เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
(Review) อวย Awakenmeijiww
(Review) อวย Awaken EP1
  • ตัดสินใจเลือกทำรีวิวแยก EP สำหรับเรื่องนี้ (พูดเหมือนรีวิวหลายเรื่อง แหม จริงๆก็พึ่งเขียนเรื่องนี้จริงจังเรื่องแรกแหละแกเพราะว่ามีดีเทลที่อยากอวยแบบเจาะดีเทลอยู่เยอะมาก เนื่องจากเป็นเรื่องที่เวลาดูๆ อยู่แล้วมันมักจะมีอะไรที่ว้าวออกมาเรื่อยๆ และมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ชอบเยอะมาก เยอะจนจำไม่ได้ ต้องกลับมารีแคปใหม่เพื่อรีวิวโดยเฉพาะ เผื่อใครที่ยังดูไม่จบ หรือดูเสร็จแล้วอยากรีแคปอ่าน จะได้เลือกอ่านเป็นอีพีแบบไม่ต้องห่วงเรื่องสปอยล์ได้
    นื้อหาส่วนมากจะเป็นการอวยงานภาพนะคะ อาจจะไม่ได้เน้นเนื้อเรื่องมาก ก็จะไม่ได้มีสปอยอะไรเยอะแยะ ที่เน้นเรื่องภาพเยอะเพราะดีเทลเรื่องนี้ที่อยากเล่ามันเยอะจริงๆ เรื่องอื่นๆ ที่อยากอวยเดี๋ยวจะแยกไว้รีวิวอีกที เช่น อวยการแสดง หรือเรื่องเกรดความรู้ด้านจิตวิทยาในเรื่อง รอติดตามได้
    บทอวย EP 1 จะค่อนข้างยาวนิดนึง EP อื่นอาจจะสั้นๆ กว่านี้ หรือมาแบบมัดรวมกัน เพราะเป็น EP แรก ทีมโปรดัคชั่นปล่อยของเต็มที่มากงัดเทคนิค ไอเดีย การดีไซน์อะไรต่างๆ ที่หวือหวามากมาย เลยมีอะไรให้พูดถึงเยอะมาก
    *ในที่นี้เราจะเรียกว่ารีวิว ไม่อยากใช้คำว่าวิเคราะห์ วิจารณ์ จริงๆ เรียกว่าบันทึกการอวยก็ยังได้ เพราะในที่นี้คือเขียนจากมุมมองความรู้สึกเราที่เป็นผู้ชม เราคนดูไม่สามารถรู้แน่ชัดได้หรอก ว่าทีมงานตั้งใจใส่อะไร เพื่ออะไร สื่ออะไรโดยนัยไหม ในส่วนที่ไม่ได้เล่าอย่างชัดเจน ในที่นี้จะเป็นการเล่าในมุมมองความรู้สึกของผู้ชมต่อเทคนิคต่างๆ
    (เพราะก็เคยแอบเกาหัวเวลาคนวิเคราะห์งานที่เราเคยร่วมทำไปยิ่งใหญ่ โดยที่บางทีก็ไม่ได้ตั้งใจจะใส่มีนนิ่งอะไรขนาดนั้นไว้ เลยไม่กล้ามโนแทนผู้สร้าง เพราะก็ไม่อาจรู้ชัดได้จริงๆ)


    เข้าสู่การรีวิวอวย

    สิ่งที่จะอวยหลักๆ เลยคือการเล่าเรื่องและอารมณ์ด้วยภาพ
    ในเรื่องนี้ไม่ได้เล่นใหญ่อะไรมากกับ Art Production (แอสซูมเอาเองว่างบน่าจะไม่ได้อลังการมาก พอมีพอใช้ หรืออาจจะขัดสนเล็กน้อย) แต่งานภาพก็สามารถเอาตัวรอดด้วยการวาง Composition ตำแหน่งสิ่งของ ตำแหน่งตัวแสดงต่างๆ ให้เกิดความสวยงามทางด้านภาพแทน กล้องพยายามเคลื่อนไหว ให้เกิดมู้ด Cinematic อยู่เรื่อยๆ การเล่าด้วยภาพของเรื่องนี้จะมีบ่อยครั้ง หลายช็อตหลายซีน คล้ายการเล่าของภาพยนตร์ แต่อย่างไรก็ตามยังไงนี่ก็คือซีรี่ส์ มันมีเรื่องมีเนื้อหาที่ต้องเล่าต่างจากหนัง มันจึงต้องผสมวิธีการเล่าสไตล์ซีรี่ส์ ตัดรับหน้า บทสนทนา เพื่อที่จะเล่าเรื่องด้วยอยู่ดี แต่ก็เห็นถึงความพยายามในการเล่าให้สวยงาม ดูไม่ใช่หนังทุนเยอะเท่าไหร่ แต่การดีไซน์การเล่าด้วยภาพดูมีชั้นเชิงมาก ถือว่าประทับใจ



    • ในซีนเปิด วางเฟรมภาพเอียง ข้าวของระเนระนาด มีสายไฟห้อยลงมา ให้ความรู้สึกขัดแย้ง ไม่มั่นคงสถานการณ์ไม่ปกติ คนดูรับรู้ได้ถึงความแปลก จุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ชอบมากคือกรอบหน้าต่างตั้งเอียงๆ สร้างเส้นทะแยงให้รู้สึกขัดแยงเพิ่มขึ้นไปอีก เป็นการใช้พรอพที่ไม่ได้มากหรือเว่อร์วังอลังการงานสร้าง แต่เล่าอารมณ์สภาวะของซีนนี้ได้ชัดเจน


    • ช็อตที่ชอบ และรู้สึกว่าเล่าอารมณ์ได้ดี มีลูกเล่นคือ การแทรคกล้องไปทางซ้าย ในระนาบเฟรมที่เอียง อย่างที่ได้อธิบายไปด้านบนว่าการวางเฟรมเอียงให้ความรู้สึกไม่มั่นคง ขัดแย้ง ความไม่ปกติ พอมารวมกับข้าวของที่ระเนระนาด เห็นความเละเทะ ตอกย้ำมู้ดของสถานะการณ์ที่ไม่ปกติมากขึ้น การเคลื่อนกล้องไปทางซ้ายเป็นทิศที่สวนกับทางกับทิศที่เรารู้สึกปกติ ทิศที่ถนัดคุ้นเคย จึงทำให้รู้สึกอึดอัดใจ ความไม่เป็นธรรมชาติ ฝืนธรรมชาติหนักขึ้นไปอีก เทคนิคแทรคไปด้านซ้ายก็เป็นหนึ่งในเทคนิคที่เจอได้ในหนังฮอลลีวูดได้บ่อยๆ เวลาเล่าถึงสถานการณ์ไม่ปกติ ถือว่าหยิบมาใช้ร่วมกับการวางเฟรมเอียงได้เหมาะเจาะมาก ตอนเลื่อนก็จะได้ตีบภาพที่แปลกตา



    • ซีนไล่ล่าเริ่มด้วยมุมกล้องธรรมดา ซีนแอคชั่นไล่ล่าปกติถ่ายยาก เปลืองเงิน ใช้เวลาใช้คนเยอะ จึงมีข้อจำกัดในการดีไซน์ซีนไล่ล่าบทถนนอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ก็มีช็อตให้ว้าว คือเคลื่อนกล้องเลียบถนนเคลื่อนเข้าไปใต้รถบรรทุก เห็นความพยายามในการดีไซน์ช็อตของทีมงานมากๆ




    • ทีมอาร์ตเรื่องนี้ดูเหมือนงบไม่ได้มีอลังการ แต่ก็ได้โลเคชั่นช่วยเหลือเรื่องวิชัวร์ไปมาก โลเคชั่นดีคือมีชัยไปกว่าครึ่งสำหรับการถ่ายทำ ทั้งถนนที่ภาพมุมสูงเป็นเส้นสวยงาม และทางเดินตรงโรงแรมที่เป็นตีบนำสายตา มีพื้นสะท้อนเงา (ทีมอาร์ตน่าจะเช็ดพื้นเหนื่อย)



    • ย้อนกลับมาที่การใช้เฟรมเอียง นอกจากจะใช้ในซีนเปิดแล้ว ยังถูกนำมาใช้ในซีนฆาตกรรมในอีพีแรกเกือบทุกคดี


    • ในคัทตอนเหยื่อฆาตกรรมที่สระน้ำตาย วางเฟรมให้ศพอยู่ในมุมทะแยง วางตำแหน่งศพลักษณะเอาหัวลงด้านล่างเฟรม สวนกับทิศทางคนดู มองแล้วรู้สึกถึงภาวะไม่ปกติ ขัดแย้ง เข้ากับบริบทซีนที่เล่าถึงการตายในลักษณะแปลกๆ มีการหมุนกล้องทวนเข็มนาฬิกาเล็กน้อย จุดนี้คล้ายกับเรื่องที่เรามักจะคุ้นเคยกับการเคลื่อนที่ไปทางขวามือมากกว่า การหมุนก็เช่นกัน การหมุนตามเข็มนาฬิกาจะให้ความรู้สึกคุ้นเคย ตรงกันข้ามกับการหมุนทวนเข็มนาฬิกาที่ให้ความรู้สึกแปลก ผิดธรรมชาติ



    • ซีนไพ่ (มีสปอยล์แรง ใครยังไม่ได้ดูแนะนำข้ามพาร์ทนี้ไปก่อน)  ซีนนี้ใช้การเคลื่อนกล้องยาวๆ คัทน้อยๆ ภาพเล่าแทนมุมมองของตัวละครตำรวจหนุ่มมักเน่ทีม จางจีวาน ให้คนดูได้เห็นในมุมมองที่ใกล้เคียงกับตัวละคร ร่วมเล่นหาไพ่ไปกับซีนนี้ ใช้การคัทแบบสมูท กล้องรับจุดต่างๆ ที่สายตาตัวละครมองเห็นและโฟกัส จบที่การเฉลยเรื่อง Misdirection การเบี่ยงเบนความสนใจ การเคลื่อนกล้องทั้งหมดอธิบายเรื่อง distraction ได้ชัดเจนมาก ว่าการเบียงเบนความสนใจคืออะไร ไม่ใช่แค่มุมกล้องหวือหวาเหมือนหนังมายากล แต่ทำหน้าที่เล่าเรื่องได้ดีด้วย




    • ในซีนฆาตกรรมตอนจบอีพี แอบใส่ vertigo shot มาด้วยนิดนึง หลายๆ คนอาจจะรู้จักเทคนิคนี้ เพราะเทคนิคนี้อาจได้เห็นบ่อยๆในหนังฮอลลีวูด หรือในซีรี่ส์ก็มีหลายเรื่องนำไปใช้ คือการดอลลี่และซูมสวนทางกัน ภาพที่ได้คือวัตถุจะเคลื่อนมาใกล้ขึ้น แต่พื้นหลังจะห่างออกไปไกลจากเดิม จะให้ความรู้สึกแปลง พิศวง สมองสับสน มึนงง



    โดยรวมๆ แล้วโครงเรื่องใน EP 1 วางปมเรื่องหมู่บ้านสีขาว คดีฆาตกรรม วิธีการฆาตกรรม รหัสลับ วางปมเรื่องดอกเตอร์เจมี่ และเฉลยเรื่องรหัสลับ ซึ่งเฉลยไว แต่ปมก็ค่อนข้างวางไว้เยอะแล้ว ถือว่าเนื้อเรื่องดำเนินได้กระชับฉับไวมาก อัดมาแน่นๆ สำหรับอีพีแรก
    จบแล้วสำหรับรีวิวอวยอีพีแรก จดซีนและจุดที่ประทับใจมาอวยแบ่งปัน ใครมีตรงไหนที่ชอบก็มาคุยแบ่งปันกันเพิ่มได้ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะชอบไหม แต่ฉันชอบ อยากเขียนอวยอะไรจริงจังสักทีนึง ความรู้สมัยเรียนมหาลัยจะได้ถูกใช้อย่างมีประโยชน์คุ้มค่าเทอมพ่อแม่ให้ ใครชอบก็รออวยอีพีอื่น(ที่อาจจะรวบกันมา เพราะไม่น่ายาวเทานี้แล้ว) กับเรื่องทฤษฎีจิตวิทยาแบบเบื้องต้น เกรดความรู้จากในเรื่องได้จ้า





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in