานพอสมควรแล้ว การตัดสินใจครั้งนั้น มอบพลังอันบ้าคลั่งให้ฉันอย่างไม่หยุดหย่อน ฉันกลายเป็นคนละคน
-พัทธ์ธีรา-
...to be continued...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in