เรื่องราว ราชาซิซีฟัสแห่งเมืองโครินธ์ เขาทั้งเจ้าเล่ห์และไม่หวาดกลัวต่อเทพพระเจ้าไม่ว่าพระองค์ไหน เขาไม่ใช่คนดีอะไรนักแต่ก็ไม่ได้เป็นพระราชาที่เลวร้ายแต่อย่างใด
ในช่วงเวลานั้นเมืองโครินธ์ประสบปัญหาคลาดแคลนน้ำอย่างมาก ซิซีฟัสไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เขาพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์อยู่บนหอคอยปราสาทของตน แต่ทันใดนั้นซิซีฟัสสังเกตเห็นอินทรีย์ตัวมหึมาบินมาลักพาตัวนางเอจิน่าผู้เป็นลูกสาวของเทพแห่งสายน้ำอะโซปัส ซิซีฟัสรู้ได้ในทันใดว่าอินทรีย์ตัวนั้นคือเทพซุสอย่างแน่นอน
เขาจึงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เสีย ซิซีฟัสจึงนำสิ่งที่ตนเห็นไปบอกแก่เทพอะโซฟัสและได้ขอให้เทพแห่งสายน้ำช่วยเสกน้ำจืดขึ้นมาให้เป็นสายน้ำขนาดใหญ่ของเมือง เทพอะโซปัสเลยจัดให้ตามคำขอ และได้ขึ้นไปยันบรรลังแห่งโอลิมปัส กล่าวต่อเทพซุสให้คืนลูกสาวของเขามา เขาไม่อาจทนเห็นลูกสาวถูกเทพีเฮร่ากลั่นแกล้งทารุณกรรมเธอได้
เทพซุสโกรธอย่างมากและได้ถามว่าเทพอะโซปัสรู้ได้อย่างไรว่าคือตน อะโซปัสตอบไปในทันทีว่าราชาซิซีฟัสเป็นคนบอกเขาเอง ซุสปรี๊ดแตกรู้สึกเสียหน้าที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถหย่ามตนได้ขนาดนี้ ซุสเสกสายฟ้าฟาดใส่อะโซปัสอย่างจังจนต้องกระโดดหนีลงทะเลไป
ต่อมาเทพซุสได้สั่งเทพแห่งความตายทานานอสว่าให้ไปจัดการราชาซิซีฟัสมาลงโทษในขุมนรกทาร์ทารัสให้ได้ ทานานอสรีบไปตามคำสั่งของซุส แต่เมื่อไปถึงก็เกิดความประหลาดใจอย่างมาก เพราะดูราชาซิซีฟัสจะไม่ได้หวาดกลัวเขาแถมเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตายอย่างสงบนิ่ง ทานานอสได้นำโซ่ตรวนจะมารัดข้อมือซิซีฟัส แต่ทันใดนั้นราชาได้กล่าวว่าตนอยากเห็นว่าโซ่ตรวนนี้ทำงานได้อย่างไรขอจึงขอให้เทพทานานอสช่วยสาธิตเป็นบุญตาให้ดูหน่อยเถอะ คุณพี่ทานานอสก็ดันใช้โซ่นั้นมัดมือตัวเองโชว์ซะงั้น เมื่อสบโอกาสพระราชาซิซีฟัสก็ยิ้มหวานลากเทพแห่งความตายไปขังไว้ในปราสาท
เมื่อเทพแห่งความตายไม่อยู่จึงไม่เกิดการตายอย่างที่ควรเป็น เทพเอรีสที่ออกรบจนหัวร้อนก็ไม่มีใครตายซะที เอรีสจึงออกตามหาทานานอสและได้รู้จนได้ว่าทานานอสถูกจับโดยราชาซิซีฟัส เขาจึงบุกเขาไปช่วยและความตายของราชาซิซีฟัสจึงหวนมาอีกครั้ง
แต่คิดหรือว่าซิซีฟัสจะไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ เขาได้สั่งเสียราชินีสุดที่รักเมโรพีว่าถ้าตนเองตายได้โปรดอย่าจัดพิธีศพหรือวางเหรียญทองไว้บนเปลือกตาเป็นอันขาด ให้ทำแค่โยนเขาลงแม่น้ำและเขาจะกลับมาหาเธอ เมื่อเวลาแห่งความตายมาถึงแผนการของเขาก็ดำเนินไป
วิญญาณของเขาไหลสู่แม่น้ำสติกซ์และได้พบกับเทพแห่งปรโลก เฮดีสแปลกใจมากที่ราชาอย่างซิซีฟัสไม่มีคนจัดพิธีศพให้ ซิซีฟัสได้กล่าวต่อเฮดีสว่าในขณะที่ตนใกล้ตายเขาไม่ได้สั่งเสียภรรยาว่าจะต้องจัดงานศพอย่างไร ไม่มีเวลาแม้จะเอ่ยลาเธอด้วยซ้ำ เฮดีสได้ฟังก็เกิดความเห็นใจเลยอนุญาตให้ซิซีฟัสกลับไปพิธีศพอย่างที่ควรเสีย ซิซีฟัสได้กลับไปหาภรรยาและหักหลังเฮดีสให้เจ็บใจเล่น
ถึงยังงั้นคนเหล่าก็ไม่อาจหนีความตายพ้น เทพีแห่งโชคชะตาได้ถักทอชีวิตของซิซีฟัสจนถึงปลายทาง เส้นด้ายแห่งชีวิตถูกตัดขาด ความตายที่แท้จริงมาเยือนซิซีฟัส เขาไม่มีแผนอะไรอีกแล้ว คร่าวนี้เขาได้พบกับเฮดีสที่ดูโกรธแค้นเขาอย่างมาก ตามจริงแล้วเขาควรต้องตกขุมนรกทาร์ทารัสแต่เฮดีสคิดว่ามันไม่สาสมแก่โทษ เฮดีได้ลงทัณฑ์ให้ซิซีฟัสต้องกลิ้งหินขนาดใหญ่ขึ้นไปบนยอดเนินที่สูงชั้นตราบชั่วนิรันด์
วันแล้ววันเล่าซิซีฟัสก็ยังคงกลิ้งหินก้อนนั้นด้วยความตั้งใจไม่ย่อท้อแม้จะไม่มีวันสำเร็จก็ตาม หินกลิ้งขึ้นลงจนนับไม่ถ้วน เฮดีสไม่ได้รู้สึกซะใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันเฮดีสรู้สึกถูกหย่ามเสียยิ่งกว่าตอนซิซีฟัสมีชีวิตเสียอีก เฮดีสไม่ได้มองเห็นความทุกข์ทรมานของซิซีฟัสเลยเขาเห็นเพียงชายที่ตั้งใจอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ถูกลงโทษเขาก็ทำมันด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้
.............................................................................
ตำนานของซิซีฟัสได้สอนหลายสิ่งให้แก่ผู้อ่าน เมื่ออ่านจบให้คร่าวแรกตัวผู้เขียนรู้สึกถึงชัยชนะที่เหนือล้ำของซิซีฟัส ไม่มีอะไรจะทำลายเราได้หากใจเรานั้นแข็งแกร่งและมั่นคงแม้จะต้องอยู่ในนรกหรือห้องขังหรือที่ใดก็ตาม มันไม่อาจพรากชัยชนะไปจากใจเราได้ คล้ายวิธีอหิงสาของคานธีเลยทีเดียว
เมื่อทบทวนซ้ำก็คิดได้อีกหลายแง่มุม ไม่ว่าหินอาจเปรียบดั่งความทุกข์หรือเคราะห์ร้ายที่เราต้องเจอในชีวิต เราพยายามต่อสู้ฝ่าฟันเท่าไรมันก็มาเพิ่มและไม่อาจมองหาจุดจบของมันได้
อาจเปรียบกับสิ่งที่เรารักถึงแม้ซิซีฟัสอาจกลิ้งหินถึงยอดเนินได้สำเร็จเขาก็อาจผลักมันลงมกลิ้งซ้ำอีก เพราะการได้รักในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราไม่สามารถจะหยุดทำมันได้แม้จะสำเร็จออกมาเป็นผลงานแต่เราก็ยังคงกระหายจะทำต่อเรื่อยๆ
หรืออาจเปรียบได้ดั่งการต่อสู้ดิ้นรนในการพัฒนาชีวิตของมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเรื่องยากเย็นเช่นการแพทย์ ที่เมื่อสมัยก่อนกาฬโรคยังรักษาให้หายขาดไม่ได้ มนุษย์เราก็ไม่ยอมแพ้ดั่งด้นหาวิธีรักษาจนได้และเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ยังพบว่ามีโรคที่เรายังรักษาไม่ได้อยู่อีกมากมาย เช่น โรคมะเร็ง แต่ถึงยังงั้นพวกเรายังพยายามอย่างไม่รู้จบสิ้นเหมือนดั่งเรื่องราวของซิซีฟัส
ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่รอบเราก็ยังสามารถเปรียบเทียบเรื่องราวนี้กับชีวิตของเราได้เสมอ ชีวิตช่างน่าฉงนและงดงามในตัวมันเอง ไม่ว่าผู้อ่านบทความนี้จะประสบปัญหาใดอยู่ในชีวิต ผู้เขียนก็ยังคงหวังว่าหินที่ผู้อ่านกลิ้งนั้นยังคงถูกผลักให้กลิ้งอยู่เสมอ แม้จะไม่สำเร็จอย่างที่หวัง แต่เชื่อเถอะในใจเรานั้นจะโห่ร้องคำรามว่าเราได้พยายามทำมันอย่างเต็มทีแล้วเฉกเช่นซิซีฟัสที่ไม่ยอมแพ้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in