ช่วงแรกๆที่เราเจอไบรอันนะ เราแอบคิดว่าผชคนนี้เนิร์ดจัง ไม่รู้จะคุยอะไรด้วย วีคแรกเลยผ่านไปแบบน่าเสียดายมากๆ
พอเข้าวีคที่สอง เราได้เรียนด้วยกันมากขึ้น ในคลาสก็ได้จับกลุ่มแข่งเกมกับคนในห้อง ซึ่งแบบ กลุ่มเราชนะเพราะไบรอันอ่ะ เราก็เริ่มมองเค้าดีขึ้น5555 แล้ววีคเดียวกันนี้ อีกคลาสนึง เราคู่กับเค้าแล้ว discuss เรื่อง gender equality ,mixed marriage ซึ่งทัศนคติเค้าดีมากๆ พอฟังแล้วก็รู้สึกว่าอยากมีพี่ชายแบบนี้ แล้วเค้าก็เทียบครอบครัวเค้ากับปัญหา gender equality ตอนเราฟังเค้าเล่าเรื่องครอบครัวเค้า เราว่าเค้าน่ารักมากๆ เรารู้สึกได้เลยว่าคนแบบนี้โตมากับครอบครัวที่อบอุ่น ;-)
เราเคยเห็นข่าวและเคยได้ยินปัญหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศในวัฒนธรรมเกาหลีใต้ แต่พอได้ฟังความเห็นของไบรอันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราก็แอบคิดว่าปัญหานี้คงจะเบาลงเรื่อยๆในอนาคตน่ะแหละ แถมเราที่มีความเห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดของคนรักคือการสนใจในสิ่งเดียวกัน พอได้ฟังไบรอันบอกความเห็นว่าเค้าคิดว่าสิ่งสำคัญของคนรักคือการมีความคิดทาง politics ไปในทางเดียวกัน ได้ฟังเค้าอธิบาย เราก็คิดว่าอืม เค้าแม่งเป็นผู้ใหญ่ว่ะ ทั้งที่เค้าแก่กว่าเราแค่ 3 ปีเอง
มาที่วีคนี้ คาบแรกช่วงบ่าย เราคุยเรื่องความสนใจในศิลปะ แล้ว ! ไบรอันเหมือนจะเป็นคนเดียวมั้งที่บอกว่าสนใจใน photography ซึ่ง พอเราได้ฟังก็ยิ่งคิดว่าต้องหาทางไปคุยกับไบรอันให้มากขึ้นแล้ว ! เพราะ ! ไบรอันเรียนวีคนี้เป็นวีคสุดท้าย !!
นั่นแหละ พอเลิกเรียนเราที่อยาก make friend มากๆแต่ขี้อาย ก็กลั้นใจ เอาก็เอา คุยก็คุย 5555(ไม่ได้ชอบเชิงชู้สาวนะ แต่การเริ่มต้นคุยกับเพศตรงข้ามก่อนมันยากสำหรับเราว่ะ ทำไมว่ะนิ)
เราก็เลยไปถามเรื่องถ่ายรูปนั่นแหละ แล้วไบรอันก็เปิดไอจีให้ดู แล้วสไตล์รูปเค้าคือคล้ายๆเราเลย แบบ landscape สีภาพไม่สดมาก อธิบายไม่ถูก แล้วอยู่ๆ ไบรอันก็เปิดกระเป๋าแล้วหยิบกล้องฟิล์มออกมา ! ฮุ้ยยยย กล้องฟิล์มอ่ะทุกคน ! คือเราไม่ได้ถ่ายฟิล์มเก่งอะไร แต่เราอ่ะเริ่มถ่ายฟิล์มมาจะสองปีแล้ว แล้วชอบรูปฟิล์มมากๆ พอมาเจอเพื่อนต่างชาติที่ชอบฟิล์มเหมือนกันก็ว้าวมากๆๆอ่ะ แบบ เอาจริงไบรอันก็คือเพื่อนต่างชาติคนแรกที่เราเจอว่าชอบถ่ายรูปฟิล์ม !
วันนี้เรารู้สึกเหมือนได้รางวัลอะไรสักอย่างจากการเข้าไปชวนคุยก่อน แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนเราแพ้อะไรสักอย่างเหมือนกัน เพราะเราได้ทิ้งเวลาวีคแรกไปแบบน่าเสียดายมากเลย เราอยากมีเวลาคุยกับไบรอันมากกว่านี้ ซึ่งอีก 4 วันที่เหลือก็คือโอกาสสุดท้ายของเราแล้วนะ ! make friend make friend !
____________________________
คนที่สอง โรซี่-น้องสาวชาวเวียดนาม ยังเรียนม.ปลายอยู่เลย
โรซี่ เพิ่งเข้าเรียนวันอังคารที่แล้ว วีคนี้คือวีคที่สองของเราที่เรียนด้วยกัน เราเรียนด้วยกันทุกคาบเลย อาจเพราะเราเป็นคนไทย แล้วก็ดูอายุไล่ๆกันถ้าเทียบกับคนอื่นในคลาส น้องเลยชอบมานั่งใกล้เรา หรืออย่างวันนี้ น้องถึงกับเรียกเราให้ไปนั่งข้างๆเลย (ก็แอบรู้สึกดี ที่มีคนรู้สึกดีด้วยนะ)
แต่เชื่อไหม วีคแรก เราไม่ชอบน้องเท่าไหร่ เพราะวันแรกที่คุยกัน น้องพูดมาประโยคนึงว่า สำเนียงอังกฤษคนไทยตลก เอาจริง หลังจากนั้น เราก็แอบสังเกตสำเนียงเวียดนามของน้อง แล้วมีช่วงนึงที่เราเกือบหลุดขำสำเนียงน้องกลางคลาส ซึ่งพอมาคิดดีๆ เราแม่งก็แย่ว่ะ
เพราะตอนแรก เราบอกตัวเองแล้วว่าเราจะไม่แคร์เรื่องสำเนียงใดๆ ไม่ว่าจะของตัวเองหรือของใคร เรามาที่นี่เพื่อใช้ภาษาอังกฤษ และเราจะสนแค่การสื่อสารเท่านั้น ซึ่งพอเราย้อนทบทวนตัวเอง เราก็พยายามมองน้องดีขึ้น แล้วก็แก้ความคิดตัวเองด้วย
วีคนี้ วันนี้ เราเลยพยายามคุยกับน้องมากขึ้น ถ้าน้องไม่ถาม อ่ะเราถามเอง ถ้าน้องเบื่อ ไม่อยากคุย อ่ะ เราคุยเอง กับโรซี่นี่เราไม่อาย เพราะน้องเป็นผู้หญิง และยังเด็ก 555555
คุยไปคุยมา เอ้า น้องชอบเกาหลี เอ้า น้องชอบวงเดียวกัน เอ้า ชอบ จองกุกบังทัน เอ้า ชอบฮันบินจากไอค่อน เอ้า เฮ้ย มีแต่วงเดียวๆกันนี่นา เอ้า เราก็เข้ากันได้ดีนี่นา
เนี่ย พอเขียนมาถึงตรงนี้ ก็แอบรู้สึกว่าตัวเองแย่เหมือนกันเนอะ ตัดสินคนจากวีคแรกงี้ได้ยังไงนะ ทั้งๆที่พอคุยกันไปเรื่อยๆ เรากลับพบว่าความจริงเรามีอะไรที่คล้ายกันอยู่ตั้งเยอะแยะแหน่ะ :-)
____________________________
คนที่สาม K-classmate เรียนคลาสเดียวกันทุกคาบ !
ไว้กลับไทยแล้วค่อยมาเปลี่ยนนามสมมตินี้ละกัน ฮ่าๆ
จะว่ายังไงดีล่ะ วันแรกๆที่เจอ เราก็รู้สึกว่าเค้าดูดีนะ แต่ดูโตๆ แบดๆ แถมยังดูมั่นๆ เราคุยกับพาร์ทเนอร์เราอยู่ก็มาแทรก อิหยังนิ ก็เลยเฉยๆ แต่พอเรียนด้วยกันไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่าคนนี้แม่งต่าง ทำไมน่ารักจัง เป็นคนมั่นๆแบบน่ารักอ่ะ แถมยังกล้าพูดกล้าตอบผิด ต่างจากคนเกาหลีคนอื่นแฮะ เอ้า อยู่ๆก็รู้สึกว่าเค้าน่ารักขึ้นเรื่อยๆ
พอเข้าวีคสอง เราก็รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองล่ะ แล้วเราคือเข้าห้องเร็วตลอด พอวันไหนเค้ามานั่งข้างๆก็จะเรียนแบบเบลอๆไปเลย บ้าชะมัด แง ที่แย่คือ คนนี้ชอบสกินชิพ เฮ้อ เขียนๆอยู่ก็รู้สึกใจคอวุ่นวาย55555555สาวน้อยว่ะ คือแบบทั้งๆที่นั่งข้างกันใช่แมะ ก็เรียกชื่อก็ได้ แต่ชอบมาสะกิดแขนเวลามีคำถาม แล้วตอนนั้นเราหยิบลูกอมมากิน ก็ก้มมาพูดว่า Thank you ใกล้ๆหู นี่ก็งง เลยหันไปถามว่า you want(ลูกอม) ? นางก็ยิ้มเขินๆละแบมือให้อ่ะ !
มีอีก ตอนนั้นต้องออกไปเดินสุ่มถามคำถามกันทั้งห้อง แล้วคือ เราก็สุ่มไปจนเจอกัน แล้วต้องแลกเปลี่ยนความเห็นกัน(เรื่อง mass mediaมั้ง แหน่ จำละเอียดสุดด) เลยต้องคุยกันพอสมควร เค้าก็ยืนกางขาเพื่อที่เวลาคุยกับเราจะได้อยู่ระดับเดียวกันอ่า ฮือออ แง เขิน ช่วยด้วย
อ่ะ ยังไม่หมด มาเป็นฉากๆ ฮือ มีวันนึงเราต้องเล่น tongue twisters แล้วคือมันก็พูดยากฟังยาก เค้าก็ตั้งใจแกะมากๆ เอียงหน้ามาฟังใกล้มากๆ แบบ โอ้ย ออกไป๊ ใจเราจะวายแล้วเด้อ
เนี่ยแล้ววันนี้ เหตุการณ์ขอกินลูกอมก็มาอีก จะไม่พูดว่าตั้งใจหยิบออกมากินหรอกนะ เพราะปกติก็กินลูกอมตอนเรียนอยู่แล้ว (อิอิ แก้ตัวยาวเนอะ) พอหยิบออกมาเค้าก็ทำเสียง อ้ะๆ พอนี่หันไปก็เห็นเค้าแบมือรอแล้ว เฮ้อ แล้วเราจะทำอะไรได้เล่า นอกจากเท(ใจ)ใส่มือให้เค้าไป แง
แต่วีคนี้วีคที่สามที่เรียนด้วยกันแล้ว เราก็อ่ะ ถามนอกเรื่องจากที่ต้องคุยในคลาสบ้างดีกว่า ก็เลยถามว่าเค้ามาเรียนนานหรือยัง จะกลับเมื่อไหร่ ซึ่งเค้าก็บอกว่า เค้าจะเรียนถึงวีคหน้านี้แหละ (แง เรานึกว่าเหลืออีก2วีค) สรุปคือวันนี้เราอกหักแล้ว5555555 เพิ่งเริ่มกรี๊ดวีคที่แล้วเอ๊ง
____________________________
ความจริงเรายังเจอเพื่อนที่น่ารักอีกหลายคนเลย ! แต่ว่าเรายังมีเวลาเรียนกับพวกเค้าอีกสักพัก น่าจะมีอีกหลายเรื่องรอให้เราไปค้นหา อิอิ เพราะงั้น แปะไว้ก่อน เราจะรีบไปตีสนิทกับคนชาติอื่นอีกเยอะๆๆเลย (ตอนนี้สนิทสุดก็คนญี่ปุ่นอีกละน้า หนีไม่พ้นจริงๆเรา ฮ่าๆ)
ไปทำการบ้านก่อนนะ
แล้วเจอกันวันถัดๆไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in