เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[FICTION] - Avengers : Change the futurejaomhee1
Chapter 4
  • Chapter 4





              “กำหนดการเลื่อนขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?”เอ็มเจอ่านเอกสารในมือแล้วบ่นออกมา กำหนดการการแข่งขันถูกเลื่อนขึ้นมาอีกสองอาทิตย์ และแน่นอนว่าพวกเธอคงจะต้องฝึกกันหนักกว่าเดิมเพราะเวลาถูกเร่งรัดขึ้นมาอีก




              “ครูก็เข้าใจนะ แต่ว่าการแข่งขันรอบนี้มีเปลี่ยนแบบแผนด้วย”





              “ยังไงครับ”แฟลชถามขึ้นมาอีกคน เขาไม่ได้มีกระดาษอยู่ในมือ





              “แบ่งการแข่งเป็น 5 วัน โดยจะคัดออกทีละครึ่ง จนเหลือโรงเรียนที่จะเข้ามาชิงแชมป์กันสองโรงเรียน ผู้ชนะจะได้เข้าชมตึกอเวนเจอร์ที่อัพสเตจ และเงินจำนวนห้าหมื่นดอลล่า พร้อมที่พักสุดหรูอีกสองวัน”




              นี่มันบ้าไปกันใหญ่แล้ว...คำพูดนี้อยุ่ในหัวปีเตอร์มาสักพัก ตอนที่เจอกันเมื่อวานคุณสตาร์คไม่เห็นพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด อย่างนี้มันตั้งใจจะปิดบังกันชัดๆ!




              “ทำหน้าเหมือนปวดท้อง เป็นอะไรหรือเปล่าปีเตอร์”เอ็มเจเมื่อเห็นสีหน้าลูกทีมเริ่มไม่ดีก็เอ่ยถามขึ้น เธอเป็นกังวลเกี่ยวกับปีเตอร์นิดหน่อย ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับโทนี่ สตาร์คแล้ว นั่นก็ยิ่งน่าเป็นห่วง




              “เปล่า ฉันสบายดี”




              “งั้นเรารีบซ้อมเถอะ ครูให้คริสตัล เอาคำถามเกี่ยวกับเรื่องข้อกฏหมายมาให้แล้ว”เขาผายมือมาทางเธอด้วยยามที่บอก คริสตัลส่งเอกสารมากมายที่พอจะรวบรวมมาตั้งคำถามได้ส่งไปให้กับเอ็มเจ




              “ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องสนธิสัญญาที่เพิ่งตั้งมาเพราะเรื่องฮีโร่ด้วย เข้าใจคิดนะ”เอ็มเจหันมาชมคนคิดคำถาม แน่นอน มีหรือคนตั้งคำถามในการแข่งขันจะพลาด ไหนๆ โทนี่สตาร์คก็เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการอยู่แล้วนี่นา




              “เอาล่ะ เริ่มกันเลยดีกว่า”







              การฝึกซ้อมแข่งขันตอบคำถามเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่องๆ คริสตัลรู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อยที่เห็นว่าเพื่อนๆ หลายคนกะตือรือร้นที่จะหาข้อมูลมาก่อน และส่วนใหญ่ก็จะตอบได้กันทั้งนั้น มันถูกใช้ผสมกับคำถามธรรมดาทั่วไปเพื่อการฝึกซ้อมที่ยากขึ้น



              ปีเตอร์ดูเครียดกว่าทุกครั้งจนเธอเองตอบแอบลอบมองอีกฝ่ายบ่อยๆ คงเป็นภาวะที่เกิดจากความกดดัน ไม่รู้ว่าเมื่อวานปีเตอร์คุยอะไรกับสตาร์ค แต่มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดูน่าสนุกนัก แววตาของอีกคนฉายชัดถึงความกดดันและความเครียดที่สะสม จากความคิดและอะไรบางอย่าง จนเธออดคิดไม่ได้ว่าปีเตอร์กำลังคิดอะไรอยู่




              หมอนี่ไม่เคยเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย…





              “เอาล่ะ วันนี้พอก่อนดีกว่า เราเครียดกันเกินไปแล้วนะ”อาจารย์เคาะปากกากับโต๊ะสองสามทีเพื่อยุติการฝึกซ้อมอันยาวนาน เอ็มเจถอนหายใจออกมายาวๆ พร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต่อมาเสียงเหล่านั้นกลายเป็นเสียงโอดครวญเพราะความเหนื่อยล้า




              “ครูคะ ทำไมมันยากขนาดนี้ ปีก่อนๆ ไม่เห็นยากแบบนี้เลย”




              “เรื่องกฏหมายและสนธิสัญญาพวกนี้ละเอียดอ่อน เขาไม่น่าถามมาก อาจจะเป็นเรื่องตื้นๆ พวกเธอรู้ไว้กันนิดๆ หน่อยๆ ดีกว่าอยู่แล้ว”





              “แต่ยังไงเราก็มีคริสตัลอยู่แล้วนี่นา ไมมีปัญหาหรอก ใช่ไหม”เนทมองหน้าครูและคริสตัลสลับกันไปมา




              “ครูไม่อยากให้พวกเธอเสียกำลังใจหรอกนะ แต่เพราะคริสตัลน่าจะมีปัญหาที่ผู้ปกครองไม่อยากให้เธอไปค้างไกลหูไกลตา เพราะฉะนั้น เธออาจจะตามพวกเราไปตอนเช้า แต่อาจจะไม่ได้ลงแข่งขันกับพวกเธอด้วย”ครูหนุ่มว่าเสียงแผ่วอย่างเสียดาย ตามมาด้วยเสียงโอดครวญจากเพื่อนๆ อีกครั้ง




              “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันจะไปติวให้พวกเธอก่อนลงแข่งอยู่แล้ว”เธอยังคงใช้เสียงโทนเดิมในการปลอบใจเพื่อนๆ แม้จะเห็นแววตาที่เริ่มจะประหม่าขึ้นกว่าเดิมจากหลายๆ คน




              เธอหลุบตาลงต่ำเพื่อมองนาฬิกา สลับกับมองปีเตอร์ที่เริ่มลุกลี้ลุกลน ทันทีที่ครูพูดประโยคปลุกใจนั่นจบหมอนั่นก็รีบวิ่งนำคนอื่นๆ ออกไปทันที คงเลยเวลาทำงานของหมอนั่นมาสักพกแล้วล่ะมั้ง









              ปีเตอร์วิ่งสุดชีวิตไปยังตรอกเดิมเพื่อเปลี่ยนชุดอย่างที่ทำเป็นประจำ ได้เวลาเพื่อนบ้านที่แสนดีแล้ว ถึงมันจะเลทมานิดหน่อยก็เถอะ





              สไปเดอร์แมนไม่ลืมที่จะรอช่วยคนแก่ข้ามถนนเหมือนอย่างเคย เหมือนเป็นชีวิตประจำวันของคุณยายคนนี้ไปเสียแล้วที่จะต้องข้ามไปซื้อของตรงถนนอีกฝั่ง และเดินกลับบ้านของหล่อนหลังจากนี้อีกซักครึ่งชั่วโมง




              เสร็จภารกิจพาคนแก่ข้ามถนน ต่อไปก็ตรวจดูความเรียบร้อยของเมือง แบบเงียบๆ…








              เหงาชะมัด...เจ้าหนุ่มชุดแดงคิดไปพร้อมๆ กับเปิดหน้ากากขึ้นมาครึ่งหนึ่งเพื่อนั่งกินทาโก้จากเด็กคนหนึ่งที่ซื้อมาฝากเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยเก็บลูกโป่ง พร้อมกับอมยิ้มอีกแท่งหนึ่ง




    เขานั่งพลิกมันไปมาดูอมยิ้มสีชมพูหวานแหววในมือของตัวเอง พร้อมกับยัดทาโก้ที่เหลืออยู่เข้าปาก ก่อนจะเอามันเก็บใส่กระเป๋า แล้วมองคนที่เดินผ่านไปมาพลางยกยิ้ม แล้วสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะลุกขึ้นยืนและยิงใยเพื่อโหนไปอยู่ที่ตึกอีกฝากหนึ่ง





    คุณสตาร์คจะเป็นยังไงบ้างนะ...




              เขาอดคิดไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่ ช่วงนี้ก็คงกำลังสะสางงานอื่นๆ หรือไม่ก็อาจจะกำลังใช้ชีวิตเรียบง่ายหลังจากเหนื่อยมานาน





              ว่าแต่...จะมีหรอ ความเรียบง่ายในชีวิตของคุณสตาร์คน่ะ





              “เหม่ออะไรพ่อแมงมุม”



    เสียงคุ้นหูจากด้านหลังทำให้ปีเตอร์หันกลับไปมองทันที คนสวมฮู๊ดสีน้ำเงินปิดปังใบหน้าส่งยิ้มให้เขา จากนั้นก็โยนแซนด์วิชส่งไปให้คนตรงหน้า ปีเตอร์ส่งยิ้มขอบคุณ ส่งผลให้บริเวรตาของหน้ากากขยับไปมา




    “จะมาช่วยเหรอวันนี้?”เขาถามขำๆ ถึงแม้ใจจริงก็หวังให้อีกคนตอบว่าใช่ก็เถอะ




    “เปล่า คิดว่าน่าจะหิวก็เลยซื้อของมาให้ ว่าจะกลับแล้ว”เธอคกระชับกระเป๋าเป้ขึ้นด้วยในตอนที่บอก บ่งบอกว่าตั้งใจจะมาแค่นี้จริงๆ




    “หาฉันเจอได้ไง?”



    “ชุดที่นายใส่นี่มันไม่เด่นเลยงั้นสิ?”เธอชี้มาที่ชุดของเขา ปีเตอร์หัวเราะออกมาเล็กน้อย รู้ตัวอยู่หรอกว่าชุดที่ใส่นี่มันโคตรจะเด่น แต่ให้ทำไงได้ คุณสตาร์คอุตส่าห์ออกแบบให้เขานี่หน่า




    “ฉันกลับล่ะ อย่าลืมหัวข้อรายงาน”เธอยกสองนิ้วขึ้นมาเหมือนทำความเคารพแบบทหาร แต่เหลือสองนิ้วแบบนี้น่าจะเป็นลูกเสือมากกว่า ปีเตอร์พยักหน้า มองดูอีกคนเดินไปขึ้นบัสตรงป้ายที่อยู่ไม่ไกล





    xxxxxxxxxx




              “กลับมาแล้วหรอปีเตอร์ โรงเรียนเป็นไงมั่ง”




              “ดีฮะ วันนี้ซ้อมหนักมากเลย”เด็กหนุ่มพูดไปพลางเคี้ยวขนมปังมื้อเย็นไป เมย์ส่งยิ้มให้จากนั้นก็วางไก่อบลงตรงหน้าของหลานชาย




              “สองสามวันมานี้หลานกลับดึกมากเลย รอบนี้มันยากมากเลยใช่ไหม?”เธอรินน้ำไปด้วยถามไปด้วย พอเห็นหลานชายพยักหน้าที่เหนื่อยล้านั่นกลับมาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้“พักผ่อนบ้างนะ อย่าเครียดเกินไป กินเถอะ ป้าไม่กวนแล้ว”




              “ขอบคุณครับ”





              ป้าเมย์ยังคงเป็นห่วงเขาเสมอ ทุกๆ ครั้งที่สายตาคู่นั้นมองมาที่เขาอย่างภูมิใจ ปีเตอร์ก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาเพิ่มทันที มันคงเป็นพลังจากครอบครัวสินะ…




              “อ้อปีเตอร์ เสื้อที่หลานฝากป้าซักป้าเอาไปไว้ในห้องให้แล้วนะ”




              “ขอบคุณมากครับป้าเมย์”ปีเตอร์ตะโกนบอกทั้งๆ ที่หลายอย่างยังคงอยู่ในปาก ทำให้เมย์ต้องหันมาดุด้วยสายตา ปีเตอร์รีบปิดปากทันควัน แล้วกลับมานั่งกินต่อเงียบๆ





              ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นมา เด็กหนุ่มรีบหยิบมันขึ้นมาดูทันที เป็นข้อความจากเนท ที่ส่งมาชวนเขาไปทำงานที่บ้านของเจ้าตัวในวันหยุดนี้




              [ไว้จะถามคริสตัลก่อนนะ - ปีเตอร์]




              แน่นอนว่าการทำงานเป็นกลุ่มสี่คนของพวกเขาเข้ากันได้ดีถึงเนทกับคริสตัลจะไม่ค่อยคุยกันเท่าไหร่ แต่ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรกัน แถมเอ็มเจเองก็คุยกับคริสตัลถูกคอไม่ใช่น้อยหลังจากวันที่เขาพาไปเที่ยวด้วยกันวันนั้น




              “ป้าเมย์ฮะ ผมหาข้อมูลทำรายงานนะฮะ”



              “อย่านอนดึกมานะปีเตอร์”




              คนเป็นป้าตะโกนออกมาจากห้องน้ำ ปีเตอร์รีบหอบเอาข้าวของเข้าไปในห้อง ทั้งหนังสือและเอกสารสำหรับอ่านเพื่อทำรายงาน เขาก็ไม่ได้โกหกซักหน่อย แต่ก่อนทำรายงาน ก็ขอทำเจ้านั่นก่อนเถอะน่า





              เขาคิดว่าคริสตัลควรจะมีเครื่องมือเอาไว้สื่อสารกับเขา เหมือนตอนที่อเวนเจอร์ใช้ติดต่อกัน เผื่อจะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น




              หมายถึงในอนาคตถ้าคริสตัลยอมมาช่วยชุมชนกับเขาล่ะก็นะ





              เสียงโทรศัพท์ของปีเตอร์ดังขึ้นทันทีที่เขาทิ้งกระเป๋าลงกับเตียง เกือบจะไม่สนใจมันอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่าบนหน้าจอขึ้นตัว C เด่นหราอยู่



              “ว่าไง!”เขารับสายเธออย่างตกใจนิดหน่อยแล้วก็จำไม่ได้ด้วยว่าเธอให้เบอร์เขาตอนไหน




              [“ปีเตอร์ ฉันว่าฉันน่าจะลืมหูฟังไว้ที่นาย ช่วยดูในกระเป๋าให้หน่อยได้ไหม?”]ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ปีเตอร์ปฎิเสธทันที ในกระเป๋าเขามีแค่หนังสือกับชุดสไปเดอร์แมนเท่านั้น และเมื่อโดนขอร้องซ้ำๆ จากเสียงที่เหมือนจะงอแงนั่น ก็ทำให้เขาเทของในกระเป๋าจนมันกระจัดกระจาย เพื่อพบว่ามันไม่ได้อยู่ในนั้นจริงๆ




              “เธอทำร่วงไว้ในห้องซ้อมหรือเปล่า”เขาถามขึ้นอย่างนึกสงสัย




              [“นั่นสิ ตอนจะกลับบ้านฉันก็ไม่ได้ใช้ด้วย”]




              “เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าเราค่อยเข้าไปหากันก็ได้ ออกเช้าหน่อย”



              [“ขอร้อง บอกฉันทีว่านายจะไม่ใช้รถคันนั้น”]








              ปีเตอร์ตัดสายไปก่อน ก็อยากจะรีบเอง เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้รถของคุณสตาร์ค เช้าขนาดนั้นถ้ารอรถไฟคนก็คงแออัดแน่นอน นั่งรถสบายๆ ไปเรียนบ้างก็ดีเหมือนกัน






    xxxxxxxxxx





              วันแล้ววันเล่าที่บรูซ แบนเนอร์ ขลุกตัวอยู่หน้าก้อนลูกบากศ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นต้นเหตุจนทำให้เกิดทีมอเวนเจอร์ และในยามนี้ เขาต้องหาวิธีเพื่อให้มันพาเขากลับไปยังโลก




              บุตรแห่งโอดินและเทพแห่งคำลวงนั่งเหม่อมองห้วงอวกาศ ยามนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ราตรีแล้วที่พวกเขาพาชาวแอสการ์ดล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย และจะพบเจอสิ่งใดต่อไปก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ อีกไม่นานเสบียงบนยานลำนี้ก็จะหมดลง ในฐานะของราชันแห่งแอสการ์ด ธอร์ไม่อาจเห็นประชาชนอดอยากได้




              “ท่านพี่ มันจะต้องมีวิธี เชื่อข้าเถอะ”




              “ข้าเชื่อเจ้า แต่หากนานกว่านี้ ประชาชนของเราจะแย่”




              โลกิมองใบหน้าอิดโรยของพระเชษฐา ซึ่งเป็นผลมาจากการอดหลับอดนอนมาหลายชั่วยามเขารู้ดีว่าในฐานะของราชา ธอร์จะต้องอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าพวกเราจะผ่านมันไปได้ หากแต่ขณะนี้ร่างกายของเขากำลังแย่ และหากเป็นเช่นนี้ อีกไม่นาน แอสการ์ดอาจจะไร้เสาหลัก




              “ท่านเองก็กำลังจะแย่ พักก่อนเถิดท่านพี่ ข้าจะช่วยดูให้เอง”




              “โลกิ...”



              จริงอย่างที่น้องชายท่านว่า พักเถอะ”วัลคีรีพยักหน้าส่งไปให้กับชายหนุ่ม เมื่อเห็นดังนั้น ผู้นำแห่งแอสการ์เดี้ยนจึงยอมไปพักผ่อนแต่โดยดี





              “เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามิดการ์ดอยู่ไกลออกไปจากนี่อีกมาก”วัลคีรีหันไปถามคนศักดิ์สูงกว่าตนด้วยเสียงเป็นกังวล




              “รู้...แต่หากทำสำเร็จ อีกไม่นานเราจะเดินทางไปสู่มิดการ์ดโดยผ่านรูหนอนจากเครื่องอะไรบางอย่างที่ข้าเคยให้มนุษย์คนหนึ่งสร้าง ตอนไปบุกโลก...ครั้งก่อน”ปลายประโยคมีความรู้สึกผิดเจือปนอยู่ไม่น้อย และไม่ใช่เพียงเท่านั้น เขายังก่อเรื่องมากมายสารพัดจนทำให้โลกวุ่นวายไปหมด




              “ทำหน้ารู้สึกผิดไปตอนนี้ก็แก้อะไรไม่ได้หรอกพ่อตัวร้าย แต่ฉันคิดออกแล้วว่าเราจะสร้างเครื่องนั่นยังไง”




              แบนเนอร์เดินออกมาพร้อมกับลูกบากศ์ ที่บรรจุอยู่ภายในกล่องแก้ว ในยานนี้น่าจะมีเครื่องมืออยู่นิดหน่อย มันคงพอที่จะสร้างเครื่องนั่นได้ แต่ประตูคงเปิดได้ไม่นาน และคงต้องขอความช่วยเหลือจาก…





              วี๊ดดดดด!





              “นั่นมันอะไรวะนั่น...”




              บรูซมองออกไปนอกยานผ่านกระจกใส  ยานขนาดไม่ใหญ่นักกำลังมีลำโพงหลายอันยื่นออกมาจากตัวยาน เพียงไม่นานก็มีเสียงของอะไรบางอย่างดังออกมาจากลำโพงนั่น






              “ไงพี่เบิ้ม เห็นลอยเท้งมาหลายวันละ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”






    xxxxxxxxxx





              “ซับซ้อนชะมัด”




              โทนี่วางแก้วน้ำผักลงข้างๆ โต๊ะแล้วอ่านข้อมูลบนจออีกครั้ง ข้อมูลต่างๆ ยังคงตีความไม่ได้แม้จะให้ฟรายเดย์วิเคราะห์มาเกือบสองวันแล้วก็ตาม




              “ขออภัยค่ะนาย ไม่สามารถตีความข้อมูลเพื่อระบุที่มาของพลังงานอย่างแน่ชัดได้”





              สิ่งที่เขากังวลตอนนี้ก็คือเจ้านี่อาจจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลส่งมาให้ติดตามตัวปีเตอร์  แต่นั่นก็ดูไม่สมเหตุสมผลเลย จริงอยู่ที่ปีเตอร์เป็นสไปเดอร์แมน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสังกัดอเวนเจอร์อย่างเป็นทางการ และที่สำคัญ รัฐบาลไม่น่ารู้ตัวตนของปีเตอร์




              “นายคะ มีสายจากกัปตันค่ะ”




              “บอกว่าฉันไม่ว่าง”




              “แต่กัปตันยืนอยู่หน้าตึกแล้วนะคะ”




              “อะไรนะ?”เขาถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู เอไอสาวจึงยืนยันด้วยการเปิดภาพกล้องวงจรปิดหน้าตึกให้เขาดู สตีฟ โรเจอร์พร้อมด้วยนาตาชา แซม วันดาและวิสชั่นกำลังยืนอยู่หน้าตึก แต่ไม่มีใครเดินเข้ามาด้านใน



              “ให้ฝากข้อความเสียงไหมคะนาย”



              “บอกไปว่าฉันยุ่งๆ ถ้าจะเข้าก็เข้ามา ไม่ต้องไปยืนเป็นบอยแบนด์ให้มีใครมอง”เขาเอ่ยในยามที่ตัวเองหันลับไปสนใจตัวเลขมากมายบนจอต่ออย่างไม่สนใจคนที่มาใหม่




              “รับทราบค่ะ”




    xxxxxxxxxx



              “ตามตรงนะ ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยที่เรามาโผล่ที่นี่ตอนนี้ รัฐบาลอาจจะจับตามองพวกเราอยู่”นาตาชาบอก โดยมีวันด้าที่พยักหน้าเห็นด้วย



              กัปตันอเมริกาไม่ได้สนใจคำพูดเตือนนั้นเท่าไหร่นักเขาคิดเพียงแค่ว่าตอนนี้ทั้งเขาและโทนี่ควรจะต้องถอยหลังกลับมาคนละก้าว แล้วปรับความเข้าใจกันใหม่




              เขารู้ว่าโทนี่ไม่ได้ทำเพื่อเขา แต่เป็นเพราะไม่อยากเห็นนาตาชากับคลินท์จะต้องมาถูกพ่วงกับเรื่องพวกนี้ คลินท์มีครอบครัวที่ต้องดูแล ส่วนนาตาชายังมีหน้าที่อีกมาก แล้วไหนจะคนอื่นๆ ที่โทนี่ดึงเข้ามาเอี่ยวด้วย นี่คงเป็นวิธีการเดียวที่จะซื้อใจรัฐบาล และทำให้พวกเขาเชื่อใจเราได้




              “นึกอยู่แล้วว่าต้องมา”วอร์แมชชีนเดินเข้ามาทักทาย“สีหน้าดีขึ้นเยอะ เป็นไงบ้าง”



              “ก็ดี นายล่ะ”




              “ตามสภาพ แต่ก็ยังไหว”




              “ผมต้องขอโทษจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น”วิสชั่นในร่างคนธรรมดาเอ่ยอย่างรู้สึกผิดไม่มีวันไหนเลยที่เอไอก็อดจะไม่เสียใจกับความผิดพลาดที่เขาก่อ




              “ไม่เอาน่า ฉันสบายดี มาเถอะ มีข้อมูลต้องอัพเดทเพียบ”ผู้พันโรดห์เอ่ยขัดขึ้นมา เขาเองก็ไม่ได้อยากให้บรรยากาศมันแย่สักเท่าไหร่ เรื่องบางเรื่องผ่านมาแล้ว ก็ควรให้มันผ่านไป แค่นั้น ไม่ต้องไปรื้อฟื้นให้โกรธเคืองกัน เพราะมันเองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร





              ทั้งห้าคนเดินตามโรห์ดี้ขึ้นไปยังแลบชั้นบน ผ่านห้องปฏิบัติการมากมายที่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในทุกพื้นที่ ถึงอเวนเจอร์จะถูกพักงาน แต่ไม่ได้แปลว่าคนอื่นๆ จะต้องพักงานไปด้วย




              “โทนี่ให้ฟรายเดย์วิเคราะห์แล้ว เห็นบอกว่ายังระบุไม่ได้ ส่วนฉัน ติดต่อทางวากานด้าให้แล้ว เห็นโทนี่บอกว่านายจะไปเยี่ยมบัคกี้ ก็เลยคิดว่าให้ทางนั้นส่งยานมารับจะปลอดภัยกว่าให้นายเดินทางไปเองแบบที่พาตัวเองไปเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง”เขาอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ให้กัปตันฟัง




    “ขอบใจมากนะ”




    “ยินดี”เขาตอบอย่างไม่ได้สนใจนัก ไหนๆ ก็เป็นทีมเดียวกัน เรื่องแค่นี้เล็กน้อย





    “พวกเราล่ะ”วันด้าพูดขึ้นมา





    “ก็...ถ้าอยู่เฉยๆ กันไม่เป็น ก็เข้ามาช่วยงานได้นะ หมายถึง ช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ภารกิจ”




    โรห์ดี้ดูลำบากใจเล็กน้อยเมื่อต้องบอก ถึงจะเลือกใช้คำสุภาพแต่ก็ไม่สบายใจอยู่ดีที่จะต้องบอกว่าอยากให้คนอื่นๆ ออกห่างจากเรื่องพวกนี้เอาไว้เสียบ้าง ก่อนเรื่องมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก




    “โอเค เราเข้าใจ”นาตาชาตอบแทน โรห์ดี้เป็นฝ่ายดันประตูเดินนำเข้าไปในห้อง บุ้ยใบ้ให้เพื่อนสนิทว่าพวกเขามาถึงแล้ว โทนี่พยักหน้า ละมืออกจากกองงานมากมายแล้วเดินไปหยิบแฟ้มส่งไปให้นาตาชา




    “ตอนทำงานที่ชิลด์ รู้ไหมว่าเคยมีใครใช้อาวุธที่ต้องเกี่ยวข้องกับแม่เหล็กบ้างหรือเปล่า?”




    “ฉันไม่ แต่บาร์ตันไม่แน่”





    “เขาไม่เอาด้วยหรอก”วันด้าแย้ง หลังจากเรื่องที่สนามบินเบอร์ลินเขาคงอยากพักงานยาวๆ มากกว่าเอาตัวเองกลับมาเสี่ยงอีกครั้ง




    “เธอพูดถูก บาร์ตันมีครอบครัวที่จะต้องดูแล หลังจากนี้เขาคงไม่อย-”





    “อ้อหรอ ถ้าจำไม่ผิด มีใครบางคนติดต่อกลับมาหลังจากได้รับข้อมูล ชื่อคุ้นๆ ไหมนาตาชา เพื่อนเรานี่”ไอรอนแมนเคาะที่พื้นกระจกสองสามที่เพื่อให้จอโฮโลแกรมเด้งขึ้นมา ข้อมูลตอบรับการติดต่อจากฮอว์คอายโชว์ขึ้นมา โดยสรุปก็คือพร้อมจะกลับมาช่วยถ้ามีอะไรที่ตนทำได้





    “เอาจริงๆ ฉันนึกว่าเขาอยากวางมือ”โรมานอฟบอกกับโทนี่





    “ไม่รู้ เขาบอกมาแบบนั้น ผมส่งข้อมูลที่เขาควรรู้ไปให้เขาแล้ว เรื่องนี้ด้วย”




    มหาเศรษฐีหนุ่มตอบกลับอีกฝ่าย นั่นทำให้นาตาชาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย“งั้นเดี๋ยวฉันจะไปหาเขา”





    “ไปส่งได้นะ”โรห์ดี้เอ่ยเสียงติดตลกแม้สิ่งที่กล่าวจะเป็นความจริงก็ตาม




    “งั้นต้องฝากด้วย”






    xxxxxxxxxx




              “แน่ใจนะว่ามันจะใช้ได้?”




              “ระเบิดข้าก็เคยทำ!”แรคคูนร็อคเก็ตตอบกลับไปเสียงติดหงุดหงิดงุ่นง่าน ทำเอาบรูซที่นั่งทำงานอยู่ดวยกันทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลง แล้วไหนจะเจ้าต้นไม่พูดได้ที่พ่นแต่ประโยค ไอแอมกรูท ออกมาไม่หยุดไม่หย่อน ไม่รู้ว่าพวกเขาฟังกันรู้เรื่องได้ยังไง ธอร์นี่ยิ่งแล้วใหญ่ คุยกันเหมือนรู้จักกันมาสิบปี





              “คือที่เราจะทำนี่ไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นตั๋วพาเรากลับโลก เอ่ออะไรนะ มิดการ์ด โลกมนุษย์น่ะ!”





              “อ๋อใช่ เทอร่า ดาวบ้านเกิดไอ้หมอนั่น”ร็อคเก็ตตอบรับในขณะที่กำลังยุ่งกับสายไฟระโยงระยาง บุ้ยไปทางควิลว์ที่กำลังยืนคุยกับวัลคีรีอยู่ที่แถวๆ คอนโซนยาน





              “ไอ้สองคนนั้นมันเถียงอะไรกันวะนั่น”ร็อกเก็ตพูดเบาๆ กับตัวเองในตอนที่เห็นท่าทางดูไม่ค่อยพอใจของควิลล์ ก่อนที่เจ้าตัวจะปล่อยให้มันเป็นบ้าไปอยู่คนเดียว





              กาโมร่าที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่กับธอร์และโลกกิแสดงสีหน้าคร่ำเครียดพลางถอนหายใจหลังจากทีได้รู้ว่าอีกฝ่ายที่เทรซซาแรกส์อยู่กับตัว บุตรแหงโอดินถอนหายใจแรง เพียงแค่คิดว่าจะต้องนำพาประชาชนมาเสี่ยงอีกครั้งก็รู้สึกแย่ขึ้นมา




              “ทางเดียวที่พวกเจ้าทำได้ คือหนี”กาโมร่าบอกทางเลือกกเพียงทางเดียวให้กษัติร์แห่งแอสการ์ด“เขาไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่”




              “ถ้าอย่างนั้นเราก็คงต้องแยกกัน...เทรซซาแรกส์ต้องการคนคุ้มครอง”ธอร์เอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางหันไปหาอนุชาที่ส่งสายตาแยงขึ้นมาทันที




              “ไม่ เรากลับมิดการ์ดแล้วค่อยหาทางแก้กันก็ได้ พี่ข้า สหายท่านไง”




    “หากทำเช่นนั้นข้าก็จะไม่มีอาวุธกลับไปช่วยพวกเจ้า”





              แผนการที่พวกเขาเคยคุยกันไว้ก็คือจะใช้เทรซซาแรกส์เปิดประตูมิติเพื่อกลับไปมิดการ์ด จากนั้นธอร์ก็จะแยกไปกับพวกควิลล์เพื่อไปสร้างอาวุธใหม่ และจะรีบกลับมิดการ์ดให้เร็วที่สุดเพื่อไปรวมกับสหายในทีมอเวเจอร์





              “ท่านพี่”โลกิส่งสายตาคัดค้านปนร้องขอ





              พวกเขาเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมา ในห้วงความฝันเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาเขาเห็นบางสิ่งเกิดขึ้นกับมิดการ์ด การสู้รบครั้งใหญ่ ทีมอเวนเจอร์ มณีอินฟินิตตี้ ใครอีกหลายคนที่เทพแห่งคำลวงไม่อาจบอกได้ว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร




              “ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับไป”




              มีเพียงคำสัญญาของพระเชษฐา และมือแกร่งที่กอบกุมฝ่ามือเทพเจ้าแห่งคำลวง




    xxxxxxxxxx


    talk with ไรต์



              สวัสดีค่า เราหายไปนานเลย แง กำลังคิดว่าจะตัดตอนยังไงดีให้ไปงง ก็ได้มาเท่านี้นะคะ5555555



              สารภาพจากใจว่าเขียนพี่ธอร์ยากมากกกกก พยายามสรรหาคำพูดประมาณล้านแปดอย่างให้ันดูเป็นแอสการ์ด และแน่นอนค่ะ เขาเจอกับทีมพิทักษ์จักรวาลแล้วววว เย่!!!




              ตอนหน้าใบ้ให้ว่าบู๊อีกแล้ว บู๊เก่ง ยืดเก่ง เนื้อเรื่องไม่ยาว แต่เขียนไว้ยาวมาก เพื่อ5555555555




              แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :) 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in