เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SCHEMING SCANDALSamanthachiew
Scheming Scandal; การปล้น ขนมเค้ก และกองซากมะเขือเทศ (ตอน6)



  • ผมคิดเสมอว่าเจคเป็นผู้ชายที่เก่งหลายด้าน


    นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังหัวดี มีไหวพริบ และตามฟิชเชอร์ทันอยู่เสมอ ไม่เหมือนกับผมที่ต้องใช้เวลาคิดตามอยู่นาน กว่าจะเข้าใจแล้วลงมือทำตามได้


    เจคโตมาแบบอิสระ ล่องลอยไปกับสายลมเหมือนใบไม้ปลิว บางครั้งมันลอยละลิ่วเข้าสู่บ้านสาวผมบลอนด์ บางครั้งมันลอยเข้าสู่บ้านสาวผมบรูเนต บางครั้งก็ลอยเข้าสู่บ้านสาวผมแดง และเพราะมันปลิวละล่องมากเกินไป หลายต่อหลายครั้งมันจึงลงเอยที่ต้องมาปีนรั้วบ้านผม ขอสิงหลบภัยจากสาวหลากสีผมทั้งหลาย  แต่ส่วนใหญ่แล้วใบไม้เจคมักจะลอยคู่กับฟิชเชอร์มากกว่า โดยเฉพาะตอนที่วางแผนทำอะไรบางอย่างด้วยกัน


    นั่นอาจจะเหมาะสมดีแล้ว เพราะทั้งคู่อิสระ ทั้งเรื่องของเวลา รูปแบบการใช้ชีวิต และไม่มีข้อจำกัดจากพ่อแม่ในบ้านแบบผม


    ฟิชเชอร์นั้นตัวคนเดียวมาตั้งแต่แรก เขากำพร้าก่อนที่จะได้ทันรู้ตัวว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่เจคเพิ่งมารู้ตัวว่าถูกทิ้งให้กลายเป็นเด็กกำพร้าก็เมื่อตอนอายุสิบสามปี ตอนที่แม่ของเขาหายตัวไปกับเรือประมงลำหนึ่ง  และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้ทั้งเขตหลังเมืองพากันพูดถึงให้ดังแซ่ด นั่นไม่ใช่เพราะแม่ของเจคหายตัวไปกับเรืออย่างลึกลับ แต่เป็นเพราะแม่ของเจคหนีตามไปกับชาวประมง เพราะฤทธิ์เหล้าถูกๆเพียงขวดเดียว


    ผมไม่ได้แต่งเรื่องขวดเหล้าขึ้นมาเอง แต่เจคเป็นคนบอกผม


    และเจคก็ไม่ได้แต่งเรื่องขวดเหล้าขึ้นมาเองเช่นเดียวกัน เพราะเขาเป็นคนยื่นเหล้าขวดนั้นให้แม่เองกับมือ


    “ยื่นเหล้ามาให้แม่หน่อยซิ” เจคเล่าว่าแม่ของเขาสั่ง ในขณะที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่ขอบท่าเรือ และเฝ้ามองแม่เต้นรำกับชาวประมงแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอกันไม่นาน


    ผมเชื่อว่าเจคไม่คิดว่าเหล้าทั้งขวดนั้นจะทำให้ทั้งแม่กับชาวประมงหน้าแดงก่ำ หัวเราะร่วนยาวนาน แล้วหายตัวไปในความมืดของท้องทะเลอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง เขาคิดว่าอีกประเดี๋ยวแม่คงกลับมา เพราะสุดท้ายแล้ว ในตอนเช้าตรู่ ก็มีคนมาพบเจคในสภาพนอนขดอยู่ริมท่าเรือ ตัวเย็นเฉียบ สั่นเทา และจับไข้ไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ


    “แม่บอกว่าจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่”  เจคบอกกับผมและฟิชเชอร์ หลังจากเล่าเรื่องขวดเหล้าในตำนานให้ฟัง  “แม่บอกว่าฉันคงเข้าใจดี ว่าแม่ไม่สามารถอยู่ตัวคนเดียวได้ ตั้งแต่พ่อตายไป แม่ก็ไม่เหมือนเดิม แม่ไม่รู้ว่าจะตื่นขึ้นมาเพื่ออะไร แต่ในขณะเดียวกัน แม่ก็ไม่รู้ว่าจะหลับเพื่อฝันถึงใคร  แม่จึงทำเพียงนอนมองรูปพ่ออยู่บนเตียง และจมอยู่ในชุดนอนตัวเดิม แม่กลายเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้ -- ไม่แม้แต่จะรับมือกับอารมณ์ตัวเอง แม่เริ่มสับสน และไม่รู้ว่าเกลียด เบื่อ รัก มันต่างกันตรงไหน  และโชคร้ายที่ฉันคือคนที่แม่คิดว่าเป็นจุดรวมของคำว่าเกลียด เบื่อ และรัก”


    น้ำเสียงเรียกแม่ที่เปลี่ยนไปของเจค ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างในตัวเจคได้ถูกทำลายลงไปแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว


    “แต่นายประมงคนนั้นมีเพียงแต่คำว่า -- ไม่น่าเบื่อ” เจคเล่าด้วยสีหน้านิ่งสนิท “มันไม่ใช่ความรัก มันไม่ใช่ความผูกพันธ์ แต่มันเป็นเพียงเรื่องแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น ที่น่าสนใจและไม่น่าเบื่อ แม่ถึงตกลงใจ ลงเรือล่องทะเลไปกับเขา  ใครจะรู้ ว่าเรือเก่าๆนั่นทำอะไรได้บ้าง -- บางทีพวกเขาอาจจะพบเจอเกาะใหม่ ที่เป็นเกาะส่วนตัวของพวกเขาก็ได้” เจคพ่นควันยาสูบออกมา ดวงตาดูเหม่อลอย -- ดูเป็นภาพที่แปลก เมื่อเห็นเด็กอายุสิบสามหน้าละอ่อนจุดยาสูบไม่หยุด “หรือไม่ก็จมน้ำตายกลางทะเลไปนานแล้ว”


    แต่สุดท้ายแล้วเรือลำนั้นก็ไม่ได้อับปางจมลงก้นทะเล เพราะหลังจากนั้นหลายเดือน ก็มีจดหมายส่งมาถึงเจค พร้อมกับเปลือกหอยเล็กๆสีขาวอมชมพูอันหนึ่ง มันไม่ได้เขียนอะไรมากนัก นอกจากคำสั้นๆ เส้นยึกยือยึกยือ เหมือนกำลังเขียนอย่างทุลักทุเล ว่า “คิดถึง” “ด้วยรัก” กับลงท้ายว่า “จากแม่”


    แม้ว่าเจคจะพยายามซ่อนความรู้สึกโล่งใจ และคิดถึงแม่แค่ไหน แต่ความรู้สึกของเด็กสิบสามขวบที่อัดอั้นมานานหลายเดือนก็ปรากฏออกมาอยู่ดี วันนั้นเจคยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หลังจากที่เป็นคนเฉยชาไร้ความรู้สึกมานาน ใบหน้าเริ่มกลับมาดูเหมือนเด็กชายอีกครั้งหนึ่ง


    “แม่นายบอกรึเปล่า ว่าจะเขียนอีกเมื่อไหร่” ฟิชเชอร์ถาม ขณะที่กำลังเขียนสูตรทำระเบิดครั้งแรกๆลงสมุด -- ซึ่งผมรู้ดีว่าสูตรนั้นจะกลายมาเป็นระเบิดอันตรายขนาดไหนในระยะเวลาหลายปีให้หลัง “ซันนี่ เติมน้ำมันลงไปในถังอีกหนึ่งลิตรซิ” เขาสั่งผมทดลองต่อ


    “ไม่ได้บอก แต่แม่เขียนมาใหม่แน่” เจคตอบ สะกิดให้ผมระวังขณะเทน้ำมันลงในถังทดลองของฟิชเชอร์ “เพราะฉันจะลองเขียนถึงแม่เหมือนกัน ใครจะรู้ แม่อาจจะตอบอะไรสนุกๆกลับมาบ้างก็ได้”


    และหลังจากนั้น เจคก็ได้รับจดหมายจากแม่เป็นระยะ -- มันอาจจะไม่ใช่จดหมายที่ส่งถึงกันทุกสัปดาห์ แต่อย่างน้อยผมก็เชื่อว่ามันก็ทำให้เจคสัมผัสได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกไม่ได้ขาดสะบั้นลงไป อย่างที่ใครหลายคนในเขตหลังเมืองตราหน้าเขาไว้ -- อันที่จริง นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเจคถึงกลายมาเป็นผู้ชายประเภทที่อยู่ไม่ได้หากไม่มีสาวๆอยู่เคียงข้าง ผมเคยคิดหลายครั้ง ว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับการที่แม่ทิ้งเขาไปตั้งแต่เขายังเด็ก  ในขณะที่ผมมีแม่อยู่ข้างๆตลอด และจบลงที่เทหัวใจให้กับผู้หญิงคนเดียวที่มีชื่อว่า ลูซี่ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฟิชเชอร์ไม่ได้เถียงผม


    “พวกเรามันเพี้ยน” เขาพูดกับผมแค่นั้น


    และหลังจากนั้นฟิชเชอร์กับเจคก็จับคู่กันทำเรื่องเพี้ยนๆมาตลอด


    ซึ่งตอนนั้น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้ว เราสามคนจะมาจบลงในสถานที่เพี้ยนๆแห่งนี้ด้วยกัน ในรูปแบบที่บ้าบอ และดูไร้เหตุผลมากที่สุด




    เจคในตอนนี้กำลังยืนจังก้าอยู่หน้าเคาท์เตอร์ แว่นดำที่อยู่บนสันจมูกดูเอียงเล็กน้อย แต่ยังคงปิดบังพรางตาเอาไว้ได้ สูทตัวเนียบเริ่มยับ จากการที่เขาออกแรงปีนป่ายไปตามโต๊ะเก้าอี้ และขู่คำรามให้ทุกคนนอนราบไปกับพื้น


    “นอนราบลงไป และวางมือข้างศีรษะ กางนิ้วทั้งสิบออก ให้ฉันมองเห็นได้ชัดๆ!” เจคสอดส่องสายตาไปทั่วร้าน “เฮ้! อย่าสุมหัวกัน ไอ้พวกกระจอก แยกจากกันเดี๋ยวนี้!” เขาขู่ฟอด เมื่อเห็นสองเด็กนักกีฬาไฮสคูลหันศีรษะชนกัน


    ฟิชเชอร์ที่ตอนนี้รับรู้ว่าต้องเปลี่ยนบทเล่น จัดการลั่นกุญแจประตูร้าน ใช้แขนข้างหนึ่งท้าวเคาท์เตอร์ แล้วกระโดดข้ามเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว ชี้ปากกระบอกปืนไปทางพนักงานคิดเงินที่กำลังนอนราบตัวสั่นอยู่บนพื้น


    “เขยิบไป” เขาสั่ง พร้อมกับชี้กระบอกปืนไปทางนอกเคาท์เตอร์ “ไม่อย่างนั้นฉันเหยียบนายมิดแน่!”

    ร่างอ้วนท้วมของลุงคิดเงินค่อยๆเขยิบออกไปจากรัศมีอันตราย จากนั้นโจรฟิชเชอร์ก็เริ่มทำการปล้นเงินจากเครื่องคิดเงิน


    “เฮ้ บอกรหัสมา!”


    ลุงบอกรหัสฟิชเชอร์


    ฟิชเชอร์จึงทำการบรรเลงเก็บกองธนบัตร และโกยเหรียญในเครื่องลงถุงผ้าอย่างว่องไว


    “บอกที่เก็บเงินที่อื่นมาเดี๋ยวนี้!” เขาหันหลับมาขู่ลุงคิดเงิน “พวกนายเก็บเงินกันไว้ที่ไหนอีก นอกจากเครื่องคิดเงินนี่ อย่าคิดตุกติกหรือโกหกฉันล่ะ!”


    แต่ลุงก็ยังคงยืนยันด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ว่าเงินในร้านทั้งหมดอยู่ในเครื่องคิดเงินเท่านั้น ไม่มีเก็บที่อื่นอีก


    ฟิชเชอร์หันไปโกยเหรียญจนหมด สายตายังสอดส่องรอบตัวเป็นระยะ และหลังจากที่ก้มลงกอบโกยทุกอย่างในเครื่องนั้นสำเร็จ เขาก็เงยขึ้นมองผมกับเจค ใบหน้าที่สวมแว่นตาดำนั้นดูนิ่งไป ก่อนจะค่อยๆยกนิ้วโป้งมาให้พวกเรา -- ไม่น่าเชื่อ ว่าร้านขนมหวานจะทำเงินให้พวกเราได้เกินคาด


    ผมเองก็สอดส่องไปรอบร้าน ทั้งข้างในและข้างนอก -- ยังไม่มีวี่แววของตำรวจ หรือผู้คนที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ปล้นร้าน  ทั้งๆที่มีคนสองคนมองส่องกระจกดูเงาสะท้อนตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนสายตาของพวกเขาจะสนใจแค่เพียงทรงผม กับสีเสื้อผ้าของตนเอง ไม่ได้ส่องทะลุเข้ามาถึงภายในร้านที่มีแต่คนนอนราบไปกับพื้น ซึ่งมันตลกมาก ที่พวกข้างนอกนั่นไม่สังเกตเห็น  -- แต่ตอนนี้ผมกำลังเสียสมาธิ


    แหงล่ะ ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูซี่ -- ลูซี่นอนราบอยู่บนพื้น ไม่ไกลจากผม แม้จะไม่ได้หันไปมองเธอโดยตรง แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องผมอยู่


    แต่มันก็ไม่เท่ากับเสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มนักกีฬาไฮสคูลที่อยู่ใกล้ๆลูซี่


    “นายต้องรับผิดชอบ!”


    “นายต้องกล้าๆหน่อย!”


    “ทำตัวให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย!”


    ผมละสายตาจากท้องถนน หมุนตัวกลับมา และหันปากกระบอกปืนไปทางกลุ่มเจ้าปัญหา


    “ถ้าจะมีใครทำตัวเป็นลูกผู้ชายแถวนี่ ขอบอกเลย ว่ามันไม่สวยเหมือนกับในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ และไม่หมูเหมือนกับหนังโรแมนติกสะเทือนใจ จะไม่มีใครชื่นชมความกล้าของนาย นอกจากร้องไห้เหนือโลงศพนาย แล้วบอกว่า ‘โธ่ อนิจจา ช่างเป็นเด็กที่โง่เง่า และบ้าบิ่น ผิดที่ผิดเวลาเสียเหลือเกิน!’ ทำไมน่ะเหรอ! ก็เพราะถ้าขืนมีใครขัดแข้งขัดขา ทำตัวเป็นฮีโร่ผิดกาลเทศะตอนนี้ ได้มีลูกกระสุนทะลุหัวแน่! ฉันรับรองได้เลย!” ผมแหว จนเด็กนักกีฬาสะดุ้ง ขดตัว ทำตัวเหมือนเต่าที่ขดอยู่ในกระดอง


    แต่ในบรรดาเต่าเหล่านั้น ก็มีเต่าตัวหนึ่งโพล่งคำพูดโง่ๆออกมา พร้อมกับชันตัวขึ้น


    ทั้งผม ทั้งฟิชเชอร์ หันปากกระบอกปืนมาทางเดียวกัน และขู่ให้เขาหดเข้ากระดองตามเดิม แต่เขาไม่ทำตาม


    และไอ้เต่าบ้านั้นคือ อิ๊กกี้ พ่อยอดชาย


    “อะ -- เอาเธอไป!” เขาร้องออกมาเสียงสั่น เหงื่อทะลักออกมาตามขมับและลำคอ มือทั้งสองข้างที่ชูกลางอากาศสั่นจนสังเกตได้


    ผมมองฟิชเชอร์ ฟิชเชอร์มองผม


    “นายพูดบ้าอะไรวะ!” ฟิชเชอร์โวยมาจากทางหลังเคาท์เตอร์ มัดปากถุงในมือจนแน่น


    “เอาเธอไป เอาลูซี่ไป!” อิ๊กกี้พูดเสียงสูง หลับตาปี๋ “คุณทำแบบนี้ เพราะแค้นเรื่องผู้หญิงใช่ไหม เพราะลูซี่เป็นผู้หญิงของคุณใช่ไหม! เอาเธอไป! แล้วผมสาบาน ผมจะไม่มาก่อกวนระหว่างพวกคุณสองคนอีก ผมจะไม่ล้อเล่นกับผู้หญิงของคุณอีก! เรื่องหมัดคุณเมื่อกี้ผมจะลืมๆมันไปซะ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน!”


    คำพูดโง่ๆที่พรั่งพรูออกมานั้น ไม่ได้ทำให้ผมชะงักไปเท่านั้น แต่มันมีผลทำให้ทั้งกลุ่มนักกีฬาไฮสคูล และโดฟขยับตัวขึ้นมาพร้อมกัน


    “ดีมาก! นายรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีมาก อิ๊กกี้! ทำได้ดีมาก!” พวกนักกีฬาโห่เชียร์


    “คุณตกลงใจจะเลิกกับยายนั่นแล้วหรือ!” โดฟร้องถาม


    มีแต่ผมที่หยุดตีความคำพูดของอิ๊กกี้ “นายคิดว่าทั้งหมดนี่ เพื่อแก้แค้นที่นายลบหลู่ผู้หญิงที่ฉันรักหรือ”


    อิ๊กกี้ดูลังเล เหมือนกลัวตอบผิด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พยักหน้า


    “นายคิดว่าฉันกับเพื่อนปล้นร้านนี้ เพราะต้องการแก้แค้นกลุ่มเด็กโง่ๆ ที่มีแต่กล้ามกับเสียงหนวกหู แค่นั้นน่ะหรือ”


    อิ๊กกี้หันไปมองกลุ่มเพื่อนตัวเองเหมือนขอคำปรึกษา ก่อนจะพยักหน้าตามกันหงึกๆ


    “นายคิดว่าฉันกับเพื่อนสละเวลามาปล้นร้านนี้ แค่เพราะต้องการมีเรื่องกับเด็กเมื่อวานซืน ที่ไม่ได้คิดทำอะไร นอกจากฝันกลางวันไปเรื่อยๆ เปลี่ยนสาวไปเรื่อยๆ ไม่มีความจริงใจ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่เคยอดอยาก หรือลำบากอะไรทั้งนั้น แค่นั้นหรือ”


    น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของผม ทำให้ทั้งอิ๊กกี้และกลุ่มเพื่อนเขาไม่กล้าตอบ แต่หลังจากที่คิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง อิ๊กกี้ก็คลานไปที่โดฟ ไม่สนใจเสียงโวยของผม  จากนั้นก็แย่งตั๋วจากโดฟมาได้ แล้วชูมันขึ้นกลางอากาศ


    “ที่แน่ๆ คุณมาเพื่อสิ่งนี้ด้วย” อิ๊กกี้ว่า มีรอยยิ้มอยู่ที่มุมปาก “ผมเห็นสีหน้าพวกคุณตอนมองตั๋วใบนี้ในมือโดฟ มันแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากคุณก็ต้องการมันสุดๆ”


    อิ๊กกี้พูดไม่ผิด


    จริงอยู่ที่เรามากันสามคน แต่การที่มีตั๋วสองใบมาประเคนอยู่ตรงหน้า มันก็เป็นสิ่งที่เราควรคว้าเอาไว้ -- ที่แน่ๆ ผมคนนึงล่ะ ที่จะเอาไปให้พ่อกับแม่ ให้พวกท่านหนีตามมากับผมด้วย -- แต่ผมยังไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับฟิชเชอร์หรือเจคหรอก เอาไว้จบเรื่องแล้วค่อยว่ากันก็ได้นี่นะ


    “เอาล่ะ พ่อคนฉลาด” อีกเสียงดังขึ้นข้างๆร่างอิ๊กกี้ -- เจคที่จู่ๆก็เดินเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ได้ทำการจ่อปืนเข้ากับขมับของอิ๊กกี้เป็นที่เรียบร้อย เสียงขึ้นไกดังคลิ๊กอย่างชัดเจน จนอิ๊กกี้ตัวแข็งเป็นหิน “ส่งตั๋วมา” แล้วเจคก็ส่งต่อให้ผม พร้อมกับบอกว่า “ฝากไว้ที่นาย”


    จากนั้นเจคก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมนุษย์หินอิ๊กกี้ระเบิดอารมณ์ออกมากลายเป็นมนุษย์พลุอิ๊กกี้


    “อย่ายิงผม อย่ายิงผม!” เขาร้องลั่น ดูกลัวจนจิตแตก “เอาลูซี่ไป! เอาตั๋วไป! ปล่อยพวกเราไป!”


    “ใช่ ปล่อยพวกเราไป!” โดฟและกลุ่มนักกีฬาร้องตาม  จนคนในร้านเริ่มเงยหน้าจากพื้น กำลังจะร้องตามๆกัน


    “นอนราบลงไป!” ฟิชเชอร์คำราม ทำให้ทุกคนกลับไปก้มหน้าราบกับพื้นตามเดิม เขารีบปีนออกมาหน้าเคาท์เตอร์ แล้วดูสถานการณ์แทนเจค


    “หุบปาก!” ผมแหว “พวกแกมันเป็นคนประเภทไหน โตกันมายังไง ถึงได้หยาบคายไร้มารยาทขนาดนี้ แกกล้าดึงใครสักคนเข้าไปในชีวิตแก ให้คำสัญญาทั้งๆที่มันเป็นเพียงคำโกหกกับเธอได้ยังไง แกกล้าดึงเธอมาเสี่ยงกับแก แค่เพราะแกอยากจะผจญภัยสร้างสีสันในชีวิตแกได้ยังไง! แกเห็นชีวิตคนอื่นเป็นแค่ของเล่นแค่นั้นได้ยังไง! แกมันบ้าบอที่สุด!”


    “ตะ -- แต่ผมรักเธอจริงนะ--”


    คำตอบของอิ๊กกี้ทำให้ทั้งผม ฟิชเชอร์ และเจคอดไม่ได้ที่จะกลอกตาขึ้นฟ้า แล้วทำเอาทั้งกลุ่มเพื่อนนักกีฬา และโดฟหันมาโห่ใส่เสียงดัง


    “คุณไม่ได้รักใครจริงหรอก อิ๊กกี้!” โดฟแผดเสียงสูงอย่างสุดจะทน


    “โอเค ผมไม่ได้รักเธอ แต่ผมชอบเธอ นี่คือความจริงนะ!”


    คำตอบนั่นทำให้โดฟซัดส้อมที่หล่นบนพื้นใส่หน้าเขาเต็มแรง


    “ซันนี่” เสียงของลูซี่ดังขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่เงียบมานาน “ไม่ว่าคุณกับเพื่อนคิดจะทำอะไรกันอยู่ หยุดเถอะค่ะ มันไม่ดีเลย”


    ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเธอเรียกชื่อผม


    “นี่ดูไม่เป็นตัวคุณเลย ซันนี่”  ลูซี่มองผมด้วยสายตาว่างเปล่า และมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด


    “คุณมายุ่งกับคนแบบนี้ทำไม ลูซี่” ผมหันปากกระบอกปืนไปทางอิ๊กกี้อีกคน ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือก “คุณมายุ่งกับเด็กเมื่อวานซืนทำไม”


    ลูซี่เงียบไป สีหน้าดูเหมือนคนจมน้ำ หายใจไม่ออก หน้าเธอซีดกว่าเดิม และฝ่ามือกุมหน้าท้องตนเอง “เราทุกคนต่างก็เป็นเด็กเมื่อวานซืนเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” เธอกระซิบเสียงเบาหวิว


    ฉับพลันนั้นเจคดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง เขาเพ่งมองลูซี่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆว่า “โธ่ ลูซี่--”

    แล้วก็หันขวับไปทางฟิชเชอร์  -- ฟิชเชอร์พยักหน้ารับ เป็นเชิงว่าเจคเข้าใจถูกต้อง


    และอีกครั้ง ที่มีแต่ผมที่ยังคงตามอะไรไม่ทัน


    “อะไร--” ผมถามมองเจคสลับกับฟิชเชอร์และลูซี่ “อะไร เจค อะไร--” ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆเข้าไปอีก เมื่อเห็นสีหน้าเจค


    “ซันนี่” เขาค่อยๆพูดออกมา “ลูซี่ตั้งท้องลูกของนาย”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in