Chapter 3
คงไม่แปลกอะไรที่เด็กวัยรุ่นอย่างพวกเขาจะมีงานอดิเรกแปลกประหลาด เพราะแต่ละคนก็มีสิ่งที่ชอบต่างกันไป หลังจากออกมาจากร้านเสื้อผ้า เนทกับปีเตอร์แยกตัวออกไปร้านเลโก้ที่อยู่ไม่ไกลเพราะนึกขึ้นได้ว่าเลโก้แบบใหม่เพิ่งวางขายเมื่อวาน ดังนั้นจึงเหลือแค่เอ็มเจกับคริสตัลที่ก็ตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปร้านหนังสือ และจะนัดเจอกันที่ร้านอาหารใกล้ๆ นี้
“เล่มนี้ เมื่อฤดูหนาวพัดผ่าน สายลมอันเปียกชื้นของหน้าฝน และแสงแดดอันอบอุ่นจากหน้าร้อน”คริสตัลอ่านชื่อหนังสือที่เป็นภาษาต่างประเทศออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เอ็มเจอึ้งไปครู่หนึ่ง มอคนที่หยิบเอาหนังสือนั่นเข้าไปถือเอาไว้เป็นเล่มที่สาม
“เธอรู้กี่ภาษากันคริสตัล”
“ก็...เยอะอยู่นะ ฉันเคยไปอยู่มาหลายประเทศ หลักๆ ก็ อังกฤษ จีน เกาหลี สเปน ฝรั่งเศสกับไทยได้นิดหน่อย”
พูดไปก็หยิบหนังสือที่สนใจต่อไปเรื่อยๆ เอ็มเจพยักหน้าให้กับคำตอบ แล้วก็เดินไปอีกฝั่งของร้าน เพื่อหาหนังสือ เพราะตรงนี้เธอหาจนทั่วหมดแล้ว ก็ยังไม่มีหนังสือที่เธออยากจะได้
“แล้วเธอล่ะ อ่านหนังสือไปกี่เล่มแล้ว”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยนับ”เจ้าของผมหยักโศกตอบเธอแล้วก็ยิ้มให้ มองดูหนังสือที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของคนตรงหน้าแล้วก็อดที่จะเดินกลับมาช่วยถือไม่ได้
“ขอบใจ”คริสตัลบอกแล้วก็ส่งหนังสือส่วนหนึ่งไปให้คนหวังดี
“ฉันว่าน่าจะยังไม่มีเล่มที่เหมาะกับฉันเท่าไหร่ เดี๋ยวลองมาดูวันอื่นดีกว่า”
xxxxxxxxxx
“นึกว่าจะเจอหน้ากันพรุ่งนี้ซะแล้ว”เนทแซวขำๆ แต่นั่นก็ทำให้ปีเตอร์ส่งหมัดไปต่อยแขนของเพื่อนสนิทเบาๆ
คริสตัลเดินนำเข้าไปในร้านอย่างไม่ได้สนใจอะไรนัก ร้านอาหารเอเชียที่เนทกับเอ็มเจเลือกก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับเธอมากนัก เกือบครึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในจีนและเกาหลี เป็นอีกช่วงเวลาที่มีความสุขดี จากการได้อยู่เงียบๆ ในบ้านแถบชนบท ทะเล ภูเขา ไร้ความวุ่นวายอย่างที่อเมริกาเป็น
เธอปล่อยให้ทั้งสามคนสั่งอาหารกันไปด้วยเหตุที่ว่าตัวเองกินอะไรก็ได้ ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่าง ผู้คนพลุกพล่านอย่างที่ไม่เคยชอบ และนึกรำคาญทุกครั้งที่มีเสียงมากกว่าสองเสียงดังขึ้น วันนี้มันกลับไม่ได้ดูน่ารำคาญอย่างที่เคยเป็น
มือเรียวที่ถูกเสียงฮู๊ดแขนยาวบดบังสีผิวขาวเหลืองอย่างคนเอเชียยกขึ้นมาเท้าที่คาง เหม่อมองดูเหล่าผู้คนที่พลุกพล่านไปมา ทั้งคนที่กำลังเดินข้ามถนน คู่รักที่เดินมากันเป็นคู่ๆ รถสปอร์ตหรูที่ขับกันให้เกลื่อนถนนแถบนี้
“คริสตัล จะกินอะไรดี แนะนำหน่อยสิ”ปีเตอร์ถามขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มรู้ว่าถ้าเลือกกันเองคงตกลงกันไม่ได้
“พวกเธอกินหมูย่างไหม ต๊อกโบกี ข้าวห่อสาหร่าย ข้าวยำ เป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศเขานะ”เธอแนะนำตามที่ตัวเองรู้
“ฉันว่าให้เธอสั่งเถอะ”เอ็มเจดันเมนูไปให้คริสตัล เธอยกยิ้มขำๆ เมื่อเห็นหน้าเนทเหวอไปครู่หนึ่งจากการถูกแย่งเมนูไปต่อหน้าต่อตา
คริสตัลรับเมนูไปเปิดไปเปิดมาเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปสั่งกับพนักงาน
“ต็อกโบกี มันดู บิบิมบับ คิมบับ อย่างละที่นะคะ ใช่ค่ะ แล้วก็ต๊อกโบกี ขอเพิ่มชีสด้วยนะคะ”
ภาษาแปลกหูที่เหมือนเป็นเจ้าของภาษาแท้ๆ ทำเอาคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะกระพริบตาปริบๆ เช่นเดียวกับพนักงานที่รีบจดและพยักหน้า เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวมารับภาษาบ้านเกิดตัวเองในย่านที่มีแต่ชาวต่างชาติแบบนี้
“หน้าฉันมีอะไรติดหรอ?”
“เปล่า”
ทั้งสามประสานเสียง ปีเตอร์หันไปคุยกับเอ็มเจ ถามไถ่เรื่องต่างๆ โดยที่เนทคอยนั่งเสริมเป็นลูกคู่ คริสตัลนั่งพยักหน้าฟัง ตอบโต้บ้างยามที่ใครสักคนยิงคำถามมาให้เธอตอบเป็นพักๆ
ทิวทัศน์ด้านนอกถูกยกไปเป็นรองเมื่อบทสนทนามากมายถูกหยิบยกขึ้นมา คริสตัลไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ที่ทำให้ตัวเธอเผลอลอบมองหน้าคนที่พูดจ้อไม่หยุด ทั้งเถียงกับเอ็มเจ หันไปอธิบายกับเนท หรือแม้แต่ตอนที่ส่งสายตามาขอความช่วยเหลือจากเธอเมื่อเถียงกับเอ็มเจไม่สำเร็จ
“ปีเตอร์ ฉันว่ามีคนโทรมาหานายนะ”
สัมผัสบางอย่างที่เด็กสาวรู้ว่ามีอะไรกำลังสั่นอยู่ในกระเป๋าเป้ใบนั้น ปีเตอร์เลิกคิ้วขึ้น แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า
“แฮปปี้ ตั้งยี่สิบห้ามิสคอล ตายล่ะ!”ปีเตอร์ลนลาน รีบโทรกลับไปทันที
แย่ล่ะ ถ้ามีภารกิจมาตอนนี้ แล้วเขากลับไม่รู้ นี่ก็เท่ากับไม่รับผิดชอบกับหน้าที่ของตัวเอง คุณสตาร์คต้องผิดหวังในตัวเขาแหง
“สายไม่ว่าง...”
คุณสตาร์คมีอะไรหรือเปล่านะ?
xxxxxxxxxx
“คลื่นแม่เหล็กหายออกไปจากรถเมื่อยี่สิบนาทีก่อนแล้วค่ะนาย”
เอไอสาวรายงานสิ่งที่ตัวเองตรวจสอบได้ให้เจ้านายทราบ มหาเศรษฐีหนุ่มเหยียบคันเร่งรถของตัวเองไม่แผ่ว ทั้งยังแซงทุกๆ คัน เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายให้เราที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ถ้ามีชุด ป่านนี้เขาถึงตัวปีเตอร์แล้วด้วยซ้ำไป มันน่าหงุดหงิดจริงๆ นะแบบนี้!
“ให้หาตัวคุณพาร์คเกอร์ไหมคะ?”
“เอาเลย ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ปีเตอร์อยู่ไหน!”
เขาหมุนพวงมาลัยด้วยมือเดียวเพื่อเบี่ยงมาอีกเลนหนึ่งของถนนที่รถว่างกว่า จากนั้นก็เหยียบคันเร่งให้แรงกว่าเดิมจนเกือบมิดเข็มไมล์
“พบแล้วค่ะ คุณพาร์คเกอร์อยู่ที่ร้านอาหาร ห่างจากถนนนี้เล็กน้อย ให้ดิฉันค้นหาเส้นทางเลยไหมคะ?”
“เอาเลยคนสวย ขอทางที่เร็วที่สุด”
เขาจะไม่ปล่อยปีเตอร์ให้เป็นอันตรายเด็ดขาด
xxxxxxxxxx
“กินเถอะปีเตอร์ ถ้าโทรไม่ติดอาจจะไม่มีอะไรแล้วก็ได้ นายอย่าเครียดไปเลย”เนทบอกแล้วคีบหมูย่างด้วยท่าทีที่ไม่ชำนาญนัก อย่างมากก็ใช้แค่ตอนกินอาหารจีน แล้วล่าสุดมันก็คือเมื่อครึ่งปีก่อน
“ถ้านายไม่กินมันจะหมดแล้วนะ”เอ็มเจเสริมอีกคน
“ปล่อยไปเถอะ ไม่ชินกันอีกหรือไง”
เสียงเบรกรถดังสนั่นเรียกความสนใจไปจากคนทั้งร้าน และเพราะสไปเดอร์เซนส์ของปีเตอร์ไม่ทำงาน แปลว่านี่คงไม่ใช่อะไรที่ร้ายแรง
หรือร้ายแรงก็ไม่รู้…
“นั่นโทนี่ สตาร์คนี่”
คนทั้งร้านแตกตื่นให้กับชายหนุ่มที่ลงมาจากรถด้วยสภาพรีบร้อนสุดขีด แว่นกันแดดสีดำราคาแพงไม่ได้ปกปิดความเป็นกังวลที่แสดงออกมากผ่านทางสีหน้าท่าทางของเขาได้ โทนี่สตาร์คก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่แสดงจุดสีแดงอีกครั้ง
ปีเตอร์พุ่งออกไปนอกร้านทันที นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วถ้าคุณสตาร์คมาหาเขาด้วยตัวเองแบบนี้ มันจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ อาจจะเป็นเรื่องภารกิจใหม่!
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด สตาร์คอาจจะโดนคดีเรื่องสนับสนุนฮีโร่แน่ๆ”
คริสตัลตามข่าวสารนี้มาเยอะพอสมควร เธอศึกษาเรื่องสนธิสัญญาโซโคเวียที่ทำกันที่เวียนนา ลามไปจนถึงเรื่องของวากานด้าเริ่มเปิดประเทศเพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกหลังจากปิดกั้นอยู่หลังกำแพงมานานนับหลายปี ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องแก้เบื่อระหว่างที่ไม่มีอะไรทำได้อย่างดี
“เธอไม่รู้อะไรบ้างเนี่ย”
“ข่าวดังขนาดนั้น พวกนายไม่อ่านกันเลยหรือเหรอ ไม่คิดเผื่อเขาจะถามตอนแข่งขันตอบคำถามบ้างหรือไง?”คนถูกถามหันไปเท้าคางตอบเนทแล้วถามกลับ
“ฉันเพิ่งเริ่มอ่านพวกนี้ตอนที่รู้ว่าสตาร์คเป็นเจ้าของการแข่งขันนี่แหละ พอรู้นะ แต่ว่าไม่ทั้งหมด”เอ็มเจเป็นอีกคนที่พูดออกมา
“กินเถอะ เดี๋ยวก็คงกลับเข้ามาเองแหละ...”
xxxxxxxxxx
“คุณสตาร์ค มาทำอะไรที่นี่ฮะ”
“ฉัน...ฉันให้ฟรายเดย์ติดตามรถนาย เห็นชับมาไกล กลัวว่าจะมาเถลไถล เลยตามมาคุมดีกว่า”
“นายคะ สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังแม่เหล็กแรงสูงใกล้บริเวรนี้ค่ะ”ระบบเอไอแจ้งเตือนทันทีที่สแกนพบสิ่งผิดปกติ
“เข้าใจแล้ว ฉันจัดการได้”
เขาสั่งระบบเอไอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นพาดบ่าของเด็กหนุ่ม ก่อนจะทำท่าพาเดินไปที่อื่น แต่ทว่าปีเตอร์กลับรั้งเขาเอาไว้
“ไปทานข้าวกลางวันกันไหมครับ ผมสั่งมาเยอะแยะเลย”เด็กหนุ่มชวน ไม่บ่อยนักที่เขาจะเจอคุณสตาร์คช่วงนี้ เมื่อก่อนยังพอเจอบ้าง แต่ช่วงนี้เหมือนคุณสตาร์คจะหายเงียบไป อาจจะติดงาน หรืออะไรสักอย่าง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากจะไปก้าวก่าย
“ไปสิ ไปกินเบอร์เกอร์กัน”เขาบ่ายเบี่ยง
“แต่ผมทิ้งเพื่อนไว้ข้างใน...”
“แล้วนายจะเลือกอะไร ระหว่างเพื่อน หรือฉัน?”
สตาร์คเอามือมาชี้เขาไปในร้านแล้ววนกลับมาชี้ตัวเอง ปีเตอร์ชั่งใจอยู่นาน เพราะเขาเองก็เกรงใจที่สั่งอาหารไปเยอะแยะ แล้วก็บอกไปแล้วด้วยว่าจะเลี้ยง แต่โอกาสจะไปกินข้าวกับคุณสตาร์คก็มีไม่บ่อยเหมือนกัน
“รอเดี๋ยวได้ไหมฮะ ขอผมเอานี่ไปให้เพื่อนก่อน”
สุดท้ายแล้วก็เลือกคุณสตาร์คจนได้
“จ่ายมาเลยเนท ฉันบอกแล้วว่ายังไงปีเตอร์ก็ต้องเลือกคุณสตาร์ค”เอ็มเจหันมาบอก เนททำหน้าไม่พอใจเล็กนายที่จะต้องเสียเงินพนันให้สองสาวที่นั่งคีบอาหารกินอย่างสบายใจ ปีเตอร์รู้สึกผิดไม่น้อย แต่โอกาสที่เขาจะได้ไปไหนมาไหนสองคนแบบนั้นกับคุณสตาร์คมีไม่บ่อย
ขอเก็บเกี่ยวหน่อยเถอะนะเพื่อน
“ถ้ากินเสร็จแล้วจะกลับกันเลย ก็...นี่ กุญแจ”เขาวางกุญแจลงบนโต๊ก่อนจะรีบวิ่งออกไป คริสตัลไหว่ไหล่แล้วคีบหมูสามชั้นเข้าปากไปพร้อมๆกับผัก ส่วนเนทและเอ็มเจก็ได้แต่ยืนมองคนที่รีบวิ่งออกไปและคอยดูจนสองคนนั้นเดินหายไปในฝูงชนที่ผ่านไปมา
มื้ออาหารเงียบๆ จบลงที่ใช้บัตรของปีเตอร์จ่าย เนทกับเอ็มเจปฏิเสธกุญแจรถที่เธอยื่นให้ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากจะรบกวนเท่าไหร่จึงขอนั่งรถกลับเอง ดังนั้นจึงเหลือเพียงครัสตัลที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ
จะเดินเล่นมันก็น่าสนุกอยู่หรอก แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกเมื่อยตั้งแต่ยังไม่ได้ทำด้วยซ้ำ แต่จะให้กลับเลยก็ดูไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ นานๆ ทีเธอจะได้ออกจากบ้านมาเที่ยวแบบนี้เหมือนคนอื่น ที่สำคัญเลยคือเธอขับรถไม่เปฺ็น ไม่มีใบขับขี่ แล้วเธอก็ไม่อยากมีคดีติดตัวเพราะขับรถกลับเองด้วยนี่สิ
“ไปเดินเที่ยวก็แล้วกัน จนกว่านายนั่นจะกินข้าวเสร็จ”
xxxxxxxxxx
“ไม่ชอบเบอร์เกอร์หรอ หรือว่าฉันสั่งผิดเมนู”
“เปล่าฮะ แต่คือ...”ปีเตอร์เงียบไป เขาไม่อยากทำลายบรรยากาศตอนนี้นักหรอ แค่ดูก็รู้แล้วว่าคุณสตาร์คกำลังไม่พอใจที่เขาเอาแต่นั่งมองเบอร์เกอร์ในมือมากกว่าจะกินมันเข้าไปให้หมดๆ
“เป็นห่วงเพื่อนขนาดนั้นเชียว”
คนอายุมากกว่าบอกแล้วยกเบอร์เกอร์ชิ้นที่สองขึ้นมากัด เด็กหนุ่มเงียบไป ไม่ได้พูดอะไรมา แต่แค่พยักหน้าไปรวมกับสีหน้าเป็นกังวลนั่นก็ทำให้โทนี่รู้ว่าปีเตอร์ไม่สบายใจอย่างมากที่จู่ๆ เขาโผล่มาหา แล้วก็พาออกมากลางคัน
“ช่างเถอะฮะ...แล้วเรื่องานเป็นยังไงบ้างครับคุณสตาร์ค ผมได้ยินข่าวมาว่ากัปตันโดนถอนหมายจับแล้วหรือฮะ”
ปีเตอร์เปลี่ยนเรื่อง โทนี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่าข่าวไปไวกว่าที่คิด แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ
“ใช่ แต่ว่าช่วงนี้นายน่าจะต้องระวังหน่อย อย่าเพิ่งทำเรื่องอะไรที่มันเกินตัว ฉันไม่มีชุดแล้ว ตอนนี้คงบินมาช่วยนายแบบนั้นไม่ได้”
“อะไรนะฮะ!?”
ปีเตอร์แทบจะสำลักเบอร์เกอร์คำที่สองของตัวเองและขย้อนคำแรกออกมาด้วยเมื่อได้ยิน โทนี่หลุดหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางตกใจที่เกินจริงไปมาก ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อหู ดูตกใจกว่าเพื่อนร่วมทีมเขาซะด้วยซ้ำไป
“เบาๆ หน่อยสินายตกใจกว่าคนอื่นอีกรู้มั้ยเนี่ย”
“ล...แล้วนานแค่ไหนฮะกว่าคุณจะมีชุด”ปีเตอร์วางของในมือตัวเองลงแล้วมองหน้าอีกฝ่ายไหวไหวไหล่อย่างไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก
“ก็คงพอสมควร ”
“เพราะพวกเขาเหรอฮะ...”
ความเงียบยังคงเป็นคำตอบที่ดีเสมอ เมื่อเห็นว่าโทนี่ สตาร์ค ไม่ได้ตอบอะไรออกมา เขาก็เดาได้ทันทีว่ามันคงเป็นหนึ่งในข้อตกลงในการยกเลิกหมายจับของพวกกัปตัน
คนๆ เดิมตรงหน้าเขาหายไปไหนกันนะ...วินาทีนี้เขาไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้เลย ที่หายไปจากใบหน้าของโทนี่สตาร์คไม่ได้มีแค่รอยยิ้มเท่านั้น แต่มันเป็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งความมั่นใจที่เมื่อก่อนปีเตอร์มั่นใจได้ว่ามันสะท้อนออกมาจากดวงตาสีเฮเซลนั้นอย่างเต็มหลอด ตอนนี้กลับเลือนหายไปหมด
“ไม่เป็นไรนะครับ...ถ้ายังไม่อยากพูดถึงมัน”ปีเตอร์เลื่อนมือไปแตะหลังมือของโทนี่เบาๆ มหาเศรษฐีหนุ่มยกยิ้มขึ้นเส่งกลับไป มองเข้าไปในดวงตาของคนเด็กกว่าแทนคำขอบคุณที่ตอนนี้คงยากที่จะพูดออกมา
“คุณสตาร์คอยากได้เดินเล่นที่ไหนไหมครับ กินเสร็จแล้วเผื่อเราจ-”
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้รัฐบาลจับตาดูฉัน ถ้าฉันมาเจอนาย ฉันกลัวว่านายจะเป็นเป้า แค่มากินข้าวด้วยกันนี่ก็เสี่ยงมากแล้ว”
เขาพูดขัดบอกเหตุผลขึ้นมาก่อนเพราะกลัวปีเตอร์จะเข้าใจผิดว่าเขาไม่อยากจะเดินด้วย ซึ่งในใจจริงๆ แล้วอยากจะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อย แต่คงไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ว่าแต่ ผมอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่อง..ที่ไปแข่ง ที่คุณ...”
ปาร์คเกอร์ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดไปมากกว่านี้ แล้วเขาก็ไม่อยากให้คุณสตาร์คปวดหัวตอนทานข้าวหรอกนะ
“อ๋อ ก็...ช่วงนี้ว่างๆ ก็เลยเอาเงินมาสนับสนุนเด็กฉลาดๆ ซักหน่อย”
อย่าหลุดออกมาเชียวนะ ห้าม เด็ด ขาด!
“อ๋อ...ผม ผม...อยากให้คุณอยู่ที่นั่นวันที่ผมแข่ง...”ปีเตอร์บอกเสียงติดๆ ขัดๆ เพราะความประหม่า
“นายแข่งด้วยหรอ เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย”โทนี่ยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจ
อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าปีเตอร์รู้ว่าที่เขาลงทุนไปทั้งหมดเพราะแค่อยากเจอนี่จะทำหน้ายังไง หวังว่าคงจะไม่ดีใจจนเป็นลมไปหรอกนะ แต่พอคิดแบบนี้ คิดว่าไม่บอกเหมือนเดิมจะดีกว่า
“คุณจะไปดูไหมฮะ?”
“ถ้าไม่ติดงานอะไร ฉันก็จะไปนะ”
“แค่คุณบอกว่าจะไปผมก็ดีใจแล้วล่ะฮะ”
โทนี่มองเจ้าหนุ่มสไปเดอร์แมนทำตาแป๋วเหมือนลุกหมาที่ใจเมื่อเจ้านายให้ขนมแล้วก็อดใจที่จะยิ้มอีกครั้งไม่ได้ ตั้งแต่เจอปีเตอร์เขายิ้มไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะ จะพูดว่ายังไงดี ตอนนี้ปีเตอร์ อาจจะเรียกได้ว่าเป็น...ความสุขไม่กี่อย่างที่เหลืออยู่ของเขาล่ะมั้ง
มื้ออาหารที่แต้มรอยยิ้มจบไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อเห็นคนเด็กกว่าพยายามที่จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้อบรีบกลับถึงแม้ในใจจะไม่เข้าใจเลยก็ตาม โทนี่ก็บอกกับตัวเองว่าอย่าหันกลับไปเด็ดขาดหลังจากเดินแยกกัน กลัวว่าตัวเองจะมีความอดทนไม่มากพอจนเผลอทำตามใจตัวเองอีกสักนิด
“ฟรายเดย์”
“ดิฉันตรวจสอบแล้วค่ะ แม่เหล็กนั้นไม่มีทีท่าจะเป็นอันตรายต่อคุณพาร์คเกอร์ วางใจได้ค่ะนาย”
ระบบเอไอรายงานผลการตรวจสอบที่พบให้เจ้านายของตนทันทีที่โทนี่นั่งลงบนเบาะรถ พร้อมขึ้นลักษณะของค่าพลังแม่เหล็กที่ยิบย่อยลงไปอีกเป็นตัวอักษรที่หน้าจอกระจกรถควบคู่ไปด้วย
“ส่งข้อมูลไปที่ตึก...ไม่สิ ส่งไปที่บ้านนาตาชาด้วย แจ้งพวกเขาว่าฉันจะไปถึงนั่นในไม่กี่นาที เผื่อจะมีคนพอรู้อะไรบ้าง”
“ให้แจ้งคุณบาร์ตันด้วยไหมคะ?”
“ถ้าไม่รบกวนมื้อเย็นล่ะก็นะ...”
“รับทราบค่ะนาย”
xxxxxxxxxx
“รู้สึกผิดเหรอ?”นาตาชาว่าก่อนจะวางแก้วกาแฟที่ชงมาเผื่อแล้วนั่งลงบนเดย์เบ้ดข้างๆ กัน
ตั้งแต่โทนี่กลับไปเธอก็เห็นเขานั่งอยู่สภาพนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าคิดอะไร แต่แน่ใจว่าหนึ่งในนั้นต้องมีความรู้สึกผิดแทรกอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ถึงจะทะเลาะกัน แต่เธอก็เชื่อว่าสตีฟเองก็เป็นห่วงความรู้สึกของโทนี่มากพอสมควร
ทั้งเรื่องพ่อแม่ที่ปกปิดไม่ยอมบอก ทั้งเรื่องที่เป็นต้นเหตุให้โทนี่ต้องยอมยกชุดเกราะ สมบัติชิ้นสำคัญที่สุดในชีวิตให้รัฐบาลไปอีก
“ประมาณนั้น...ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำเพื่อเราขนาดนี้”
“ฉันก็เหมือนกัน กลายเป็นว่าติดหนี้คนอื่นไปเรื่อยๆ ทั้งบาร์ตัน ทั้งคุณ ทั้งโทนี่ กลายเป็นว่าตอนนี้คงหนีจากตรงนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ”นาตาชาหันไปยิ้มกว้าง ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในความเป็นจริง เธอก็ไม่คิดที่จะเลิกทำงานตรงหน้านี้อยู่แล้ว
ครอบครัวเดียวในชีวิตที่มี...คงทำใจเลิกทำยาก
“ตลกน่าแนท แล้วสามคนนั้นล่ะ กลับมาหรือยัง”สตีฟเปลี่ยนเรื่อง เขาหันไปมองในบ้าน เมื่อพบว่าห้องครัวเปิดไฟอยู่ก็เดาได้ไม่ยาก
“สักพักแล้ว วิสชั่นกับวันด้าช่วยกันทำมื้อเย็น แซมดูข่าวอยู่”คำตอบที่ได้ไม่ได้ผิดไปจากที่เดาเท่าไหร่นัก
“มื้อเย็น แบบคนปกติ”
“นี่ไง ชีวิตปกติที่คุณเคยบอกว่ายาก”เธอว่ากลั้วหัวเราะ
“นั่นสิ ใช้ชีวิตแบบนั้นมานานเกิน จนนึกไม่ออก พอได้มาเจอจริงๆ มันก็ไม่อยากอย่างที่คิด...”
ชีวิตธรรมดา อย่างที่เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมี หลังจากเหตุการณ์โดนแช่แข็งเจ็ดสิบกว่าปี ตื่นขึ้นมาในวันที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ต่างจากวันที่เขาขับเครื่องบินดิ่งลงทะเลไปมาก ใช้ชีวิตปกป้องโลกมาตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา วันหนึ่งเพื่อนที่คิดว่าไม่น่าจะรอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นก็กลายมาเป็นนักฆ่า หลายๆ เรื่องที่เกิดในช่วงหลายปีนี้มันไม่ได้ทำให้เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้เลย
แต่วันนี้ การถูกหยิบยื่นเชิงบังคับให้รับชีวิตธรรมดาอย่างคนอื่นๆ อยู่ไปวันๆ ไม่มีอาชีพ ไม่ได้ใช้ชีวิตเพื่อคนอื่น แต่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง มันก็แปลกๆ ดีเหมือนกัน
“นั่นสตาร์คใช่ไหมนั่น...”นาตาชาเหลือบมองหน้าประตูรั้ว เมื่อเห็นว่ามันเปิดออกเองก็รู้ทันทีว่าใช่คนที่เธอคิด
“สงสัยมีอะไรคืบหน้า”สตีฟเสนอความคิด
“หรือแค่มาขอกินมื้อเย็นด้วยเพราะเหงา”นาตาชาแย้งขึ้นมาเล่นๆ จากนั้นก็เดินนำเข้าไปในบ้านสตีฟลุกขึ้นตาม โดยที่เขาก็ไม่ลืมหยิบกาแฟที่อุตส่าห์ชงมาให้ยกซดเข้าไปอึกใหญ่ขณะที่เดินตามคนเตี้ยกว่าเข้าไปที่ห้องรับแขก
“เหงาๆ เลยจะมาขอกินมื้อเย็นด้วย ได้มั้ย ได้สินะ”
คนเพิ่งเข้ามาใหม่อนุญาตตัวเองโดยไม่ได้ขอใคร วันด้าที่เพิ่งเดินมาจากในครัวในขณะเดียวกันก็แกะผ้ากันเปื้อนออกจากตัวมองโทนี่และสตีฟสลับกันอย่างฉงนสงสัย เป็นเชิงว่าหมอนี่มาทำอะไรที่นี่แบบไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่นัก
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
โทนี่พยักหน้าแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร เคาะมันสองสามทีแบบที่ทำเหมือนคราวที่แล้ว ข้อมูลมากมายที่ถูกถ่ายโอนมาก่อนหน้านี้เรียงรายเต็มจอโฮโลแกรมที่ฉายขึ้น ค่าตัวเลขมากมายที่เอาคนที่เพิ่งเดินมาสมทบอีกสองคนหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
“มันคืออะไร”สตีฟถามขึ้นมาก่อนเหมือนอย่างเคย
“ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันเป็นคลื่นแม่เหล็กแรงสูง ระบุชนิดไม่ได้ เซนเซอร์ของฟรายเดย์ตรวจสอบได้จากใกล้ๆ ปีเตอร์ ที่ฉันสงสัยคือ ถ้าคลื่นมันแผ่ออกมาขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เจอต้นตอ”
“ค่าอ่านยากมากเลย ดูไม่เหมือนค่าของอาวุธหรือว่าเครื่องมือ”วิสชั่นมองดูข้อมูลมากมายที่อยู่บนจอนั่น
“ให้ฉันลองดูไหม?”วันด้าเสนอ
“ฟรายเดย์บอกว่ามันไม่เป็นอันตราย ยังไม่ต้องก็ได้”สตาร์คหันไปปฏิเสธ
“อาจจะต้องส่งข้อมูลไปที่วากานด้าดู ให้ทางนั้นช่วยดูหน่อย”แซมเสนอความคิดเห็นขึ้นมาบ้างเมื่อหลายคนเงียบไป
“เดี๋ยวจัดการให้”
สตีฟอาสา อีกไม่กี่วันยังไงเขาก็ต้องไปวากานด้าอยู่แล้ว เขาไปเยี่ยมบัคกี้เดือนละครั้ง หรือมากได้เท่าที่มีโอกาส บางครั้งก็มีติดต่อเพื่อเช็คอาการอีกคนเป็นระยะๆ ซึ่งหลังๆ มานี้ทีชาล่าบอกว่าอาหารของเพื่อนเขาดีขึ้นมาก อีกไม่นานก็คงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
“เอาล่ะ มื้อเย็น”
xxxxxxxxxx
“คิดไงนัดมาแถวนี้”
ปีเตอร์วางถุงกระดาษที่ภายในมีชีสเบอร์เกอร์ที่ซื้อติดมือมาตอนแยกกับคุณสตาร์ค คริสตัลมองอีกฝ่ายด้วยแววตาราบเรียบแล้วหันกลับไปมองภาพทิวทัศน์ตรงหน้าเช่นเดิม มุมสูง เห็นอะไรดีๆ ได้เยอะกว่ามองจากพื้นดิน
“นึกว่าจะต่อมื้อเย็นกันเลย อะนี่ กุญแจรถนาย”เธอล้วงกุญแจจากกระเป๋าส่งคืนให้เจ้าของ เด็กหนุ่มรับมันมาเแล้วใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะไปยืนอยู่ท่าเดียวกับคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
“เอาไง จะกลับเลยมั้ย?”
“ถ้านายอยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีกพักนึงฉันก็ยืนได้นะ นานๆ ทีจะได้ออกมาจากบ้าน”
“งั้นไปเดินเล่นกันไหม?”เขาชวน
“ฉันจะจำผังเมืองแถวนี้ได้ทุกตรอกแล้วมั้งปีเตอร์ เมื่อยขาไปหมดแล้วเนี่ย”
คนยืนรออยู่ก่อนหันไปบ่นออดๆ แอดๆ ใส่เขา ปีเตอร์ไหวไหล่แทนคำขอโทษอย่างลวกๆ แล้วมองดูย่านชุมชนนี้เช่นเดียวกันกับคนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วโดยไร้ซึ่งคำพูดใด ภายในหัว มีหลายอย่างให้คิดและกังวล
คุณสตาร์คโดนยึดชุดโดยไม่มีกำหนดคืน และคงอีกพักใหญ่กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง ตอนนี้โลกกำลังตกอยู่ในช่วงอันตรายที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เพราะเหล่าฮีโร่ ถูกรัฐบาลสั่งพักงานกันไปเป็นแถบหลังจากเหตุการณ์ที่เยอรมัน
อันที่จริงมันควรดีขึ้น แต่กลับแย่ลงในทุกๆ ด้าน ความน่าเชื่อถือขอพวกเขาถูกลดลง เท่าที่รู้ในร้านอาหาร ผลกระทบโดยตรงของมันคือการที่พวกเขาจะขยับตัวลำบากขึ้นกว่าเดิม และวันหนึ่งพวกเขาอาจจะถูกมองว่าเป็นตัวร้ายมากกว่าที่จะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือ
ช่วงนี้คงต้องกู้หน้ากันก่อน แล้วค่อยคิดจะไปกู้โลกจากอันตรายแล้วล่ะ…
“เธอรู้เรื่องสนธิสัญญาโซโคเวียไหม?”เขาถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนยืนข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่ถูกถาม แต่ก็ตอบตามความเป็นจริง
“รู้สิ อ่านตอนว่างๆ”
“เธออ่านเรื่องกฏหมายตอนว่างเนี่ยนะ”ปีเตอร์ถามเสียงสูงอย่างประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าบนโลกนี้จะยังมีคนอ่านเรื่องกฏหมายฆ่าเวลากันอยู่
“ฉันไม่ได้งานยุ่งเหมือนนายซักหน่อย แล้วถามทำไม จะเอาไปทำหัวข้อรายงานเหรอ?”
เธอถามถึงหัวข้อรายงานที่เพิ่งได้รับมอบหมายจากอาจารย์วิชากฏหมาย ที่ให้ไปหากฏหมายที่สนใจแล้วพรีเซ้นท์หน้าชั้นเรียนในคาบบ่ายวันพุธอาทิตย์หน้านี้
“ก็แค่ถามเฉยๆ แต่ถ้าเธอชอบหัวข้อนี้ มันก็น่าสนใจนะ”เขาเห็นด้วยกับเธอ คงไม่มีใครนึกถึงกฏหมายเรื่องนี้มานัก
“อยากจะทำวันไหนก็บอกละกัน ฉันจะได้ขนเอกสารไปให้นายอ่านด้วย”เธอว่าติดตลก ทั้งยังเค้นเสียงหัวเราะเบาๆ ตอนที่หันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้เบิกตาโพลงตกใจ คนไม่รู้คงคิดว่าหมอนี่ได้ยินว่าเธอถูกล็อตเตอรี่แน่
คนบอกไม่ได้สนใจอะไร แล้วหยิบเอาถุงชีสเบอร์เกอร์มาแกะกินหน้าตาเฉย พินิจพิเคราะห์รสชาติแล้ว ไม่ได้ถูกปากอะไรมากมายนักอย่างที่เคยได้ยินมา แต่ก็พอยัดลงเป็นมื้อเย็นให้อิ่มท้องก่อนกลับบ้านได้อยู่
“ฉันชอบแซนด์วิชแถวบ้านเรามากกว่า”
ปีเตอร์ได้ยินคนหลุดคำว่าเราแล้วก็ลอบยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย โชคดีที่เธอไม่เห็นมัน และคงไม่รู้สึกตัวอะไรที่เผลอพูดคำๆ นั้นออกมา
มันคงเป็นอีกอย่างที่ยืนยันได้ว่า เขาได้ก้าวผ่านกำแพงของคริสตัลมาอีกชั้นหนึ่งแล้ว…
xxxxxxxxxx
talk with ไรต์
สวัสดีค่ะ รอบนี้หายไปนานเลย ขอโทษจริงๆ นะคะ
มีใครยังไม่ได้ดู END GAME บ้างคะ ส่วนเราดูแล้ว ร้องไห้เป็นเผาเต่าตั้งแต่ต้นเรื่อง5555555
ตอนนี้สั้นมากเลย เนื้อเรื่องจะค่อนข้างยืดนิดนึงนะคะ เรากำลังพยายามทำให้มันรวบรัดอยู่ แต่จะมีบางอย่างที่ต้องใอธิบายเยอะมากกก เลยได้เท่านี้ อาจจะเขียนเรื่องปะเด็นเดิมย้ำๆ เพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจสถานะกับความสัมพันธ์ของตัวละครเพิ่มขึ้นค่ะ
น้องเจอคุณสตาร์คล้าวววว ฮื่อ แต่งไปก็ ฟหกด่าสวฟหกด ไปด้วย แถมกัปตันและผองเพื่อนมาด้วยเร้กน้อยยยยย หวังว่าจะชอบกันนะคะ
(เราใส่ภาพหัวตอนไม่ได้อะ แง ทำไมมมมม)
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in