นก เครื่องบิน ยานอวกาศ
หากนึกถึงผลงานชิ้นโบแดงอันเกิดมาจากวิวัฒนาการทางความคิดที่ก้าวกระโดดของมนุษย์
วิหค นกเหล็กและยานพาหนะซึ่งใช้สำหรับการพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่กับความเวิ้งว้างในอวกาศ
คงจะเป็นสามสิ่งสำคัญที่คอยตอกย้ำถึงความฝันครั้งใหญ่ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยความทะเยอทะยาน
มนุษย์ไม่เคยเป็นปักษาและไม่มีวันเป็นจ้าวเวหาผู้ซึ่งโบยบินและโลดโผนโจนทะยานบนเวิ้งนภา
แต่เมื่อจินตนาการ โอกาสแห่งความเป็นไปได้และความเพียรพยายามได้เวียนมาบรรจบพบกัน
สิ่งมีชีวิตซึ่งมีหนึ่งสมองและสองมือจึงใช้ความพยายามและความสามารถที่มีอยู่คิดค้นนวัตกรรม
อันประสบความสำเร็จจนสามารถเปลี่ยนระบบคมนาคมไปตลอดกาลตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
วัตถุขนาดหลายพันตันที่ถูกออกแบบให้เหาะเหินเดินอากาศได้จนถูกขนานนามว่าเป็นนกเหล็ก
อาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับการค้นพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของผู้คนในยุคสมัยนั้น
ทว่ากลับไม่ได้มากพอที่จะทำให้คนรุ่นหลังย่ำอยู่กับที่ด้วยการสยายปีกบินแค่ในชั้นบรรยากาศ
ภายในดาวเคราะห์ทรงกลมสีน้ำเงินอมเขียวที่พำนักอาศัยอยู่เพียงตำแหน่งแห่งหนเดียวเท่านั้น
การถือกำเนิดของนกเหล็กจึงได้กลายเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่ทำให้มนุษย์เกิดความทะยานอยาก
และพยายามที่จะฝันให้ไกลกว่าที่ตัวเองเคยฝันด้วยการเอาชนะขีดจำกัดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้
ด้วยการประดิษฐ์ยานอวกาศและส่งพลขับพร้อมกับภารกิจสำคัญครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
จนสามารถฝากรอยเท้าทั้งสองข้างไว้เป็นที่ระลึกบนดวงจันทร์ท่ามกลางสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง
และนั่นทำให้เรื่องเพ้อเจ้อราวกับมนุษย์กำลังนอนฝันกลางวันนานเกินไปกลายเป็นจริงขึ้นมา
สามวิวัฒนาการดังกล่าวจึงเป็นข้อพิสูจน์ซึ่งชัดแจ้งที่สุดที่คอยตอกย้ำให้เหล่าปุถุชนทั้งหลาย
ได้พึงระลึกนึกถึงไว้ว่าไม่มีความเป็นไปได้อันใดในโลกใบนี้ที่จะไม่มีทางเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
เนื่องด้วยโลกใบนี้ถูกขับเคลื่อนโดยสิ่งมีชีวิตที่ทำให้ความฝันอันเหลือเชื่อเกินกว่าจะเป็นไปได้
...ไม่มีจริง
พรชา จุลินทร (สบาย)
2 กุมภาพันธ์ 2566
13.32 น.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in