เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Living for Learning Lifeningnong
ทำงานอย่างไร ให้อยู่(เย็น) เป็น(สุข)
  • หลักความเชื่อที่ดีงามควรตั้งอยู่บนฐานแห่งหลักการกระทำตามระบบเหตุปัจจัยแห่งธรรมชาติ ผลแห่งการกระทำที่ดีงามใดๆ ย่อมมาจากเหตุปัจจัยที่ดีงามนั้นๆเหตุปัจจัยที่ดีงามใดๆ ย่อมสร้างสรรค์ผลที่ดีงามนั้นๆ เช่นกันเพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้ระบบเหตุปัจจัยแห่งธรรมชาตินั่นเองสำคัญที่การกระทำให้มีหลักทำ การพูดจาให้มีหลักพูด การวางใจให้มีหลักใจการคิดเห็นให้มีหลักคิด การมองให้มีหลักพิจารณาเรานั้นจะสามารถสร้างสรรค์ศักยภาพแห่งศรัทธาและปัญญาที่ดีงามและเป็นมิตรนั้นให้เกิดขึ้นในตนได้อย่างยั่งยืนจริงแท้หรือไม่เพราะการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะด้านใดของชีวิต การเรียนการศึกษา การงานอาชีพการบ้านการเรือน การเมืองการปกครอง และด้านอื่นๆ ล้วนจำเป็นต้องมีหลักในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องและดีงามเสมอเมื่อชีวิตและจิตใจของคนมีความถูกต้องและดีงาม องค์กร ชุมชน สังคม ประเทศย่อมมีความถูกต้องและดีงามไปด้วยเช่นกัน

    อ่านให้สนุกนะครับ

    ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

    นายฉลองชัยบุญโรจน์ (ธุดงค์เมือง)


    จากใจผู้เขียน



    สนใจสั่งซื้อ E Book ฉบับเต็ม
    หรือ ฉบับแยก Chapter
    โปรดแจ้งมาทางข้อความได้เลยนะครับ

    .

    ติดตามสาระดีๆ​ ได้จากเพจนี้​ FB Living Learning Lifeตลอดจน​ สื่อสาระดีๆ​ ทั้งหนังสือ​แต่งเอง​ E​ Book​ และรูปเล่ม บทความสั้น​ หลักสูตรอบรมตลอดจนแนวทางและวิธีการพัฒนาชีวิตตนเองและสร้างสรรค์สังคมให้ดีงามและเป็นมิตร​ .ขอฝากเพจนี้สู่ท่านผู้สนใจทุกท่านด้วยนะครับ

     

  • คำปรารภ

     

                หนังสือเล่มนี้มุ่งสร้างประกายทางความคิด และมุมมองใหม่ๆ ในการทำงานตลอดจนมุมมองเดิมที่เพิ่มเติมไปด้วยคุณค่าการพัฒนาและความสัมพันธ์ที่ดีงามยิ่งขึ้น โดยมีเนื้อหาหลักประกอบไปด้วย 2 ส่วนใหญ่ส่วนแรกเป็นเค้าโครงโครง ผู้เขียนได้ถอดเนื้อหาหลักมาจากการบรรยาย โครงการงานพัฒนาองค์ความรู้และข้อมูลสำหรับSMEs (Knowledge Center) วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคมพุทธศักราช 2563 และวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคมพุทธศักราช 2563 ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บรรยายพิเศษในหัวข้อ จุดประกายความคิด สร้างสรรค์ธุรกิจให้แข็งแรงเพื่อรับมือกับองค์กรต่างชาติ โดยผู้เขียนเป็นผู้บรรยายเองทั้งนี้ภายใตัวัตถุประสงค์โครงการดังกล่าวข้างต้นเพื่อส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทยขนาดเล็กและขนาดกลางหรือที่เรียกว่า SMEs นั้น ในวันที่บรรยายจะมีวิทยากรกิตติมศักดิ์และวิทยากรบรรยายพิเศษร่วมบรรยายด้วยอีกสองท่านโดยเนื้อหาในตอนเปิดโครงการจะเน้นไปที่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การค้ากับญี่ปุ่นเนื้อหาส่วนกลางจะเน้นไปที่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมารยาทในการทำงานกับคนญี่ปุ่นโดยในสองส่วนแรกนั้นจะให้น้ำหนักไปที่รู้จักเขาหรือรู้จักคู่ค้าต่างชาติเป็นหลัก (โดยเจาะลึกไปที่ประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะเนื่องจาก โครงการนี้เลือกกลุ่มนักธุรกิจที่สนใจค้าขายกับคนญี่ปุ่นเป็นหลักจึงได้เชิญวิทยากรที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นและการทำงานกับคนญี่ปุ่นมาโดยเฉพาะ) สำหรับเนื้อหาส่วนปิดท้ายเดิมผู้เขียนนึกอยู่พอสมควรว่าจะนำเนื้อหาส่วนใดไปบรรยายให้เข้ากับวัตถุประสงค์ของโครงการและความคาดหวังหรือความต้องการของผู้ฟังเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ตามความมุ่งหวัง หลังจากพิจารณาเป็นเวลาหนึ่งจึงได้เลือกหยิบเนื้อหาที่เกี่ยวกับการทำให้ผู้ประกอบการที่จะติดต่อค้าขายกับคู่ค้าต่างชาติควรเตรียมตัวองค์กร บุคลากร อย่างไรเพื่อให้สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้อย่างราบรื่นเป็นมิตร และเป็นธรรม ด้วยเหตุนี้เนื้อหาที่ผู้เขียนเลือกเรียบเรียงบรรยายในวันนั้น จึงเป็นเนื้อหาที่เน้นให้รู้จักเราองค์กรของเรา บุคคลากรของเรา เพื่อจะได้สร้างความสมดุลย์ให้เกิดแก่ผู้ฟัง ทั้งนี้หลังจากบรรยายเสร็จไปได้หลายเดือนผู้เขียนได้เริ่มเขียนหนังสือเล่มแรกซึ่งได้เผยแพร่สู่สาธารณะชนและจัดจำหน่ายแล้วในวันศุกร์ที่26 มีนาคมพุทธศักราช 2564 มีชื่อว่า THESOUL OF GREAT ENTERPRISE จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ประกอบการที่ดีงามและเป็นมิตรด้วยแนวทางการบริหารธุรกิจ ที่เป็นมิตรและเต็มไปด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์ (DYNAMIC &CREATIVE Business Management)ซึ่งหลักใหญ่ใจความของหนังสือเล่มแรกนี้ผู้เขียนมุ่งเขียนโดยเน้นมุมมองเชิงบริหาร เชิงกลุยทธ์สร้างวิสัยทัศน์แห่งความสมดุลย์ที่งามและเป็นมิตรของการบริหารจัดการองค์กรอันเป็นจิตวิญญาณแห่งผู้ประกอบการ เมื่อผู้เขียนได้แต่งหนังสือเล่มแรกเสร็จแล้วผู้เขียนพบว่าผู้เขียนเองควรเขียนหนังสือเล่มที่สองต่อเนื่องโดยเน้นเนื้อหาที่เป็นการขยายความ ลงรายละเอียด ตัวอย่าง ความเป็นอยู่วิถีชีวิตแห่งการทำงานให้มากยิ่งขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นหนังสือ How to เพื่อใช้ประกอบการการศึกษาเรียนรู้คู่กับหนังสือเล่มที่หนึ่งนั่นเองด้วยเหตุนี้เอง ผู้เขียนจึงได้พยายามนึกถึงเนื้อหาแก่นของหนังสือเล่มที่สองว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหนแล้วจะไปจบอย่างไร เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจ มีความบริบูรณ์ในหนังสือเล่มเดียวมีความครบบริบูรณ์ภายในตัวเองซึ่งเนื้อหาที่ผู้เขียนได้เคยบรรยายครั้งเมื่อตอนต้นนั้นมีเนื้อหาที่ผู้เขียนได้เรียบเรียงองค์ความรู้ที่ครบถ้วนและจบบริบูรณ์ภายในตัวเองอีกทั้งเนื้อหายังเป็นเนื้อหาที่ใช้ทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานและบุคคลผู้สนใจทุกท่านผู้เขียนจึงได้ใช้เค้าโครงการบรรยายในโครงการดังกล่าวเป็นแก่นหลักในการแต่งหนังสือเล่มนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นส่วนแรกของหนังสือเล่มนี้ ต่อไปคือส่วนที่สองผู้เขียนได้แต่งเพิ่มเพื่ออธิบาย และเติมความให้ครบถ้วน เข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้ได้ดีตามสถานการณ์ของบริบท จึงเป็นที่มาที่ไปต้นมูลเหตุของการแต่งหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนขออนุโมทนาสาธุแด่ท่านผู้อ่านทุกท่านตลอดจนครูบาอาจารย์ทุกท่าน คุณบิดามารดา ผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน กัลยาณมิตรทุกท่านที่ได้เอื้อเฟื้ออนุเคราะห์ตลอดชีวิตที่ผ่านของผู้เขียนจึงทำให้ผู้เขียนมีทั้งกำลังกาย กำลังวาจา กำลังใจ ตลอดจนกำลังความคิดที่ทำให้สามารถแต่งเรียบเรียงหนังสือเล่มที่สองนี้ได้จบครบถ้วนดังความตั้งใจผู้เขียนขอกราบอนุโมทนาสาธุ มา ณ ที่นี้ เป็นอย่างยิ่ง

     

     

     

                                              

        ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

     

    นายฉลองชัยบุญโรจน์

    (ธุดงค์เมือง)

     

    จากใจผู้เขียน

                                                                                                                                                   วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2564

  • บทนำ

     

                อนึ่งหากท่านผู้อ่านได้เคยอ่านหนังสือเล่มก่อนหน้าของผู้เขียนมาแล้ว ข้อความในบทนำนี้ ผู้อ่านสามารถอ่านเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจได้หรืออยากจะอ่านพอเป็นเค้าโครงก็ย่อมได้ ตามสะดวกท่านผู้อ่านได้เลยนะครับ ทั้งนี้ขอให้ท่านมั่นใจว่า ท่านมีความแม่นยำมีความเข้าใจถึงหลักการและวิธีการอ่านตลอดจนผลลัพธ์ที่จะได้จากการอ่านหนังสือดีแล้วแต่หากท่านผู้อ่านได้เคยอ่านหนังสือเล่มแรกของผู้เขียนมาแล้วผู้เขียนใคร่ขอชี้แจงให้ทราบว่าผู้เขียนยังคงต้องเริ่มต้นถึงวิธีการอ่านหนังสือเช่นเดิมด้วยวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับสาระและคุณประโยชน์เชิงปฏิบัติได้มากที่สุดตามศักยภาพความรู้ความเข้าใจของท่านผู้อ่านแต่ละท่าน หรืออาจกล่าวได้ว่าหนังสือจะมีประโยชน์เชิงปฏิบัติมากน้อยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการอ่านหนังสือเล่มและอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่ความรู้พื้นฐานเดิมของผู้อ่านและอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่การนำไปใช้จริงลงมือปฏิบัติจริงด้วยความตั้งใจ ความพยาม ไม่ย่อท้อ และเรียนรู้ฝึกฝนจนพบเจอกับความสำเร็จได้ในที่สุดแนวทางในการอ่านหนังสือนี้มีอยู่ว่า บางท่านหากสะดวกอ่านเป็นหัวข้อๆก่อนหลังก็ดี หรือบางท่านอาจเลือกอ่านจากเริ่มต้นไปสิ้นสุดก็ดีหรือบางท่านอาจเลือกอ่านเฉพาะจุดก็ดี หรือบางท่านอาจเลือกอ่านสลับไปสลับมาก็ดีหนังสือเล่มนี้ มีความพร้อมให้ท่านผู้อ่านสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัยเนื่องจากผู้เขียนได้เลือกเขียนแยกเป็นหัวข้อๆ เพื่อให้จบความภายในหัวข้อนั้นๆไม่ว่าจะเป็นหัวข้อใหญ่หรือหรือย่อย ด้วยเหตุนี้ท่านผู้อ่านสามารถเลือกอ่านศึกษาเรียนรู้ได้ตามอัธยาศัย ตามความปราถนามุ่งหวังทั้งนี้หากท่านผู้อ่านเลือกอ่านหัวข้อใดแล้ว ผู้เขียนเองก็มีความมุ่งหวังว่าอยากให้ท่านผู้อ่านได้อ่านหัวข้อนั้นให้จบย่อหน้าหรือบทความนั้นๆเพื่อให้ท่านได้เข้าใจเข้าถึงเจตนาและจุดเน้นที่ชวนคิดไว้เป็นหัวข้อๆ ไปเพื่อท่านผู้อ่านจะได้เห็นถึงข้อมูลและเจตจำนงของผู้เขียนได้ในภาพรวมและภาพลึกได้ครบถ้วนก่อนนำไปวิเคราะห์ต่อยอดประยุกต์หรือแม้กระทั่งวิพากษ์ในประเด็นต่างๆด้วยวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งความถูกต้อง ความครบถ้วนความแม่นยำ ตลอดจนซึ่งมีความเป็นธรรมเป็นฐานเป็นหลักในการบูรณาการสืบไป นั่นเอง

    ทั้งนี้เนื่องด้วย ท่านผู้อ่านมีความหลากหลายสาขาอาชีพ ตลอดความรู้ความเข้าใจความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านผู้เขียนจึงได้เขียนอธิบายถึงผลลัพธ์ที่คาดว่าท่านผู้อ่านจะได้รับจากการศึกษาเรียนรู้หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคาดว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประการหลักๆได้แก่ ผลลัพธ์ประการที่ 1 เมื่อเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ไปบ้างแล้วไม่ว่าจะอ่านจนจบหรืออ่านไปได้บางส่วนก็ตาม ท่านผู้อ่านบางท่านอาจรู้ข้อมูลเหล่านี้ดีอยู่แล้ว ผู้เขียนก็ขอให้ท่านอย่าได้เบื่อกันแต่อยากให้ถือเป็นโอกาสในการทบทวนตรวจสอบไปร่วมกันว่า ข้อไหนจุดไหนที่เราหลงลืมไปหรือไม่ ข้อไหน จุดไหน ที่เราเน้นย้ำมั่นเหมาะสม่ำเสมอ ข้อไหนจุดไหนที่เราอาจนึกไม่ถึงมาก่อนเลย ข้อไหนจุดไหนที่เราทราบดีอยู่แล้วแต่มีบางมุมมองที่น่าสนใจนำไปประยุกต์ใช้ได้ก็ขอให้ท่านผู้อ่านอย่าได้เบื่อกันแต่อย่างใด โปรดทบทวนตรวจสอบไปร่วมกันรวมไปถึงหากมีข้อไหน จุดไหนที่ผู้เขียนอาจเขียนได้ไม่ครบถ้วน ถูกต้อง เหมาะสมผู้เขียนเองก็พร้อมน้อมรับและนำไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่องครับ ผลลัพธ์ประการที่ 2 ท่านผู้อ่านบางท่านอาจรู้สึกว่าเนื้อหามีความหนัก จนทำให้อ่านไม่รู้เรื่องเลย ไม่เข้าใจเลยหรือเข้าใจเพียงเล็กน้อยไปจนไปถึงเข้าใจได้ยากและไม่เข้าใจเลย ก็อาจมีได้สำหรับท่านผู้อ่านที่รู้สึกและเกิดปรากฎการณ์เช่นนี้ขณะอ่านศึกษาผู้เขียนขอให้กำลังใจท่านผู้อ่านเป็นอย่างยิ่งเพราะเนื่องจากเนื้อหาดังกล่าวนี้เป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างเน้นไปที่แก่นของการบริหารจัดการธุรกิจดังที่กล่าวไว้ข้างต้นดังนั้นอาจมีทั้งคำศัพท์เฉพาะและนัยยะเชิงลึกที่ยังไม่อาจเข้าใจได้ผ่านตัวอักษรได้ในขณะนี้แต่อาจต้องผ่านประสบการณ์การพบเจอผู้คน สถานการณ์ ผ่านช่วงเวลาต่างๆมามากมายพอสมควรซึ่งท่านผู้อ่านจะได้รับทราบและเปิดมุมมองถึงประสบการณ์ในบางช่วงบางตอนเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพและย่อความถึงแก่นด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอให้กำลังใจท่านผู้อ่านเป็นอย่างยิ่งอีกครั้งหนึ่งอาจลองเริ่มต้นจากการเลือกหัวข้อที่อ่านและทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ก่อนหรือหากต้องการอ่านหัวข้อนั้นจริงๆ ก็ให้อดทน และตั้งมั่นศึกษาไปก่อนเชื่อได้ว่าอย่างน้อยก็จะเป็นการผ่านหูผ่านตาพอสมควรและเมื่อต้องพบกับสถานการณ์จริง คนจริง เวลาจริงท่านผู้อ่านคงพอมีข้อมูลอยู่พอสมควรในการเลือกปฏิบัติ เลือกตัดสินใจ เลือกวางตัววางใจและมีมุมมองต่อสถานการณ์นั้นๆ ได้ถูกหลักจนไปถึงความถูกต้องมากยิ่งขึ้นผลลัพธ์ประการที่ 3 ท่านผู้อ่านบางท่านจะรับรู้และเข้าใจได้บ้างและอาจไม่เข้าใจได้บ้าง สลับกันไปซึ่งผลลัพธ์ลักษณะแบบนี้ ผู้เขียนขอชื่นชมและขอให้เก็บเล็กผสมน้อย ลองจับประเด็นจับมุมมอง จับแนวคิด บางอย่างเพื่อนำไปประยุกต์ใช้จริงในสถานการณ์ของท่านผู้อ่านหัวข้อใดที่พอทำความเข้าใจได้ก็ขอให้เป็นการทบทวนตรวจสอบความถูกต้อง ความแม่นยำความครบถ้วน และความเป็นธรรมดังแนวทางผลลัพธ์ประการที่หนึ่งข้างต้นหัวข้อใดที่ทำความเข้าใจได้ยากหรือไม่เข้าใจเลยหรือเข้าใจได้น้อยมากก็ขอให้กำลังใจและลองเลือกอ่านหัวข้อที่ง่ายกว่าหรือลองอ่านหัวข้อเดิมไปจนจบหัวข้อนั้นๆก่อนเพื่อให้ผ่านตาผ่านความคิดเราสักรอบแล้วกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งอาจทำให้เข้าใจได้มากขึ้น ดังแนวทางผลลัพธ์ประการที่สองนั่นเองเมื่อท่านผู้อ่านสามารถวางหลักในการอ่านในหนังสือเล่มนี้ได้ดีแล้วพอมีแนวทางมีหลักในการศึกษาเรียนรู้ถูกต้องถูกทางดีแล้ว ผู้เขียนเองก็เชื่อว่าทุกๆท่านจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพของท่านผู้อ่านแต่ละท่านได้อย่างเต็มที่และเต็มศักยภาพตามวัตถุประสงค์ของผู้เขียนด้วยเช่นกันณ โอกาสนี้ ถ้าทุกท่านพร้อมแล้วผู้เขียนขอเชิญทุกท่านร่วมขบคิดชวนกันคุยชวนกันทำร่วมกัน ในลำดับไป

     

     

     ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

     

    นายฉลองชัยบุญโรจน์

    (ธุดงค์เมือง)

     

    จากใจผู้เขียน

    วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายนพุทธศักราช 2564

  • 1. KNOW Your HOME

    รู้จักบ้านของตนเอง


    What’s in your HOME ?

    มีอะไรอยู่ในบ้านของเราบ้าง (รู้จัก)

     

    เมื่อพูดถึงบ้านของเราไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ในบ้านก็จะมีทั้งคน มีทั้งข้าวของอยู่ภายในบ้านหน้าที่ของคนที่อยู่ในบ้าน คือการทำความรู้จักคนและข้าวของต่างๆ ว่าแต่ละคนเป็นคนนิสัยใจคอย่างไรชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไรข้าวของแต่ละชิ้นแต่ละอย่างเรียกว่าอะไรบ้าง เวลาใครไปใครมาพูดคุยกันจะได้พูดตรงกัน คุยกันรู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นหากเราไม่รู้ว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไร หน้าตาเป็นอย่างไร รูปร่างอย่างไร คงคุยต่อกันได้ยากทีเดียวสิ่งนี้ เรียกว่า รู้จักคน รู้จักข้าวของ บางบ้านอาจมีคนอยู่เยอะแยะมากมายเข้าและออกกันทั้งวัน บางบ้านอาจแทบไม่มีคน เสียงเดินยังแทบไม่ได้ยินเลยบางบ้านข้าวของมากมาย แต่จัดเก็บเป็นระเบียบ มีแต่คนจัดเก็บรู้ว่าอยู่ไหนรู้ว่าคืออะไร แต่คนในบ้านกลับไม่รู้จักไม่แม้กระทั่งรู้ด้วยซ้ำว่ามีของเหล่านี้อยู่ในบ้าน ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านร่วมรู้จักผู้คนข้าวของในบ้านของตัวท่านเองเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อนครับ ว่ามีใครอยู่ในบ้านบ้าง มีอะไรอยู่ในบ้านบ้างยังไม่ต้องไปถึงว่าอยู่ตรงไหนของตัวบ้านบ้างเอาแค่ให้รู้ก่อนว่ามีอะไรบ้างอยู่ในบ้าน แล้วแต่ละอย่างเรียกว่าอะไรเวลาพูดคุยถึง จะได้ถึงกันออก คุยกันต่อ ทางด้านการดำเนินชีวิตนั้น ทั้งการศึกษาการงาน การเรือน สำหรับคำว่า รู้จัก นี้ ผู้เขียนใคร่ขอนำเสนอเชิงลึกยิ่งขึ้นมุมมองในการทำความรู้จักเจ็ดมิติ หรือขอเรียกว่า รู้จักทั้งเจ็ด ได้แก่ หนึ่งรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักเวลา รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคลหากท่านผู้อ่านต้องการฝึกฝนให้ตนเองมีศักยภาพด้านการรู้จักบ้านของท่านเองให้ดียิ่งขึ้นพึงฝึกฝนตนเองให้คุณลักษณะเจ็ดประการข้างต้นท่านจะเป็นคนที่ประสิทธิภาพในการดำเนินชีวิตทั้งการเรียนการศึกษา การงานการเรือนเป็นแน่แท้ นี้เองคือเชิงลึกของการการรู้จักบ้านของตนเองเมื่อท่านผู้อ่านเริ่มรู้จักบ้านของตนเองดีขึ้นแล้วต่อไปก็เป็นการทำความคุ้นเคยให้มากยิ่งขึ้นว่า สิ่งที่ท่านรู้จักนั้น จัดเก็บอยู่ตรงไหนของบ้านเวลาจะหยิบจะใช้จะหา จะได้สะดวก คล่อง รวดเร็ว ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปหัวข้อถัดไปครับ

  • Where do we FIND ?

    รู้ว่าอยู่ตรงไหน(รู้ที่)

     

    เมื่อรู้ว่าแต่ละอย่างคืออะไรเรียกอย่างไร และรู้จักเชิงลึกทั้งเจ็ดประการไปบ้างแล้ว ต่อไปก็คือ สิ่งที่ท่านรู้จักนั้นอยู่ตรงไหนบ้างในบ้านของเรา เรารู้จักข้าวของแต่ละอย่างละ แต่เราหาไม่เจอไม่รู้ไปจัดเก็บไว้ตรงไหน เก็บเป็นที่เป็นทางถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่ สิ่งนี้เรียกว่า รู้ที่ ในด้านการดำเนินชีวิต เช่น ด้านการเรียนการศึกษาท่านจะเป็นคนที่มีความแม่นยำ ชัดเจน ผู้คงแก่เรียน มีคุณลักษระจบในใจยิ่งด้านการงาน ท่านจะเป็นคนที่ฉะฉาน ปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษา เป็นที่พึ่งและเป็นผู้รู้ของผู้คนรอบข้าง ด้านการเรือนท่านจะเป็นผู้สุขม ผู้ปกครองที่ดีงาม ผู้วางใจวางตนเป็น เป็นสามีที่รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นภรรยาที่ทำหน้าที่ให้สมกับเป็นภรรยาเป็นบุตรที่มีวินัยใฝ่ศึกษาและรู้กตัญญูกตเวทีบิดามารดา ตลอดจนผู้มีพระคุณนี้เองคือ ผลแห่งการ รู้ที่ เมื่อเรารู้แล้วว่าแต่ละอย่างเรียกว่าอะไรรู้ขึ้นว่าอยู่ที่ไหน ต่อไปก็คือขั้นใช้งานเป็น ประยุกต์ใช้ได้ เข้าใจว่าใช้งานอย่างไรดูแลลอย่างไร จัดเก็บอย่างไร บำรุงอย่างไรนี่เองคือเป้าหมายที่ผู้เขียนตั้งใจอยากให้ท่านผู้อ่านมาถึงขั้น รู้จริงนั่นเองครับ

  • Understanding through IMPLEMENTATION

    เข้าใจ ใช้เป็น (รู้จริง)

     

    เมื่อนึกออกหมดแล้วว่าข้าวของแต่ละอย่าง เรียกว่าอะไร จัดเก็บอยู่ไหน จะหาได้จากที่ไหนบ้างต่อมาก็คือขั้นของการฝึกฝน เรียนรู้ เพื่อเข้าใจหน้าที่การทำงาน ศักยภาพความสามารถ คุณประโยชน์ วิธีการใช้งานต่างๆ ที่ถูกต้อง การรักษาบำรุง สิ่งนี้เรียกว่า รู้จริง เป็นขั้นกว่าขั้นรู้จักและรู้ที่เพราะสองขั้นแรกคือมีความรู้ชัดเจนยิ่ง แต่ยังอาจใช้งานได้เป็นอาจยังรู้ไม่ชัดเท่าลงมือปฏิบัติ มีประสบการณ์จริงด้วยตนเอง ดังนั้นขั้นรู้จริงนี้ คือเข้าถึงหลักความเชื่อที่ถูกทิศถูกทางอันเป็นพื้นฐานของการดำเนินชีวิตในทุกๆด้านของผู้คน เข้าถึงหลักแห่งการกระทำ ว่าผลที่ดีย่อมเกิดมาจากเหตุที่ดีเหตุที่ดีย่อมสร้างผลที่ดี เข้าถึงเหตุปัจจัยว่ามีปัจจัยใดบ้างในการสร้างผลเพียงหนึ่ง และหนึ่งผลไม่เกิดมาแต่เหตุเดียวและเหตุเดียวไม่ได้สร้างเพียงผลเดียวแต่มีความต่อเนื่องสอดคล้องมากกว่านั้นมากครับ ซึ่งในเบื้องต้นอาจจะยังไม่เข้าใจไม่คล่องแคล่ว ไม่ชำนาญ แลจะผิดพลาดบ่อย ก็ถือเป็นเรื่องปกติเพราะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่เมื่อได้ฝึกฝน เรียนรู้ ให้ช่ำของ ให้หนักให้ถูกทิศถูกทาง ยิ่งได้คนแนะนำที่มีความรู้ความเข้าใจและใช้งานเป็นจริงยิ่งไปได้เร็ว ไปได้ไกล จนในสิ่งที่สุด สิ่งที่เคยผิดพลาดก็จะค่อยๆลดน้อยจนไม่ผิดอีกเลย ความถูกต้องดีงามก็จะเกิดเป็นผลเข้ามาแทนที่ท่านผู้อ่านลองสังเกตดีครับว่า ใครที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะดีแล้วมีความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตทุกด้าน จะเป็นคนที่แทบจะไม่ทำอะไรผิดพลาดแม้ผิดพลาดก็จะไม่ใช่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ แต่เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆแม้หนักก็มีแนวทางป้องกันรับมือได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว เป็นคนที่สุขุม สงบและหนักแน่น นี้คือคุณลักษณะของคนที่ รู้จัก รู้ที่ และรู้จริง ครับในทางตรงกันข้าม คนที่ยังมีความประมาทในการดำเนินชีวิตในทุกด้านจะเป็นคนที่ทำอะไรก็มักผิดพลาด ผิดพลาดในเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆเรื่องที่ผิดพลาดมีทั้งเล็กและใหญ่ เมื่อเหตุเกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ให้เย็นลงได้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ต่อหน้าหรือเป็นสถานการณ์ที่คาดได้ในล่วงหน้าเป็นผู้ที่ชะล่าใจ ไม่ขวนขวาย ไม่ใส่ใจ ไม่เรียนรู้เหตุการณ์ในอดีตเพื่อนำมาป้องกันแก้ไขพัฒนาหรือส่งเสริมการพัฒนาชีวิตและจิตใจของตนเองในปัจจุบันให้เป็นผู้ที่มีชีวิตร่มเย็นเป็นสุขคุณลักษณะเช่นนี้เองในเบื้องต้น ที่เป็นผู้ที่ไม่มีรู้จัก ไม่รู้ที่ ไม่รู้จริงในการดำเนินชีวิตนั่นเอง แม้บางด้านอาจดีเด่น เช่นการงานดีเด่น แต่การเรือนอาจไม่ประสบความสำเร็จ การเรียนการศึกษาดีเด่นแต่การงานประยุกต์ใช้ไม่เป็น ตามไม่ทัน เหล่านี้เป็นต้น

    โดยสรุปในหัวข้อต้นนี้เป็นหัวข้อนำที่ผู้เขียนตั้งใจหยิบยกมาเป็นประเด็นแรกเพื่อให้ท่านผู้อ่านมีหลักในการพัฒนาตน พัฒนาชีวิต พัฒนาจิตใจพัฒนาการเรียนการศึกษา พัฒนาการงาน พัฒนาการเรือน ในทุกๆวันของการดำเนินชีวิตของท่านผู้อ่าน เพื่อให้ทุกท่านเป็นผู้ รู้จัก รู้ และรู้จริงในทุกสภาวการณ์นั่นเองครับ

  • สนใจสั่งซื้อ E Book ฉบับเต็ม
    หรือ ฉบับแยก Chapter
    โปรดแจ้งมาทางข้อความได้เลยนะครับ
    .
    ติดตามสาระดีๆ​ ได้จากเพจนี้​ FB Living Learning Lifeตลอดจน​ สื่อสาระดีๆ​ ทั้งหนังสือ​แต่งเอง​ E​ Book​ และรูปเล่ม บทความสั้น​ หลักสูตรอบรมตลอดจนแนวทางและวิธีการพัฒนาชีวิตตนเองและสร้างสรรค์สังคมให้ดีงามและเป็นมิตร​ .ขอฝากเพจนี้สู่ท่านผู้สนใจทุกท่านด้วยนะครับ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in