เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[FICTION] - Avengers : Change the futurejaomhee1
Chapter 2
  • Chapter 2





    “อีกนานเท่าใดจะถึงโลก...”




    บุตรแห่งโอดินเอื้อนเอ่ยวาจาถามมนุษย์โลกเพียงหนึ่งเดียวที่กำลังเดินวนเวียนอยู่ที่หน้าคอนโซนยาน แบนเนอร์หันมาส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ว่าดินแดนนั้นห่างจากโลกเท่าไหร่ แล้วตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล




    “ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าอีกประมาณหลายสิบชั่วโมง”





    ธอร์ถอนหายใจออกมายาวเหยียด บ่งบอกถึงความเป็นกังวล สัมผัสได้แม้จะเป็นเพียงแค่ลมหายใจก็ตาม มือใหญ่ยกขึ้นบีบบริเวรดั้งจมูกของตนเบาๆ





    “ถ้าโชคดี เราอาจจะเจอประตูมิติพิศวงเร้นลับ พากลับไปโลกแบบเร็วๆ ก็ได้นะ”แบนเนอร์แหย่





    “ข้าขอตัวสักครู่”ธอร์เดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้แบนเนอร์อยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง






    ด็อกเตอร์บรูซนั่งลง วางกาแฟลงตรงที่วางแก้ว อวกาศกว้างขวางเกินกว่าที่ใครจะประเมินได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้ตอนนี้คือรอ และภาวนาให้ไปถึงโลกได้เร็วที่สุด การลอยเท้งเต้งอยู่กลางอวกาศ กับเนื้อที่หลายล้านล้านไมล์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดดูแล้วเป็นสิ่งที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย





    ตอนนี้ที่โลก เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ เขาติดอยู่ในร่างพี่เขียวตัวเหม็นฉึ่ง แถมยังพูดกับคนอื่นไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ส่วนเรื่องบ้าที่สดุที่เขาทำก็คือ การพยายามจะแปลงร่างเป็นหมอนั่นอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าครั้งนี้ เขาจะกลับมาเป็นแบนเนอร์ได้หรือไม่






    พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความซวยอันใหญ่ยิ่ง





    เสื้อนี่อีก คับติ้วชะมัด สตาร์คผอมหรือเขาเองกันแน่ที่อ้วน!









    ธอร์ยืนมองอนุชาแห่งตนด้วยใบหน้าราบเรียบ ยามที่อีกฝ่ายนั่งเฝ้ามองเทรซซาแรกส์ โลกิอยู่กับมันตลอดเวลา ทั้งยังทำใบหน้าครุ่นคิดบางอย่างอยู่ตลอด จนเทพแห่งสายฟ้าสงสัย ว่าสิ่งที่น้องชายของตนคิด จะเหมือนกับที่ตนคิดหรือไม่?





    “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ โลกิ?”





    “หากทำได้ สิ่งนี้ จะพาเรากลับสู่มิดการ์ด”






    “แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?”





    “อาจต้องใช้คนช่วย...มนุษย์คนนั้น”





    “ข้าจะลองไปถามเขาดู...”






    ##########






              “ยืนยันรหัสผ่าน ยินดีต้อนรับค่ะสตาร์ค”





              เสียงจากระบบเอไอภายในบ้านที่นาตาชาพูดได้เลยว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ไม่เคยได้ยินมันแม้แต่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้เสียงของมันดังไปทั่วบ้านทั้งหลัง แถมยังเพิ่งจะรู้อีกต่างหากว่าที่นี่มีการยืนยันตัวตนด้วยรหัสผ่าน





              “ไง...วันนี้มีอะไรกินเป็นอาหารเย็นบ้างล่ะ?”





              “คุณ...เมื่อกี๊มันเพิ่งจะยืนยันรหัสผ่าน ฝีมือคุณหรอ?”นาตาชาหันมาสนใจผู้มาใหม่แทนข่าวสารบนจอโทรทัศน์




    “ใช่...ต้องเรียกว่า ตั้งแต่ก่อนคุณเข้าอีก...เอาล่ะ ทักทายสาวน้อยกันหน่อย หล่อนชื่อ...”





    “โรสค่ะสตาร์ค”เอไอสาวของบ้านตอบอย่างฉะฉาน





    “กัปตันไปไหนล่ะ ไหนจะ...วิสชั่น...วันด้า ไปไหนกันหมด?”





    “ออกไปข้างนอกกัน”





    “อย่าทำหน้าสงสัยแบบนั้น ผมทำเพื่อความปลอดภัยเลยนะเนี่ย”เมื่อเห็นว่านาตาชามีสีหน้าที่ดูไม่พอใจจึงบอกเหตุผล





    “ยืนยันรหัสผ่านหรอ เพื่ออะไรสตาร์ค?”






    “เพื่อความปลอดภัย...ไม่ให้พวกนั่งโต๊ะในสภาสั่งคนมาค้นที่นี่” โทนี่เดินไปรอบๆ ผายมือไปด้วยในตอนที่หันกลับมาตอบคำถามของคนผมบลอนด์ สูทสีน้ำตาลคาราเมลอ่อนๆ นั่นขยับไปมาตามการขยับของเจ้าตัว






    “คุณมีอะไรที่ยังไม่บอกพวกเรา”นาตาชายกมือขึ้นกอดอก






    “เรื่องใหญ่ แต่คงต้องรอให้ครบองค์ประชุมก่อน...”เขาตอบเสียงเครียด แววตาขี้เล่นคู่เดิมถูกแทนที่ด้วยความจริงจังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา




    เสียงประตูที่เปิดออก และเสียงรองเท้ากระทบกับพื้น เรียกร้องความสนใจของทั้งสองคนให้ไปอยู่กับผู้มาใหม่ สตีฟ โรเจอร์ ในชุดลำลองแสนสบาย รสนิยมอย่างคนอายุเกือบร้อยปียืนอุ้มถุงข้าวของด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์นัก





    “อะไร ถูกยึดชุดเกราะหรือไง?”





    กัปตันอเมริกากระแทกถุงข้าวของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตลงโซฟาทันที คำพูดเหล่านั้นทำให้โทนี่    สตาร์คทำท่าเจ็บปวดใจ ที่ปนทั้งความจริงใจและเสแสร้งเอาไว้ในเวลาเดียวกัน







    “ฉันเอาตัวเองไปเป็นประกันขนาดนี้ ต้องขอบใจฉันให้เยอะๆ แล้วนะ”






    “จะบ้าหรือไงสตาร์ค”นาตาชาร้องออกมา






    “ใช่ เพราะจริงๆ เหตุการณ์หนึ่งในสองครั้งที่พวกเรารวมตัวกัน ที่โซโคเวีย คนเริ่มต้น คือคุณ”กัปตันอเมริกาชี้หน้าคนต้นเหตุ ซึ่งโทนี่ก็ไหวไหล่รับความผิดนั้นโดยไม่ได้โต้เถียงอะไร






    “ก็ยอมรับ แต่มีแบนเนอร์ด้วยไม่ใช่หรือไง ไหงมากล่าวหากันคนเดียว”





    “อย่าเพิ่งเถียงกัน ตอบฉันมาก่อนว่าเขาจะยึดชุดของคุณไว้นานแค่ไหน!”นาตาชาตบโต๊ะเสียงดังลั่น






    “จนกว่าจะวางใจว่าพวกเรา จะไม่ไปถล่มตึกที่ไหนจนเละอีก”มหาเศรษฐีนั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว สิ่งที่ได้ยินทำเอาสตีฟไม่เชื่อหู





    เขาไม่เคยเชื่อว่าคนอย่างโทนี่  สตาร์คจะเสียสละอะไรเพื่อใคร ยิ่งเพื่อพวกเขายิ่งแล้วใหญ่ มันไม่สมเหตุสมผล ชุดเกราะไอรอนแมนเป็นสิ่งที่คนๆ นั้นไม่มีทางจะเอาไปให้ใครง่ายๆ เจ้าตัวต่อสู้เพื่อไม่ให้มันตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลมาตั้งหลายปี จะยอมให้คนพวกนั้นเอาไปง่ายๆ เพียงเพราะว่าต้องการแลกกับพวกเขาอย่างนั้นหรอ?




    ตลกมากเลยนะ ให้ตายสิ





    “อย่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อกัน มันเป็นแบบนั้นจริงๆ”





    เมื่อเห็นว่าแววตาของสตาร์คไม่ได้โกหก กัปตันอเมริกาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ห่างออกมาจากอีกฝ่ายสองสามตัว แล้วส่งมือไปตบบ่าของสตาร์ค อย่างที่ตัวเขาเองไม่ได้อยากจะทำมันบ่อยๆ นักตั้งแต่เกิดเรื่องที่เยอรมัน




    “นานแค่ไหน”นาตาชาเดินเข้ามาร่วมวงอีกคน






    “ปีนึง...”






    “แล้วถ้ามีใครโผล่มา? พวกเขาไม่คิดถึงตรงนี้บ้างเลยหรือไง”อดีตสายลับรัซเซียหัวเสีย





    “พวกเขาบอกว่ารับมือได้ เอาเป็นว่าเรื่องก็มีแค่นี้ เท่านี้แหละที่จะมาบอก”






    “คงไม่มีอะไรรับมือยากกว่าพวกเราแล้วล่ะ”กัปตันเค้นเสียงหัวเราะออกมา





    “เอาเป็นว่าตอนนี้ คงต้องฝากเจ้าหนูแมงมุมกู้หน้าแล้วล่ะ”





    ไอรอนแมนเคาะไปที่กลางโต๊ะกระจกสองสามที ปรากฏจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่เด้งขึ้นมา ข้อมูลของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ หรือที่เขาเคยได้ยินเจ้าตัวบอกกับใครๆ ว่าตัวเองเป็นเด็กฝึกงานของสตาร์ค ตั้งแต่ข้อมูลส่วนตัวยิบย่อย เล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงภารกิจที่เคยเข้าร่วมกับเขาอย่างตอนที่ไปเยอรมัน




    “สตาร์ค ฉันไม่อยากให้นายไปดึงเด็กคนนี้มาร่วมด้วย เขาเพิ่งอายุ...17 เองนะ”สตีฟค้าน





    “เด็กมันทำของมันอยู่แล้ว ฉันมีหน้าที่ส่งเสริมเฉยๆ”เขาไหวไหล่










    “ขอคั่นด้วยข่าวด่วนสักครู่ค่ะ เมื่อสักครู่นี้ตำรวจจับพ่อค้าอาวุธเถื่อนได้ในย่านควีนส์ มีรายงานว่า ผู้แจ้งคือสไปเดอร์แมน เหตุการณ์นี้ มีเพื่อนบ้านที่พบเห็นได้ให้สัมภาษณ์ว่า พบเห็นคนสองคน คนหนึ่งปกปิดใบหน้าไว้ด้วยหน้ากากสีแดง ส่วนอีกคน สวมหมวกปิดบังใบหน้า แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง บุกเข้าไปทลายรังโจรของพวกมัน”





    ทั้งสามเบนความสนใจบนจอโฮโลแกรมไปเป็นโทรทัศน์ที่นาตาชาเปิดค้างไว้ ข่าวรายงานถึงเหตุการณ์บุกเข้าไปทลายรังโจรของคนสองคน โดยไร้กำลังเสริม





    ‘ฉันเห็นพวกเขาจัดการพวกมันแค่สองคน อีกคนดูเหมือนจะเป็นแค่เด็กวัยรุ่นด้วยนะคะ’




    ‘พวกเขาเป็นฮีโร่มากๆเลยนะคะ ไม่ว่าพวกคุณจะเป็นใคร อยากให้พวกคุณรับรู้เอาไว้ว่าเราขอบคุณพวกคุณมากๆ’





    “ยังมีบทสัมภาษณ์จากคนในระแวกนั้นอีกว่า พวกโจรเหล่านี้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่พักอาศัยมาก หลังจากนี้ ตำรวจได้ทำการยึดอาวุธ และพาคนเหล่านั้นไปลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป”








              “รัฐบาลเห็นจะต้องตกใจแน่...”กัปตันอเมริกาเอ่ย





              “เด็กนั่นไม่ได้เกี่ยวกับทีมอเวนเจอร์นะ เราไม่ผิดอะไร”





              “เด็กของคุณน่ะฉันไม่แปลกใจหรอก แต่อีกคนน่ะใคร เพื่อนที่มีพลังพิเศษเหมือนกันหรอ?”







              “ก็มีทางเดียวที่จะรู้ อีกอย่าง เด็กคนนั้นก็เป็นเด็กดีออก อย่างนี้ฉันควรจะให้รางวัลไหมนะ?”มหาเศรษฐีบอก






              “สตาร์ค...คุณคิดจะทำอะไร?”





    “รัฐบาลไม่ได้ยึดห้องแลปกับพวก...เครื่องมือของผมไปด้วยนี่หน่า...”






    xxxxxxxxxx





              เพลงป๊อปของนักร้องชื่อดังเล่นวนไปมาตลอดการเดินทางไปโรงเรียนตั้งแต่ก้าวขึ้นรถไฟฟ้า คริสตัลก็เพิ่งจะได้รู้ว่าบ้านของปีเตอร์อยู่ห่างจากบ้านของเธอไปไม่กี่บล็อก ถึงว่า หมอนั่นถึงมาหาเธอได้เร็วนัก





              “พ่อกับแม่เธอว่าอะไรหรือเปล่า?”




              “อะไรนะ?”คริสตัลส่ายหน้าเพื่อสื่อสารว่าตัวเองไม่ได้ยิน แล้วรีบถอดหูฟังออก




              “ฉันถามว่า พ่อกับแม่เธอว่าอะไรหรือเปล่า?”






              “ไม่ สงสัยเห็นฉันกินแซนด์วิชตอนกลับบ้านไปมั้ง เลยไม่ได้ถามอะไร”เธอบอกขำๆ





    อันที่จริงเธอก็รู้ สายตาของพวกเขาบ่งบอกออกมาทันทีว่าเป็นห่วงเธอมากแค่ไหนทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน แต่อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเคยเห็นเธอสนิทสนมกับใคร หรือออกไปไหนมาไหนกับเพื่อน ก็เลยไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวจนเธออึดอัดนัก






    “เย็นนี้ไปอีกมั้ย? เธอดูจะสนุกกับมันนะ”





    “ขอแค่เวลาที่มันจำเป็นจริงๆเถอะนะปีเตอร์ ถือว่าฉันขอ”คริสตัลยังคงปฏิเสธตามเคย






              “นี่เธอรู้อะไรมั้ย บางทีสไปเดอร์แมนก็อยากได้คู่หูนะ แม็กเนทเกิร์ล เท่ดีออก”





              “ถ้าชื่อแย่ขนาดนั้นไม่ต้องมีจะดีกว่า”เธอส่ายหน้าพร้อมเบ้ปาก









              โรงเรียนเป็นเหมือนอย่างเคย คนมากมาย พลุกพล่าน  แม้จะรู้ว่าพวกเขาคงไม่มีทางสนใจ แต่คริสตัลเองก็ยังคงรู้สึกประหม่า ความกล้าของตัวเธอยังคงไม่มีพอที่จะเดินฝ่าฝูงชนออกไปที่ล็อกเกอร์ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นเธอเลยกระชับกระเป๋าเป้ของตัวเอง  แล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางเหมือนอย่างเคย แต่คนข้างๆ ก็คว้าเอามือของเธอไปจับเอาไว้




    “ไปหาเนทกัน”เขายิ้มให้ คริสตัลก้มมองมือที่กำลังจับกันอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะเอามืออีกข้างมาชี้





    “จะจับไว้อย่างนี้ตลอดทางเลยหรือไง?”






    “ใช่ เผื่อเธอหนี”





    เด็กสาวหลุดขำทันที คริสตัลไหวไหล่แล้วพยักหน้า เพื่อบอกว่าให้ปีเตอร์นำทางไป มือที่ยังคงจับเอาไว้แบบนั้น จากสภาพดูกล้าๆ กลัวๆ มากกว่า หมอนี่เคยจับมือผู้หญิงบ้างหรือเปล่านะ นี่ยังคงเป็นสิ่งที่เธอสงสัย








    ปีเตอร์ฝ่าวงล้อมและสายตานับสิบคู่ที่เริ่มจับจ้องมาที่พวกเขาหลังจากพาอีกคนไปเก็บของที่ล็อกเกอร์ แล้วพาคริสตัลไปทักทายกับเนท และเอ็มเจ คิดผิดหรือถูกก็ไม่รู้ที่เดินลากคริสตัลมาทั้งอย่างนั้น ดวงตาสีเข้มส่งสายตาบอกคนอื่นๆ ว่าอย่าเพิ่งตั้งคำถามอะไร





    “เนท เอ็มเจ นี่...คริสตัล เพื่อนใหม่ฉัน”





    “ก็เห็นอยู่...”เอ็มเจพยักหน้ายามที่บอก





    “ฉันคริสตัล ยินดีที่ได้รู้จัก”





    “เมื่อวานนายหายไปไหนมาฉันโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”เนทไม่ได้สนใจคริสตัล แต่เปลี่ยนมาเป็นตำหนิเพื่อนสนิทตัวเองแทน เขาโทรไปเกือบสิบสาย แต่หมอนั่นไม่รับเลยซักสายเดียว ไม่โทรกลับอีกต่างหาก ถ้าไม่ติดว่ารู้เรื่องที่หมอนั่นเป็นสไปเดอร์แมน และอาจจะติดภารกิจอยู่ที่ไหนซักที่ เขาจะบุกไปที่บ้านจริงๆ






    “ฉัน...ไป...ทำงานไง เด็กฝึกงานของสตาร์คน่ะ”





    “เกือบลืมไปเลยนะพ่อหนุ่มเด็กฝึกงาน ว่าแต่ เป็นยังไงบ้างล่ะ งานจากสตาร์ค”





    เอ็มเจถามค่อนขอด และปีเตอร์รู้ว่านั่นเป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ เพียงแต่กระแนะกระแหนเขาไปก็เท่านั้นจึงไม่ได้สนใจ หันมามองคริสตัลที่ยืนแข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ ดูเหมือนฝั่งนี้จะต้องการความช่วยเหลืออย่างแรงกับการพบปะผู้คน หรือหัวข้อวงสนทนา





    ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยมีมันนักหรอกนะ…





    “ปีเตอร์ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”เนทลุกขึ้นเดินมากระซิบใก้ลๆ ทั้งกระตุกแขนเสื้อ แต่ปีเตอร์ก็ตอบกลับไปอย่างเดิมว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ แน่นอนว่ามีหรือคนหูดีที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงคุยกันของพวกโจรเมื่อคืนจนแยกแยะเสียงออกจะไม่รู้ อีกอย่าง ท่าทางของเนทก็ไม่ได้ดูออกยากอะไรขนาดนั้น





    คริสตัลหันกลับไปมองเนทที่พยายามจะลากปีเตอร์ออกไปจากตรงนี้ให้ได้ คิ้วคู่นั้นเลิกขึ้น แล้วพูดออกมาทันที







    “มีอะไรสงสัยนายถามฉันมาเลยก็ได้นะ”







    ##########





    “กำหนดการมาแล้วนะนักเรียน ให้ทายว่าปีนี้เราแข่งที่ไหนกัน”




    ครูหนุ่มเดินถือกระดาษเข้ามาในห้องประชุม นักเรียนทุกคนต่างลุ้นกันจนตัวโก่ง แม้นี่จะเป็นการแข่งขันครั้งที่สามแล้วก็ตาม คริสตัลที่ร่วมวงสนทนาเรื่องการเลิกทาสของอเมริกาอยู่กับเอ็มเจ โดยที่มีปีเตอร์ เนทและแฟลชนั่งฟังอยู่เงียบๆ ก็เปลี่ยนไปสนใจหัวข้อของคุณครูทันที







    “รอบนี้...เราจะไป อัพเสตจ!!!”





              เสียงเพื่อนๆ ร้องเฮดีใจจนสนั่นห้องประชุม แต่ทว่ามีสีหน้าของคนสองคนที่กำลังช็อกตาค้างกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินอยู่





              อัพสเตจ...ตึกใหม่ของอเวนเจอร์อยู่ที่นั่น!





              ปีเตอร์ นายจะต้องตั้งสติ การไปอัพสเตจไม่ได้แปลว่านายจะเจอกับคุณสตาร์คสักหน่อย!






              “แล้วรอบนี้ก็มีเซอร์ไพร์ให้อีกนะ...”ครู่หนุ่มกระตุกต่อมอยากรู้ของทุกคนด้วยการเว้นช่วงไป จนเมื่อเห็นนักเรียนทำหน้าตาไม่พอใจจึงเอ่ยออกมา น้ำเสียงเจือปนด้วยหัวเราะ






              “โทนี่ สตาร์ค จะเป็นเจ้าภาพการจัดงานครั้งนี้ และจะอัดฉีดทีมที่ชนะ 50,000 ดอลล่าร์!”






              ท่ามกลางหอประชุมที่นักเรียนทีมตอบคำถามส่งเสียงเฮฮาดังลั่น รวมไปถึงบทสนทนาถึงเงินรางวัลที่เยอะเกินกว่าเด็กอายุเท่านั้นจะจินตนาการ คริสตัลหันไปเห็นใครบางคนที่ดูจะมีความสุขมากกว่าคนอื่นๆ โดยสังเกตได้จากรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากของหมอนั่น ดูท่าจะอิ่มเอมใจซะเหลือเกินนะ





              “แล้วแข่งช่วงไหนคะครู?”หัวหน้าทีมอย่างเอ็มเจถาคำถามอื่นบ้าง




              “เดือนหน้า ถ้ากำหนดการไม่เปลี่ยนแปลง ก็ประมาณช่วงกลางๆ เดือน”







              “จะไปด้วยกันไหม?”ปีเตอร์กระซิบถาม





              “คงต้องลอง ฉันยังไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียวเหมือนกัน”





              “คนเดียวที่ไหน เธอมีสไปเดอร์แมนไปด้วยเลยนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง!”





              คริสตัลส่งเสียงขึ้นจมูกพร้อมขำเบาๆ จากนั้นก็ส่งมือไปตบบ่าคนที่อาสาเบาๆ“ขาไม่สั่นตอนตอบคำถามต่อหน้าเขาให้ได้ก่อนเถอะ”





              “เธอ...รู้ได้ยังไง”





              “หน้านายมันฟ้องพ่อหนุ่มฝันหวาน แค่เห็นนายยิ้มเมื่อกี๊ฉันก็รู้แล้ว...”เธอแซว





              “เธอนี่มัน...”





              “ไปซ้อมเถอะไป เพื่อนๆ ขึ้นไปหมดแล้ว”คริสตัลผลักไหล่คนข้างๆ เบาๆ ไล่ให้ขึ้นไปซ้อมก่อนที่แฟลชจะขึ้นไปนั่งแทน และเมื่อเห็นแบบนั้นปีเตอร์จึงรีบวิ่งขึ้นไป





              เขาอยากเป็นตัวจริงในการแข่งขันนี้ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะอยากให้คุณสตาร์คภูมิใจในตัวเขา อย่างน้อยคุณสตาร์คก็จะได้รู้ว่าเด็กฝึกงานอย่างเขาก็ไม่ได้มีดีแค่เรื่องช่วยเหลือคน และนั่นก็มีค่ากว่าเงินรางวัลซะอีก






              “ครูอยากให้เธอไปด้วยกันนะ เธอเก่งวิชากฏหมาย กับพวก ประวัติศาสตร์ ยังมีบางคนอ่อนด้านนี้ เธอน่าจะช่วยพวกเขาได้”




              “คงต้องลองขอพ่อกับแม่ก่อนน่ะค่ะ...เขาไม่เคยปล่อยหนูไปไหนคนเดียว กลัวว่าเขาอาจจะกังวลถ้าฉันเดินทางคนเดียว”





              “เอาล่ะ ไม่เป็นไร มีเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือน ครูเชื่อว่าพ่อกับแม่เธอจะต้องเข้าใจ”





              “หวังว่านะคะ”เธอส่งยิ้มให้เหมือนที่ชอบทำ







    xxxxxxxxxx





              “แค่จะไปหาปีเตอร์ต้องรอถึงเดือนนึงเลยหรือไง?”มหาเศรษฐีพันล้านเงยหน้าขึ้นถามแฮปปี้ที่ตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นทั้งผู้ช่วย และเลขาชั่วคราวระหว่างที่เพ้พเพอร์ยังไม่กลับมา โดยเจ้าตัวติดต่อมาว่าจะกลับมาทำงานหลังจากเดือนหน้าไปแล้ว






              “ถ้าคุณไม่อยากให้รัฐบาลสงสัยว่าคุณพยายามจะปั้นเด็กใหม่ ก็ควรไปพบเขาตอนนั้น”ผู้ช่วยแฮปปี้อธิบาย





              “ไปเร่งการแข่งขันได้ไหม แบบว่า ฉันรีบ มีธุระเยอะมากที่จะต้องคุย”โทนี่หมุนมือไปมาด้วยยามที่พูด






              “คุณมีโทรศัพท์เอาไว้ทำไมล่ะ มีก็ต้องใช้สิ”แฮปปี้บอก





              “ไม่ล่ะ เดี๋ยวเด็กมันจะเหลิงเอา”





              เงินอัดฉีดตั้งขนาดนั้น คงไม่เหลิงเลยมั้งถ้ารู้ว่าทุ่มไปเพราะแค่อยากเจอ...แฮปปี้คิดในใจในตอนที่มองคนบ่นเรื่องของเด็กนั่นไม่หยุดปาก ตั้งแต่เห็นตารางการแข่งขันที่ต้องรออย่างยาวนานไปจนถึงกลางเดือนหน้า





              “คนอย่างฉันไม่เคยต้องรออะไร รู้ใช่ไหม แฮปปี้”






              “รู้ ใช่ ผมรู้ดีเลย”





              “ไปเร่งการแข่งขันอีก เปลี่ยนเป็นต้นเดือน ถ้าไม่ยอมก็เอาเงินทุ่มเข้าไปเยอะๆ เลย แล้วก็อย่าลืม เย็นนี้ของต้องถึงบ้านพาร์คเกอร์นะ เข้าใจมั้ย”





              “ได้เลย ด่วนที่สุด เข้าใจแล้ว”




              แฮปปี้ขมุมขมิบทำปากตามเจ้านายตอนที่เดินออกจากห้อง เขาอยากจะบ้า ช่วงหลังมานี้โทนี่ดูเข้าหาเด็กคนนั้นเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียเซลฟ์ที่เด็กนั่นปฏิเสธเรื่องการเข้าทีมหรืออะไรที่ดลใจให้เป็นพ่อบุญทุ่มถึงขนาดนั้น





              ถึงตัวจะไม่ได้ไปหา แต่แทบจะทุกอาทิตย์ อย่างน้อยก็ต้องมีของเล่นอะไรใหม่ๆ ส่งไปให้เด็กคนนั้นที่บ้านเสมอ แต่ถ้าวันไหนนึกอยากจะออกไปหาก็จะออกไปหาแบบที่ไม่สนใจตารางเวลาว่าตัวเองจะกลับมาประชุมทันไหม





              โชคดีที่ยังคิดได้บ้างเวลามีงานที่สำคัญจริงๆ





              นอกจากตัวเองจะทำงานอยู่บนกรอบความคิดที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แฮปปี้ก็ไม่คิดว่าเขาจะเอาอะไรที่มันทำให้เขาประสาทเสียกว่านี้ได้อีก ใช่ ไม่มีทางมีหรอ ไม่มีอะไรคาดเดายากไปมากกว่าผู้ชายอย่างโทนี่สตาร์คอีกแล้ว





              แฮปปี้เปิดโน๊ตบุ๊คของตัวเอง เช็คสถานะพัสดุที่เขาเพิ่งส่งออกไปเมื่อเช้าด้วยไปรษณีย์แบบด่วนที่สุด มันก็น่าจะถึงประมาณเช่วงเย็นของวันนี้ แต่ถ้าไม่ เขาก็มีหน้าที่ทำให้มันถึงมือของคุณพาร์คเกอร์ ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม





              สงสัยเขาจะต้องประสาทเสียเข้าซักวัน





    xxxxxxxxxx





              “พัสดุของหลานป้าเอาไปไว้ให้ในห้องแล้วนะปีเตอร์”เมย์ทักทายหลานชายด้วยประโยคที่บอกว่ามีพัสดุส่งมาถึงเขา ปีเตอร์พยักหน้าหงึกหงักใหคุณป้ายังสาวของตัวเองที่ยังคงง่วนกับการหัดทำอาหารชนิดใหม่อยู่ในห้องครัว







              “ตั้งใจฝึก แล้วมาเจอฉันที่อัพสเตจ จาก TS”





              ปีเตอร์อ่านข้อควาที่แนบมากับพัสดุอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตาเท่าไหร่นัก แม้ช่วงปีหลังมานี้เขาจะไดรับพัสดุจากคุณสตาร์คบ่อย แต่ก็ยังไม่ชินซักที




              ทำแบบนี้...ไม่กลัวเขาคิดอะไรบ้างหรือไงนะคุณสตาร์ค






              ความคิดนั้นถูกปัดทิ้งลงไปทันที เมื่อตัวเขาเองคิดได้ว่าคนอย่างโทนี่ สตาร์ค จะมาสนใจเด็กไฮสคูลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างเขาทำไม ก็คงทำไปตามหน้าที่ของเจ้านายที่ไม่อยากให้เด็กฝึกงานนอกลู่นอกทางมากกว่า





              “นี่มัน...อะไรเนี่ย”





              กุญแจรถหรูถูกวางเอาไว้ที่กล่องกำมะหยี่สีน้ำเงิน ภายในซองมีแค่นั้น กล่องกุญแจกับกระดาษโน๊ตจากคุณสตาร์ค




              ปีเตอร์มองมันอย่างไม่เข้าใจนัก เด็กหนุ่มเดินลงไปด้านล่าง กวาดตามองหารถที่คิดว่าน่าจะเป็นคู่กับเจ้ากุญแจในมือของเขา และเมื่อหาไม่เจอ เขาก็เลยตัดสินใจกดปุ่มปลดล็อกรถเพื่อให้เสียงของมันบอกเขาว่าตัวรถอยู่ตรงไหน





              “โว้วๆ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะเนี่ย...”





              ปีเตอร์พุ่งเข้าไปหารถของตัวเองด้วยความตื่นเต้น ใจอยากจะเดินไปเรียกป้าเมย์มาอวดจะแย่ แต่ติดที่ว่าเขาไม่รู้ว่าคุณสตาร์คจะใส่อะไรเอาไว้ในรถอีกหรือเปล่า




              ชุดเขาตอนนั้นก็ระบบติดตาม ไหนจะระบบเจ้าหนูหัดขับอีก คราวนี้อะไรอีกล่ะ  ระบบขับออโต้หรือไง?







              ว่าแล้วก็ต้องลอง ปีเตอร์ย้ายตัวเองเข้าไปนั่งตรงที่คนขับ ทันทีที่สตาร์ทเครื่อง บริเวรกระจกหน้ารถก็ปรากฏข้อมูลมากมายที่ฉายขึ้นเหมือนโฮโลแกรม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นวิดีโอของคนที่ซื้อรถคันนี้ให้เขา เหมือนจะเป็นการฝากข้อความแบบสามมิติยังไงอย่างนั้น




              “ไงปีเตอร์ ของขวัญที่นายเรียนดี จริงๆ ฉันก็แค่อยากให้เฉยๆ ฉันติดตั้งระบบขับออโต้ แล้วก็เชื่อมกับระบบชุดของนาย...แล้วก็ มีพวกข้อมูลติดต่อของฉันอยู่ด้วย ส่วนจอนี่นายไม่ต้องตกใจไป มีแค่ในรถเท่านั้นที่เห็น ส่วนตอนขับแบบออโต้ นายก็ช่วยเอามือจับพวกมาลัยไว้หน่อยก็แล้วกันนะ”






              นี่มันบ้าที่สุด! บ้าที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมาเลย!






              ปีเตอร์รู้ดีว่าคุณสตาร์ครวยขนาดไหน แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้เงินเป็นกระดาษชำระถึงขนาดซื้อรถให้เขาขับ






              มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาเขาให้กันนะคุณสตาร์ค…





              คุณเล่นกับใจผิดคนแล้วรู้ไหม?






    xxxxxxxxxx




    “นายคิดว่ารถนี่ไม่ค่อยเตะตาเลยงั้นสิ?”



    เป็นเจ้าของเบาะข้างคนขับอย่างเอ็มเจที่ถามปีเตอร์ออกมาหลังจากที่หมอนั่นขับไปรอรับถึงหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์!




    ปีเตอร์สะกดคำว่าเกรงใจเป็นไหมนะ หรือหายไปกับสติของหมอนั่นแล้วตอนเห็นรถคันนี้น่ะ





    “ก็คิดอยู่ หมายถึง คิดว่ามันเตะตาเกินไป”





    “ขอบใจที่ให้ติดรถมาด้วย แต่ถามจริง ใครซื้อให้?”เธอถามซ้ำอีกหน





    “ไม่เห็นจะต้องถามเลยนี่ ก็มีอยู่แค่คนเดียว”คริสตัลพูดขึ้น ในขณะที่ตัวเองกำลังจัดการกับแซนด์วิชร้านพ่อค้าปากเสีย ก็ยอมรับว่าอร่อยดี แต่ถ้าพ่อค้าไม่แซวเธอกับปีเตอร์วันนั้นคงอร่อยมากกว่านี้อีก





    “แฟลชต้องช็อกตาค้างแน่”เนทเสริม





    “คนที่ตาค้างคนก่อนแฟลชคือป้าเมย์”สไปดี้หันไปบอกกับเพื่อนสนิทตัวเอง





    “ขับรถมองทางหน่อยพ่อ ฉันยังอยากไปเที่ยวมากกว่าทำแผลที่โรงบาลนะ”เอ็มเจเตือนเมื่อเห็นว่าอีกคนหันหลังมาคุยกับเพื่อนจนไม่ได้มองทางข้างหน้า






    “เผื่อมองไม่ออก มันเป็นระบบขับอัตโนมัติ”




    “คนซื้อเป็นถึงโทนี่สตาร์คเชียว”อีกคนที่เสริมคือคริสตัล







              “พ่อบุญทุ่มจริงๆ ถามหน่อยเถอะปีเตอร์ เขาคิดอะไรกับนายหรือเปล่าเนี่ย?”





              “นายจะบ้าหรอ ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย!”ปีเตอร์แว๊ดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น





              ก็อยากให้มันเป็นจริงๆ อยู่หรอก...แต่มันติดอยู่ตรงที่ เขาไม่ใช่คนแบบที่คุณสตาร์คจะชอบต่างหาก…






              “ฟังเพลงหน่อยมั้ย”




              เอ็มเจหันไปมองเจ้าของคำถาม แต่ไม่ทันที่ใครจะให้คำตอบอะไร เพลงป๊อปของนักร้องชื่อดังแห่งยุคก็ดังขึ้นภายในห้องโดยสาร คริสตัลไหวไหล่แทนคำพูดที่ว่านั่นเป็นแค่คำถามแบบมารยาทเฉยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรทั้งนั้น




              เพราะถึงจะไม่ให้เปิด เธอก็จะเปิดอยู่ดี





              “ฉันนึกว่าเธอจะชอบฟังเพลงร็อคซะอีกนะ...”เนทถามคนข้างๆ





              “ฉันก็ฟังทุกแนวนั้นแหละ...”





    xxxxxxxxxx





              “คุณพาร์คเกอร์มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าค่ะ”





              “ส่งแมสเสจไปถามเขาซิว่าได้พกบัตรที่ฉันให้มาด้วยมั้ย”





              “เป็นข้อความเสียงหรือตัวอักษรคะนาย”




              “จัดการเลย ฉันยุ่งอยู่”




              “ได้ค่ะเจ้านาย”






              “โทนี่ ฉันว่าแกพักบ้างดีกว่ามั้ย ทำมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”




              วอร์แมชชีนเดินเข้ามาพิงประตูห้องแล้วบอก ช่วงนี้โทนี่ขลุกอยู่แต่ในห้องนี้ไม่ยอมไปไหน ไอ้แท่นบินอะไรซักอย่างที่หมอนั่นบอกดูท่าจะมีปัญหา ถึงได้ไม่ยอมวางมือจากมันเลย




              “มีปัญหาหรอ?”





              “เปล่าๆ มันสมบูรณ์แบบ แต่คนที่จะใช้มันนี่สิ”





              “ทำไม นายไม่ได้ใส่แท่นล็อกหรอ?”





              “ฉันไม่ค่อยเชื่ออะไรพวกนี้เท่าไหร่ แต่มันดูเหมือนจะมีไว้เพื่อคนที่มีความสามารถพิเศษแบบสุดๆ อะไรทำนองนั้น”





              “โดนยึดชุดเกราะจนหลอนไปแล้วหรือไง”ผู้พันโรดส์เค่นเสียงหัวเราะยามที่แซวเพื่อนสนิท





              “คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง..”โทนี่หยิบผ้ามาเช็ดมือเล็กน้อย จากนั้นก็โยนมันไปไว้ที่มุมเดิมของโต๊ะ





              “แล้วแผนตามติดเจ้าเด็กแมงมุมของนายไปถึงไหนแล้วละ?”โรดส์ทิ้งตัวนั่งที่โซฟา ขณะเดียวกันกับที่คนโดดถามหันไปยักไหล่เบาๆ





              แจ้งคุณพาร์คเกอร์แล้วค่ะนาย คุณพาร์คเกอร์บอกว่าพกมาด้วยค่ะ”





              “บอกให้รูดได้ไม่อั้นเลยนะ อยากได้อะไรก็รูดๆ เอา”เขาทำท่าทางเหมือนพนักงานรูดบัตรไปด้วยในตอนที่บอก





              “ไม่เห็นต้องลงทุนขนาดนั้นเลย แค่เด็กมันไม่ยอมเข้าทีมเฉยๆ ไม่ใช่หรือไง”




              โรดส์บอกแล้วได้แต่ตลกในใจ พูดไปคงไม่พ้นคำตอบที่บอกว่า ก็แค่ทำไปงั้นๆ อีกแน่นอน โทนี่   สตาร์คเป็นยังไง เขาน่ะรู้ดีที่สุด เพื่อนเขาคนนี้ปากแข็งยิ่งกว่าอะไร จะให้มาบอกว่าตามใจเด็กเพราะแค่ว่าอยากให้เด็กนั่นเข้าร่วมทีมมันก็คงเสียเซลฟ์น่าดู





              หรือจริงๆ เพราะมีเหตุผลอื่นแอบแฝงด้วย อันนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน





              “เด็กนี่น่ะมันว่าง่ายดี ฉันก็เห็นว่า เด็กดีๆ ก็ควรจะได้รางวัล”




              โทนี่หันไปส่งหุ่นมือจักรกลให้ยกแท่นเหล็กไปเข้าที่ แล้วก็เดินไปหยิบขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นมาชูถามเพื่อนสนิทแทนคำชวน ซึ่งโรห์ดี้ก็ส่ายหน้า พอเห็นดังนั้นโทนี่จึงรินใส่แก้วของตัวเองเพียงแก้วเดียว





              นายคะ พบคลื่นแม่เหล็กที่ยังยืนยันชนิดไม่ได้อยู่กับคุณพาร์คเกอร์ค่ะ”





              เอไอสาวแจ้งเตือนทันทีเมื่อพบความผิดปกติที่ติดตามตัวปีเตอร์ ซึ่งเธอควรจะแจ้งให้เจ้านายทราบตั้งแต่แรก





              “งานเข้า”




    xxxxxxxxxx



    Talk with ไรต์


             คุณสตาร์คโดนยึดชุดแล้ว จะไปหาน้องยังไงดีน้า55555


              สำหรับใครที่สงสัยว่าคุณสตาร์คอยู่ที่ไหนนะคะ คุณเขาไปๆ มาๆระหว่างตึกเดิมกับตึกใหม่ค่ะ เมื่อตอนต้นที่เห็นคือเขายังอยู่ที่ตึกเดิม ล่าสุดย้ายข้าวของมาอยู่ที่อัพสเตจแล้วค่ะ  กลัวโดนค้น55555


              อย่าเพิ่งตใจไปนะคะ เดี๋ยวทีมจะย้ายมาอยู่ที่อัพสเตจแน่นอนค่ะ แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเดี๋ยวไก่ตื่น รัฐบาลสายเยอะจริงเชียว


              ใครถามหาพี่ธอร์ พี่แกมาโผล่แล้วเด้อ จะถึงโลกแล้ววววววว



              แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ :)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in