เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชั้นหนังสือของปุ๊กโกะจังuminaka16
บันทึกเดินงานหนังสือ Book Expo 2020 @เมืองทองธานี
  • ทันทีที่ก้าวเข้าไปในอาคารชาเลนเจอร์ 2 ก็เห็นผู้คนมากมาย บ้างต่อแถวเตรียมเข้างานยาวไปถึงประตูด้านนอก บ้างนั่งพักรอเวลา บ้างก็ไปถ่ายรูปกับบัลลังก์ราชันย์แห่งกองดอง บรรยากาศคึกคักไม่เบา เห็นทีบูทต่างๆ คงยิ้มออกในวันนี้แหล่ะ


    เราเองห่างหายจากการเขียน Blog งานหนังสือไปนานมาก อาจเพราะหลังๆ ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร แล้วก็ผันตัวไปเป็นนักช้อปออนไลน์ซะเยอะ แต่วันนี้รู้สึกอยากกลับมาเขียนอีกครั้ง บันทึกเก็บไว้อ่านเล่นในภายหลัง

    เราเองนับได้ว่าเป็นแฟนตัวยงของงานหนังสือ เดินมาตั้งแต่งานที่ข้างคุุรุสภา สมัยนั้นต้องให้ผู้ใหญ่พาไป มาเริ่มไปเองอีกทีก็ที่ศูนย์สิริกิติ์ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนที่เราเริ่มไปนี่เค้าจัดมานานแล้วหรือยัง แต่รวมๆ เราว่าที่ศูนย์สิริกิติ์นี่เราก็ไปมาไม่ต่ำกว่า 15 ปีแล้วล่ะ แล้วก็ไปทั้งงานเดือน 4 และเดือน 10 เรียกว่าเฝ้ารอคอยเลยดีกว่า แล้วไปทีก็ซื้อเยอะ ซื้อมาแล้วก็ดองเพราะอ่านไม่ทัน หลังๆ แม้จะช้อปออนไลน์เยอะ เพราะมันไกล แบกไม่ไหว แต่ก็ต้องไปเดินทุกครั้ง เหมือนเป็น Event ประจำปี แล้วหลังๆ ก็มีนัดแนะกับเพื่อนๆ ในกลุ่มกองดองด้วย

    รูปแบบในการเดินก็เปลี่ยนไป ด้วยสังขารที่เริ่มร่วงโรย (?) จากที่เคยเดินวนครบทุกบูท จดราคา แล้วค่อยไล่ซื้อในตอนท้ายรอบเดียว ก็กลายเป็นเริ่มเดินเจาะโซน บางทีก็ตรงดิ่งไปที่บูทเลย โดยเฉพาะงานไหนที่เดินกับเพื่อนก็จะไปตามบูทเป้าหมายเลย พองานเปลี่ยนมาจัดที่เมืองทอง สำหรับเราสะดวกขึ้นมาก เพราะบ้านเราอยู่ใกล้ ให้พ่อขับรถไปส่งแล้วตอนเย็นก็มารับ สำหรับเราคือแฮปปี้มาก แต่เพื่อนๆ มากันไม่ค่อยสะดวกก็เลยได้กลับมาเดินคนเดียวอีกครั้ง ด้วยคิดว่า Hall ไม่ใหญ่มาก แล้วก็ไม่ค่อยรู้ตำแหน่งบูทเพราะเปลี่ยนใหม่หมด ก็เลยได้เดินสำรวจไปทีละบูทอีกครั้ง

    เอาล่ะ อารัมภบทเยอะมาก จะเข้าเรื่องละนะ 

    รอบนี้ เราไปเดินงานในวันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันหยุดแรกของงานนี้ ไปถึงตอน 9 โมง 40 ต้องรออีก 20 นาทีถึงจะเปิดประตูให้เข้างานได้ ซึ่งทุกคนต้องสวม Mask ถึงจะเข้าได้ มีให้ลงทะเบียนด้วย QR Code แล้วจะได้บัตรผ่าน แต่พอโทรศัพท์เราล็อก เปิดมาอีกทีบัตรผ่านก็หายไปแล้วก็เลยเข้าประตูไปโดยไม่โชว์บัตรผ่าน สุดท้าย ใครไม่สแกนก็เข้าได้แหล่ะ Staff ก็พูดไปงั้น ไม่ได้ตรวจจริงจัง

    งานนี้เราแบก Value Box เรื่อง Turing Code ไปด้วย เราสั่งพรีเซลล์จาก Shopee มาก่อน เพราะมีโค้ดลดราคาจะหมดอายุ แต่ว่าหนังสือที่ได้มามันมีตำหนิ เลยจะเอาไปเปลี่ยนที่บูท Jamsai เราเลยตรงไปที่บูท Jamsai ก่อน แต่ยืนเลือกจนหมดกองแล้วก็ยังหา Box ที่พอใจไม่ได้ (มีให้เลือก 10 กว่า Box) ถ้าไม่มุมบุบก็มีตำหนิหนังสือ เลือกไม่ได้ กลัวเปลี่ยนแล้วแย่กว่าเดิมก็เลยเดินออกมาก่อน หวังว่าตอนบ่ายอาจจะมี Box ใหม่ๆ มาให้เลือกเพิ่ม

    ร่วมงานเวทีกลางจาก สนพ แจ่มใส

    พอ 10 โมงครึ่งก็เดินไปต่อแถวรอลงทะเบียนกิจกรรมเวทีกลางของแจ่มใส 50 คนแรกจะได้รับแจก Mask ผ้าลายมากกว่ารัก เราได้คิว 10 กว่าๆ นึกว่าคนจะมาแย่งกันแต่ก็ไม่ พอเวลา 10:45 ก็เริ่มให้ลงทะเบียน ปรากฏว่าของที่แจกไม่ได้มีแค่ Mask แต่มาเป็น Gift Set มีหนังสือ 1 เล่มจากมากกว่ารัก (ปั๊มตราอภินันทนาการ) ซึ่งก็คละๆ กันไป จังหวะที่เราเซ็นชื่อเสร็จ Staff 2 คนหันไปคุยกันเอง เราหันไปอีกทีมีเจ๊ที่ไหนไม่รู้มาแทรกคิวเซ็นชื่อต่อจากเรา (แต่ยืนอยู่ด้านหน้าเรา) คือเจ๊มาถึงไม่ดูเลยว่าเค้าเข้าแถวกัน หรือตั้งใจเนียนแทรกก็ไม่รู้ เราก็งงๆ อยู่ แล้วพอเรายื่นมือไปรับของ Staff หันมาถามว่าเซ็นชื่อรึยัง เราบอกว่าเซ็นแล้วเค้าก็ดูงงๆ ว่าเราเซ็นตอนไหน (เซ็นก่อนยัยเจ๊นั่นไง!) แต่เค้าก็ให้ของเรามา

    พอเรารับของก็ได้ยินคนข้างหลังบ่นว่า คนนั้นมาตัดหัวแถวแล้วเซ็นเลย พอเราเดินเข้ามานั่งก็พยายามมองหาว่าคนที่แทรกคนนั้นนั่งตรงไหนแต่ก็หาไม่เจอ หรือว่าเจ๊มาเซ็นเอาของอย่างเดียว แม้แต่งานก็ไม่มานั่งฟัง ถ้าจริงก็คือ พฤติกรรมแย่มากนะคะ คือแค่แทรกแถวก็แย่มากแล้ว ถ้ามาเอาของเค้าแล้วยังไม่ร่วมกิจกรรมนี่ก็คือโคตรแย่ค่ะ เสียใจที่ตอนนั้นเรางงๆ ไปหน่อย ไม่งั้นจะคว้าแขนเจ๊แล้วบอกพนักงานว่าคนนี้แซง... แต่ยังไงก็ตาม เนื่องจากคิวที่มาต่อในตอนนั้นไม่ถึง 50 คน ของยังเหลือก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

    เราได้เรื่อง กุนซืออมยิ้ม ของ โม่เหยียน ซึ่งยังไม่เคยอ่าน เพราะเราเลิกงานมากกว่ารักเล่มบางไปนานแล้ว แต่บางคนได้แบบที่ไม่ใช่เล่มเดียวจบ และไม่ใช่เล่มแรก ลำบากต้องไปหาเล่มอื่นมาอ่านอีก


    ก่อนที่งานบนเวทีจะเริ่ม มี Staff เอาน้ำชามาเสิร์ฟแล้วบอกว่าให้เก็บแก้วไว้ลุ้นโชคนะคะ จากนั้นงานบนเวทีก็เริ่มขึ้นด้วยการแสดงโชว์รำจีน แล้วก็สัมภาษณ์ คุณฝน หัวหน้ากองบอกอฝ่ายภาษา ก็เล่าถึงเรื่องการสรรหาต้นฉบับภาษาจีน ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็เชิญนักแปลจีนขึ้นมาทีละคน มีทั้งหมดสามคน คือคุณ เม่นน้อย เกาลัดเดือนสิบสอง และ ลู่เผิงฮวา แต่ละคนสัมภาษณ์ไม่นาน น่าจะแค่คนละ 10 นาที ก่อนจบแต่ละคนก็มียกมือตอบคำถาม ได้พรีเมียม + หนังสือเรื่องนั้นๆ เท่าที่วางแผงแล้วไปเลย (แน่นอนว่าปั๊มอภินันทนาการ) เรายกมือตอบเรื่อง จักรพรรดิบัญชา ไปด้วย แต่ไม่ทัน ก็เลยอด

    ตอนท้ายมีลุ้นโชค ใครที่ใต้แก้วน้ำชามีสติ๊กเกอร์แจ่มใสติดอยู่ได้รับรางวัล ซึ่งเค้าเตรียมไว้สามรางวัล แต่มีผู้โชคดีแค่ 2 สงสัยว่าคงมีคนที่ลุกออกไปก่อนแล้วมั้ง จากนั้นงานก็จบลง


    กลับไปที่บุทแจ่มใสอีกครั้ง

    จากนั้นก็เดินกลับไปที่บูทแจ่มใสอีกที เหมือน Box Turing Code จะมีมากขึ้นกว่าตอนเช้า ก็เลือกจนได้ Box ที่สภาพพอได้มา 1 Box แม้ว่าตรงสันเล่ม 3 จะดูย่นๆ อีกแล้วแต่ไม่เยอะเท่าของเดิม พอบอกน้องเค้าว่าเอามาเปลี่ยน น้องเค้าก็ขอใบเสร็จจากทาง shopee ไป ดีที่เราเอามาเผื่อ เพราะว่า Admin ที่รับเรื่องไปไม่ได้บอกเลย พอเปลี่ยนเสร็จก็เริ่มเดินสำรวจบูทอื่นๆ

    เอากลับบ้านมาเติมเล่ม 1,2 เข้าไปให้เต็ม ขนาดด้านข้างกำลังดี ไม่แน่นไม่หลวม (ไม่ได้ห่อปก) ลาย Box มีความเซี่ยงไฮ้ กับนิวยอร์ก ดีค่ะ ชอบนะ แต่ทำออกมาเรียบไปนิด ถ้าทำฟอยล์เงินตรงชื่อเรื่องหรือลานเส้นตึกจะเริ่ดมากๆ

    รีวิว Turing Code เล่ม 1 

    รีวิว Turing Code เล่ม 2

    ตอนแกะ Box ก็ลุ้นมากว่าเล่ม 3 จะมีตำหนิค่ะ เพราะมีคนได้ทั้งสันเยิน กระดาษยับ มุมหัก เพราะ สนพ. ไม่ซีลหนังสือก่อนแล้วค่อยใส่ Box ทำให้หนังสือมันกระแทก Box ไปมาตอนขนส่ง ของเราขอบบนด้านหน้าไม่ถึงกับเยินแต่ก็ตัดกระดาษไม่เรียบเลยค่ะ เป็นขุยๆ แล้วค่อยมาเจอตำหนิใหญ่ทีหลัง มันก็คือ

    ในรูปอาจจะมองไม่ชัดนะคะ แต่ตรงที่วงไว้ ถ้าเอามือกดจะพบว่ามันบุ๋มลงไป ก็คือตรงนั้นไม่มีกาวค่ะ หายไปขนาดประมาณนิ้วชี้เราอะ ใหญ่นะ แต่มันอยู่ตรงกลางก็คงไม่มีปัญหากระดาษหลุดหรอกมั้ง เราลองแง้มหนังสือดูก็เหมือนจะแข็งแรงดี แต่มันก็ขัดใจนะ แต่คงไม่เคลมแล้วแหล่ะ ช่างมัน เคยเห็นรีวิวมีคนได้เหมือนเรานะคะ สันบุ๋มลงไป เครื่องไสกาวน่าจะมีปัญหานะ


    เริ่มเดินสำรวจบูทต่างๆ

    เราเริ่มเดินจากบูทโซนนิยายก่อน เพราะว่ามาเปลี่ยนหนังสือที่แจ่มใส อันที่จริง นอกจากเอาหนังสือมาเปลี่ยนเรายังมีภารกิจรับหนังสือสั่งพรีอีก 2 บูท ก็คือที่ Sense Book และ Narikasaii แต่เพราะเราหาบูทรับฝากของไม่เจอคือไม่สะดวกที่รีบรับแล้วแบกหนังสือเดินทั่วงาน ก็เลยแค่สำรวจเดินผ่านๆ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ ค่อยแวะมารับ จะได้คนน้อยๆ ด้วย เพราะเราเลือกนานมาก


    บูทแฟนตาเซีย

    งานนี้เรามีลิสต์ที่ตั้งใจมาซื้อน้อยมาก อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่สั่งพรีล่วงหน้า ไม่ก็สั่งออนไลน์ไปแล้ว แต่บูทนี้มีเรื่องที่ไม่มีขายทั่วไปนอกจากเว็บของนักเขียนซึ่งสภาพที่ส่งมาต้องลุ้นเอา ก็เลยมาซื้อที่งานดีกว่า ตอนเดินผ่านก็คือลืมไปแล้วว่าต้องซื้อเรื่องนี้ ดีที่สะดุดกึกกับชื่อบูท

    Caslte and the Prince เล่ม 5 (จบ) งานของคุณ Hayashi Kisara เป็นแฟนตาซีวายกรุบกริบนะคะ เราเพิ่งอ่านเล่ม 1 แต่ดองไปถึงเล่ม 4 ซื้อตอนนี้ได้รับโปสการ์ดแถมนะคะ (จำนวนจำกัด) ราคา 300 บาท ราคาเท่าซื้อออนไลน์ (รวมส่งลงทะเบียนสิ่งตีพิมพ์) แต่ถ้าไปงานแล้วก็ซื้อเลยเถอะ ไม่ต้องลุ้นสันย่น มุมบุบ


    บูท Thai Quality Book

    บูทหนังสือเทกระจาด 50 บาท, 20 บาท, 10 บาท พวกหนังสือใหม่ๆ ก็มี ลด 15-20% เราเข้าไปรื้อๆ ค้นๆ ก็ได้หนังสือภาพความรู้มา 3 เล่ม ในราคาเล่มละ 20 บาท (ปก 85) หนังสือน่าสนใจมาก ชอบเรื่องพวกนี้ อยากอ่านเองด้วย แล้วก็อ่านจบจะส่งไปให้น้องในอุปการะค่ะ น้องอยู่ ม.1 น่าจะกำลังดี

    เป็นหนังสือเล่มใหญ่แต่บางๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าทั้งซีรีส์มีกี่เรื่อง แต่ที่นี่มีขายสามเรื่องก็เลยเหมามาเลย สนนราคาทั้งหมด 60 บาท

    ข้างในมีข้อความ 2 ภาษา พร้อมภาพประกอบค่ะ ศึกษาไว้เผื่อประสบภัยต้องไปล่องเรือกลางพายุคลั่ง (?) น่าสนใจเนอะ ราคาก็ดี

    แล้วก็เจอการ์ตูนวาย (ไม่มีลิขสิทธิ์) เซลล์สุดเล่มละ 10 บาท เรื่องนี้มีประกาศลิขสิทธิ์ในไทยแล้วนะคะ แต่ยังไม่ออกในปีนี้ เรื่องนี้เราเคยอ่านแปล Eng แล้วพบว่าตอนหลังๆ เนื้อหามันคนละเรื่องกับตอนแรกเลย เลยซื้อมาลองอ่านแบบแปลไทยว่ามันสนุกมั้ย ถ้าสนุก เดี๋ยวตามไปซื้อแบบลิขสิทธิ์ด้วยค่ะ เพราะว่าที่จริงเป็น FC นักวาดค่ะ วาดสวย


    บูทสายน้ำ (ล่ะมั้ง)

    ยังคงเป็นบูทหนังสือเทกระจาดเหมือนเดิม คืองานนี้แทบไม่ได้แวะบูทหนังสือใหม่เลย เพราะว่าเราตามข่าวหนังสือออกใหม่ตลอด แล้วก็ซื้อตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นงานนี้คือการมาตามหาหนังสือดีราคาถูกค่ะ

    บูทนี้ก็เหมือนกับหลายๆ บูท ที่มีหนังสือค้างโกดังมาจำหน่ายในราคาถูก ไฮไลท์ยังคงเป็นหนังสือจาก สนพ Salmon และในเครือเหมือนเดิม (หนังสือ สนพ นี้มีขายในบูทพวกนี้มา 2-3 ปีแล้วนะคะ จนรู้สึกไม่อยากซื้อตอนออกใหม่แล้วน่ะ ถ้า สนพ มาอ่านเจอ พิจารณาด่วนนะคะ) รอบนี้รู้สึกได้เจอสมบัติด้วยค่ะ

    Sweet Talk งานของคุณ Anchalee เล่มนี้ก็คือสมบัติที่ว่าค่ะ ต้องเล่าที่มาที่ไปก่อนว่าทำไม คือเมื่อสมัยประมาณ 10 กว่าปีที่แล้วค่ะ เราไปเจอหนังสือชื่อ Tokyo Tokyo continue ในร้านหนังสือ เราชอบญี่ปุ่นอยู่แล้วเลยซื้อมาอ่าน ในเล่มนั้นก็จะเป็นการแนะนำห้างร้าน / ตึกเก๋ๆ / สินค้าของใช้ ตามย่านต่างๆ ในโตเกียว ด้วยมันเป็นเล่มแรกๆ ที่ออกมาในตลาด (ก่อนที่จะออกมาเป็นดอกเห็ดในยุคสายการบิน Low Cost) แล้วด้วยความรู้จริง บวกสำนวนการเล่าที่มีความเก๋ไก๋ ก็ทำให้เราประทับใจมาก แล้วเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในไกด์บุ๊คที่เราใช้ในการไปตะลอนโตเกียวคนเดียวครั้งแรกเมื่อปี 2009 ค่ะ ความประทับใจแรกมันเป็นสิ่งที่ลบเลือนยากนะคะ ถึงแม้ปัจจุบัน ข้อมูลในหนังสือนั้นจะล้าสมัยไปแล้ว ร้านค้าต่างๆ ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นร้านอื่นไปแล้ว แต่ความประทับใจแรกมันไม่จางหายค่ะ

    จากนั้น คุณ Anchalee ก็ออกหนังสือเล่มอื่นตามมา คือ Season Note หมายเหตุฤดู กับ ท่องคานาซาว่า เราก็ซื้ออีก ชอบสำนวน ชอบภาพประกอบ ชอบรูปเล่ม จากนั้นคุณ Anchalee ก็ไม่ได้ออกหนังสืออีก ด้วยยุค Social เฟื่องฟู คุณ Anchalee ก็ไปเขียน Blog แทน ใครสนใจไปตามได้ที่ http://www.curiouspig.net/ แต่ไม่ค่อยได้ update เท่าไหร่

    ส่วนเล่ม Sweet Talk เล่มนี้ ออกมาก่อน Tokyo Tokyo Continue แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ตามไปอุดหนุนเพราะว่าเราไม่ใช่สาย Bakery ค่ะ ไม่ใช่สายตะลุยกินเลย แต่มาตอนนี้ก็เริ่มกินมากขึ้นแล้ว และเพราะว่าหนังสือเล่มนี้หายไปจากแผงหนังสือนานมากๆ แล้ว พอมาเจออีกครั้งก็เลยต้องรีบคว้าไว้เลยนะคะ

    สำหรับใครสนใจเนื้อหาด้านในของคุณ Anchalee ทุกเล่ม เข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ http://www.curiouspig.net/p/books.html

    เดี๋ยววันหลังจะรวบรวมหนังสือของคุณ Anchalee มาเปิดอีก blog แยกนะคะ


    เล่มต่อมาเป็นของ Salmon ค่ะ ซึ่งก็มีความสนใจตั้งแต่หนังสือออกวางแผงครั้งแรกแล้วแหล่ะ แต่ก็ไม่ได้ซื้อ ด้วยความที่เซินเจิ้นไม่ใช่เมืองที่คิดจะไปเที่ยวอยู่แล้ว แต่ก็อยากรู้ว่ามันเป็นยังไง เพราะหนังสือเที่ยวจีนหรือใช้ชีวิตในจีนทุกเล่มที่เคยอ่าน มักมีความอิหยังวะอยู่ในเรื่องเสมอ เล่มนี้ยิ่งไม่น่าพลิกโผ ก็เลยทำให้อยากอ่านแหล่ะ แต่ก็ไม่ถึงขนาดอยากซื้อ เพราะหนังสือค่ายนี้ก็ค่อนข้างจะแพงและมักจะอ่านแป๊บเดียวจบค่ะ วันนี้ได้มาในราคา 50 บาทก็เลยต้องรีบคว้าไว้เลยค่ะ


    เดินงานหนังสือแต่ได้สมุด + ของกุ๊กกิ๊ก

    งานนี้เราเห็นชัดเลยว่ามีบูทที่ขายพวกของกุ๊กกิ๊กเยอะเลย ไม่ต่ำกว่า 10 บูท ปกติเราก็จะเดินผ่าน แต่ครั้งนี้เผอิญมีเป้าหมายเพราะว่ากำลังอยากได้สมุดจดที่กระดาษมีลายสวยๆ หลายๆ แบบ อยุ่ค่ะ นี่ก็ไล่ดูใน Shopee แล้วหยิบใส่ตะกร้าอยู่ แต่มันไม่ได้เห็นของจริงก็เลยลังเลนิดหน่อย ก็เลยยังไม่ได้กดจ่ายเงิน ทีนี้ในงานนี้มีให้เลือกเยอะเลย ก็เลยได้สมุดมาแล้วค่ะ ในราคาที่ปลื้มปริ่มมาก

    สมุดเล่มนี้ซื้อจากบูทไหนจำชื่อไม่ได้ (จริงๆ คือไม่ได้มองชื่อบูทเลย) แต่เป็นบูทที่ขายแต่ของจุกจิกเลยค่ะ ตอนแรกเราสนใจสมุดปกพลาสติกเล่มใหญ่ๆ ก่อน ส่วนเล่มนี้มันวางกองๆ อยู่ข้างใน สมุด 1 แบบจะมี 4 ปก (แต่ข้างในเหมือนกัน) แล้วเราเจอปกที่ชอบอยู่สองรุ่น ตัดสินใจนานอีกแล้วว่าจะเอาอันไหนดีเพราะชอบทั้งคู่ เกือบเหมาสองแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าควรหักใจนะคะ เพราะข้างในมันก็เหมือนกัน แล้วเล่มนี้ก็หนากว่าจะใช้หมดก็อีกนาน ไว้ใช้หมดจริงค่อยหาซื้อใหม่ก็ไม่สาย

    ลายกระดาษด้านในค่ะ 1 set น่าจะมีประมาณ 10 แผ่นมั้ง นี่เลยที่ตามหา สนนราคาเล่มละ 129 บาทเท่านั้น (แอบเห็นสติิ๊กเกอร์ราคาด้านหลังอยู่ที่ 245 บาท)

    นอกจากสมุดแล้วก็ยังไปได้สติ๊กเกอร์มาอีก ซึ่งอันนี้คือนอกลิสต์มาก ซื้อจากอีกบูทนึงนะคะ (จำชื่อไม่ได้เช่นกัน)

    สติ๊กเกอร์ลายเส้นน่ารัก สีพาสเทล ธีมคือฤดูกาล ราคาแผ่นละ 40 บาท 3 แผ่น 100 อันนี้คือเลือกมาแล้วเพราะจริงๆ มีที่อยากได้มากกว่านี้อีก ตอน 3 แผ่น 100 ก็คิดว่าไม่แพง แต่พอ 6 แผ่น 200 รู้สึกแพงขึ้นมาทันที แต่มันเลือกไม่ได้นี่นา ของจริงน่ารักมากๆ นะคะ


    ไปรับหนังสือพรีออเดอร์

    พอเริ่มตกเย็นก็ได้เวลาไปรับหนังสือค่ะ จริงๆ เราไปรับของ Sense Book ก่อน แต่ขอเล่าทีหลัง ขอเล่าของ สนพ Narikasaii ก่อน สำหรับที่นี่เรานัดรับ Value Box เรื่อง ซุปเปอร์สตาร์ชิงบัลลังก์ เล่ม 4,5,6 เล่มพิเศษ + Box ค่ะ ทาง สนพ วางไว้ให้เลือก 9 Box แต่เลือกยากอีกแล้วเพราะไม่มี Box ไหนไม่มีตำหนิ ก็ได้แต่พยายามหา Box ที่สมบูรณ์ที่สุด (เลือกวนไปวนมา 3 รอบ) ของแถมเยอะมากจนเราเองก็จำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้างค่ะ แต่มาดูทีบ้านก็น่าจะได้ครบแหล่ะ

    โปรโมชั่นสำนักพิมพ์นี้คือเอายอดพรีออเดอร์ที่รับในงานมารวมกับซื้อหน้างานแล้วรับพรีเมียมได้ค่ะ ซึ่งเราก็เล็งเรื่อง รอคุณออนไลน์ เล่มกลางไว้ พอดีมีน้องอีกคนฝากหิ้วด้วย ถ้าซื้ออีก 2 เล่ม + ยอดพรี ก็จะได้กระเป๋าผ้า 1 ใบ (ลายน่ารักดี) แต่เรื่องรอคุณออนไลน์ทางโรงพิมพ์จะมาส่งบางส่วนวันนี้ ตอนเราแว้บมาดูตอนบ่ายยังไม่มาส่ง พอมาอีกที 6 โมงครึ่ง มันกำลังจะหมดค่ะ! แล้วก็เหลือแต่เล่มที่สภาพไม่เป๊ะ เราก็เลยไม่ได้เอามา ถ้าได้ไปอีกวันที่ 7 ค่อยเอาใบเสร็จไปแลกกระเป๋าค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ไปก็ช่างมันละกัน ส่วนรอคุณฯ ก็ไปสั่่งรอบไปรเอา ไม่แน่ ใช้โค้ด Shopee แล้วน่าจะได้ราคาถูกกว่าซื้อเองอีก

    ซุปเปอร์สตาร์ชิงบัลลังก์ ของแถมเยอะมากค่ะ เรื่องนี้เรายังดองตั้งแต่เล่มแรก อ่านไม่ทันจริงๆ 


    รับอร่อยล้นวังที่ Sense Book

    สำหรับที่ Sense Book เรามีนัดรับ Box อร่อยล้นวัง + เล่ม 3 (จบ) ทางบูทตั้งโต๊ะนัดรับไว้ต่างหาก เราก็ว่าไม่เห็นกอง Box ให้เลือกเลย ที่ไหนได้ พอเช็คเลขออเดอร์เสร็จ ทาง Staff ควัก Box จากใต้โต๊ะขึ้นมาให้เลือก 3 Box ค่ะ ซึ่งเราดูแล้วบุบทุก Box ค่ะ เราก็พยายามจะเลือกสักอันแต่มันก็ไม่ได้จริงๆ เลยยืนเลือกอยู่นานมาก หยิบวนไปวนมา จนในทีสุดก็ลองขอเลือกเพิ่ม เค้าก็หยิบขึ้นมาเพิ่มให้อีก Box เดียว ซึ่งเรามาพบทีหลังว่านี่คือดีแล้ว เพราะคนที่มาตอนกลางวัน Staff ไม่ให้เลือกเพิ่มค่ะ เค้าบอกว่ามันทำให้เสียเวลา แต่ของคุณคุณภาพไม่ถึงเกณฑ์แล้วจะหักคอให้ต้องรับของมีตำหนิเหรอคะ แต่ทุกคนก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ก็ต้องเลือกที่ดีที่สุดในนั้นมาอย่างจำใจ สนพ ไม่น่ารักเลยนะคะ

    สำหรับเราไปตอนเย็นมากแล้ว ไม่มีคน เค้าเลยหยิบขึ้นมาให้อีก 1 Box ซึ่งหยิบขึ้นมาแบบนิ่งๆ ไม่พูดไม่จา เย็นชาเหลือเกิน ทำเอาเรารู้สึกผิด ทั้งๆ ที่เราซื้อนะคะ ไม่ได้มาขอฟรี แต่ 1 Box ที่หยิบมาเพิ่มก็บุบอีก เราก็ไม่รู้จะทำยังไง จนกระทั่งมีผู้ช่วยชีวิตมาค่ะ เขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่มารับ Box เหมือนกัน ซึ่งมี Staff อีกคนมาดูแล เค้าก็หยิบขึ้นมาให้เลือก 3 Box เหมือนกัน แต่ผู้ชายคนนั้นเลือกได้เร็วมาก ไม่รู้เพราะเป็นผู้ชายเลยไม่เลือกมาก หรือสภาพมันโอเคจริงๆ เราเลยหยิบอีก 2 Box ที่เหลือมาเลือกด้วย ซึ่งสุดท้ายเราได้จาก 2 Box ที่เหลือของผู้ชายคนนั้นค่ะ สภาพมันดีกว่ามาก

    เลือกหนังสือได้ก็ได้เวลาไปรับพรีเมียมค่ะ ของเรายอด 690 ได้กาชาโปสเตอร์ 1 กระบอก ข้างในมันจะมีโปสเตอร์ 5 แผ่นลายไม่ซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ลายไหน ซึ่งจาก 20 ลายที่มี เราอยากได้แค่ลายเดียว คือลาย อาชญากรรมรักในม่านเมฆ เล่ม 3 ซึ่งจากที่เราดูรีวิวของคนอื่นๆ ไม่ค่อยได้ลายนี้กันค่ะ เหมือนผลิตน้อย บางคนสุ่ม 7 กระบอกได้ลายนี้แค่ 2 กระบอก - -" แล้วเราซึ่งมีโควต้าแค่ 1 กระบอกนี่ไม่กล้าหวังเลยค่ะ พอเค้าให้หยิบเราก็คว้ามาเลยแบบไม่เลือกมาก แล้วก็ไม่กล้าแกะดูด้วย เอาไว้มาเปิดลุ้นที่บ้าน

    Box อร่อยล้นวัง พรีเมียมสวยค่ะ ชอบที่คั่นเหมียว 7 แบบมาก ลายเส้นน่ารัก ส่วนที่คั่นไดคัทลายด้านขวามีเส้นดำพาดผ่านหน้าพระเอกเบาๆ แต่ช่างมันละกัน ส่วนกระบอกอันนี้เป็นโปสเตอร์ของเรื่องนี้นะคะ ไม่ใช่อันที่ให้สุ่ม

    จบแล้วค่ะสำหรับการเดินงานหนังสือในครั้งนี้ ไม่ค่อยได้อะไรเลยเนอะ 5555 จริงๆ ก็มีอีกหลายเล่มที่น่าสนใจ แต่เพราะกองดองเราเยอะมากจริงๆ ซื้อวันนี้ก็คงจะไม่ได้อ่านเร็วๆ นี้หรอก แล้วจะรีบซื้อไปทำไม งานหนังสือเค้ายังบอกให้ No กองดอง เลย ดังนั้นเราต้องไม่ซื้อค่ะ (ยิ้มอ่อน)


    รวมๆ ค่ะ ปกติต้องถ่ายหนังสือเป็นตั้งๆ ปีนี้ก็คือแปลกมาก

    อ้อ เดินผ่านบูทอะไรไม่รู้เค้าเชิญทำแบบสอบถามแล้วได้แฟ้ม Kitty ก็เลยช่วยเค้าทำ เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการรับรู้การละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูน อนิเมะ ละคร ของญี่ปุ่นค่ะ โอ้โห รู้สึกผิดบาปเลยเพราะเพิ่งซื้อไอ้เล่มข้างบนไปอะ


    นอกจากนี้ก็มีหนังสือที่สั่งจากออนไลน์มาค่ะ

    รัชทายาทบัญชา 2 เล่มจบ อ่านเล่ม 1 ค้างอยู่ ขี้เกียจแกะปก เอาแบบนี้เลยละกัน

    แล้วก็ล่าสุด เพิ่งมาส่งเมื่อกี้เลยค่ะ ^ ^" สัตบุรุษผู้แช่มช้อย เล่ม 1 (วาย) กับ ดั่งตะวันฉายฉาน เล่ม 1 ของกู้ม่าน เรื่องนี้ต้องรีบซื้อเพราะพิมพ์ 1 แถมโปสเตอร์ โปสการ์ด ลายเส้น ENO ค่ะ

    แล้วก็มี องครักษ์เสื้อแพร ที่ยังมาไม่ถึง คิดว่าน่าจะได้รับพรุ่งนี้ค่ะ


    และแถม สำหรับคนที่อยากรู้ว่าสุดท้ายเราได้โปสเตอร์ที่อยากได้มั้ย เรามีคลิปตอนเปิดกระบอกให้ดูค่ะ เตือนไว้ก่อนนะคะว่ามีคนสติแตก 1 ea ^ ^"

    >> ชมคลิป <<


    ปล. ถ้าได้ไปเดินงานรอบสอง จะมาเล่าใหม่นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ :)






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in