ผู้เขียน : อันตอนีโอ ตาบุคคี
ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ : มติชน
ราคา : 175 บาท
เล่มนี้เราได้มาด้วยความบังเอิญ เพราะไปเดินงานหนังสือนิยายนานาชาติครั้งที่ 1 ที่สามย่าน Mitrtown เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งใจจะไปซื้อนิยายเล่มเดียว ดันงอกมา 3 เล่มซะงั้น
ความประทับใจแรกอยู่ที่ปกหลัง ด้วยความที่ตอนนี้กำลังอินการเมืองอยู่ไม่หน่อย บวกกับเนื้อหาในหนังสือ สถานการณ์การเมืองในประเทศโปรตุเกสปี 1938 ที่กำลังอยู่ในยุคเผด็จการและยุคต่อสู้กันระหว่างกลุ่มหัวก้าวหน้าและอนุรักษ์นิยมภายในประเทศ
เนื้อเรื่องมุ้นคุ้น ๆ ปะวะ..
เออ อาจจะคิดไปเองมั้ง
เปเรย์รา นักหนังสือพิมพ์ที่ทำหน้าที่บรรณาธิการของหน้าวัฒนธรรมของหนังสือพิมพ์'ลีชโบอา' ที่พยายามยืนยันกับคนอ่านตลอดเวลาว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเหตุบ้านการเมืองเพราะงานของเขาไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ
แต่สภาพแวดล้อมและเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็พาเปเรย์ราเข้าใกล้สถานการณ์บ้านเมืองมากขึ้น เนื่องจากมีโรสซีนักศึกษาจบใหม่ที่มีงานเขียนเข้าตาเปเรย์รา เขาจึงติดต่อไปเพื่อให้มาร่วมงานกันในหน้าวัฒนธรรม แต่โรสซีดันมีสไตล์การเขียนที่ดูท่าจะเอนเอียงไปฝักใฝ่เรื่องการเมืองมากไปหน่อย ทำให้ไม่มีผลงานเขียนชิ้นไหนเลยที่ได้ตีพิมพ์กับลีชโบอา การรู้จักกันของเปเรย์ราและโรสซีทำให้ชีวิตพ่อหม้ายตัวคนเดียวของเปเรย์ราเปลี่ยนไปเยอะมาก เขาจำเป็นต้องจ่ายค่าคอลัมน์ให้โรสซีถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกใช้งาน ช่วยเหลือโรสซีและญาติของโรสซีด้วยเหตุผลหลายอย่าง และค่อย ๆ นำพาเราไปสู่จุดพีคช่วงท้ายเรื่องที่สปอยล์ไม่ได้และตอนจบที่ทั้งอึ้งทั้งช็อค
คำยืนยันของเปเรย์รา เป็นการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเคยเจอ เหมือนกับนักเขียนถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้ยินมาแล้วเล่าให้เราคนอ่านฟังอีกต่อหนึ่ง เล่าเรื่องชีวิตของเปเรย์ราผ่านมุมมองของคนอื่นอีกที
นิยายเรื่องนี้มีหลายประเด็นที่อ่านแล้วบางทีก็อยากกรี๊ด บางทีก็โมโห โกรธ มาแทบทุกอารมณ์ และบางตอนก็ทำให้เราอินมากเพราะสถานการณ์มันคุ้นแปลก ๆ ยังกะอ่านเรื่องของประเทศตัวเองอะ แต่ที่น่าเศร้าใจเพราะมันคือเรื่องของโปรตุเกสเมื่อ 80 ปีที่แล้ว แต่ดันมาตรงกับบ้านเราในตอนนี้อะดิ ...
เราว่าการค่อย ๆ แทรกประเด็นบ้านเมืองเข้ามาในวิถีชีวิตอันน่าเบื่อของเปเรย์ราคือเสน่ห์ของเรื่องนี้ เปเรย์ราโดนคนโน้นคนนี้พูดใส่อยู่ตลอดเวลาว่า น่าเสียดายที่คุณเป็นนักหนังสือพิมพ์แต่กลับไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบ้านเมืองหรือสังคมเลย มันเลยเป็นปมเล็ก ๆ ในชีวิตทำให้เขาเริ่มที่จะเข้าหาเรื่องการเมืองมากขึ้น โดยการไปฟังข่าวจากพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารบ้าง หรือฟังจากแฟนของโรสซีบ้าง
เป็นเรื่องที่เราแนะนำให้อ่านนะ ถึงแม้ว่าต้องใช้ความพยายามในการอ่านข้ามวิถีชีวิตที่น่าเบื่อช่วงแรกของเปเรย์ราไปก่อน ถึงจะเจอความพีคของมัน
อีกอย่างที่เราอินเป็นพิเศษเพราะหน้าที่การงานด้วยมั้ง งานที่เราทำก็เป็นกึ่งนักข่าวนักเขียนอยู่เหมือนกัน แต่ทัศนคติของคนที่เป็นหัวหน้าเราอีกทีกลับไม่ให้เราไปใส่ใจเรื่องการเมืองมากเกินไปนัก เป็นอะไรที่โคตรจะย้อนแย้ง...
Anyway
รับรองว่าอ่านแล้วอินแน่ เพราะอย่างกับเอาเรื่องบ้านเมืองเรามาแต่งแหนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in