เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความฝัน บันทึก ฝึกงาน ร้านหนังสือLinderelly
คาบที่ 8 : ความสุขของนิสิตฝึกงานร้านหนังสือ
  • สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน

    วันนี้ลี่จะมาเผยความลับในคาบสุดท้ายของวิชาร้านหนังสือกันนะคะ
    สิ่งนั้นก็คือ “ความสุข” ของการเป็นนิสิตฝึกงานในตำแหน่งพนักงานร้านหนังสือนั่นเองค่ะ

    สำหรับคนรักหนังสือหลายคนการได้ทำงานร้านหนังสือคงเป็นความฝันที่สวยงามเลยใช่มั้ยคะ ซึ่งหลังจากที่ลี่ได้เข้ามาฝึกงานกับที่ร้าน อยากบอกว่า มันก็มีส่วนที่ไม่สนุกและต้องจริงจัง แต่ในส่วนของความสุขก็มีจริง ๆ อย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ค่ะ 

    เพราะทุกวันตอนเช้า สถานที่ที่เรามุ่งหน้าไปไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นที่ทำงาน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เราเดินทางไปเพื่อดูแลหนังสือที่กำลังตามหาเจ้าของแทน แค่เริ่มต้นวันก็รู้สึกดีแล้วค่ะ และหน้าที่สำคัญที่เด็กฝึกงานอย่างลี่ได้รับคือการรีวิวหนังสือ คุยกับลูกค้าและแพ็คหนังสือส่ง

    ลี่รู้สึกว่าการทำงานร้านหนังสือสร้างความสุขและกำไรชีวิตให้เราเป็นอย่างมาก ทั้งสิทธิพิเศษที่เราสามารถอ่านหนังสือทุกเล่มในร้านได้ เพื่อทำความเข้าใจก่อนเขียนรีวิวและการได้ลองอ่านหนังสือแปลก ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสหยิบขึ้นมาอ่าน รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับหนังสือแนวต่าง ๆ จากรุ่นพี่ที่รักการอ่านหนังสือเช่นเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้การทำงาน ไม่เหมือนการทำงาน แต่เหมือนการได้ทำในสิ่งที่เราชอบและสนใจนั่นเองค่ะ

    ในส่วนของการคุยกับลูกค้า ลี่ไม่อยากจะบอกว่า ทุกท่านที่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านคือลูกค้าเลยค่ะ เพราะสำหรับลี่และสิ่งที่พี่ ๆ ที่ร้านปฏิบัติกับลูกค้า เราควรพูดว่า ลูกค้าทุกท่าน คือ “เพื่อนนักอ่าน” เสียมากกว่า การได้คุยกับลูกค้าหลายท่าน ที่บางท่านอ่านหนังสือมามากกว่าเราหลายเท่า ทำให้เราได้ทั้งความรู้ที่เพิ่มขึ้น และรู้สึกสุขใจที่ได้หาคู่ให้หนังสือกับคนอ่านได้ เจอกันในเวลาที่ใช่ ต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามา ให้โอกาสลี่ได้ มีความสุขและมีรอยยิ้มเบื้องหลังแมสก์ที่ปิดอยู่ทุกครั้งที่พูดคุยกันเลยนะคะ

    อีกความสุขหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การได้แพ็คหนังสือส่ง อันนี้อาจจะแปลกสำหรับหลายคน แต่ลี่เป็นคนที่ชอบห่อหนังสือมากเลยค่ะ บางครั้งก็คิดน้อยใจแทนจดหมายและโปสการ์ดที่เคยเป็นการสื่อสารหลัก แต่ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี ส่วนตัวลี่ชอบเวลาได้ส่งโปสการ์ดอวยพร ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมาก ๆ เป็นช่วงเวลาแห่งความสร้างสรรค์เลยค่ะ จะทำยังไงให้คนรับเปิดกล่องมาแล้วอมยิ้มดีนะ555+ 

    ฟังแล้วคงคิดว่าเป็นความสุขที่ตลกดีใช่มั้ยคะ แต่นี้แหล่ะค่ะ ความสุขของลี่

    อีกสิ่งหนึ่งที่คงไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ความสุขที่ได้เพิ่มความกล้า และรับรู้ว่า เราก็พอทำได้เหมือนกัน
    เนื่องจากก่อนที่ลี่จะเริ่มฝึกงานกับที่ร้าน เป็นช่วงเวลาที่ลี่สร้างเพจรีวิวหนังสือและคลับอ่านหนังสือของตัวเองขึ้นมาค่ะ ซึ่งตอนแรกลี่ก็อ่านหนังสือไป รีวิวหนังสือเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะไม่ค่อยมั่นใจว่าเราจะทำได้ดีมั้ย 

    จนกระทั่งได้เข้ามาฝึกงาน ได้ทำอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับหนังสือ และได้รับแรงบันดาลใจจากพี่ ๆ ทีี่พยายามช่วยกันดำรงวงการหนังสือของไทยเอาไว้ รวมทั้งกำลังใจจากผู้ฟังในคลับเฮาส์ ทำให้ลี่เริ่มมั่นใจมากขึ้น ที่จะเริ่มทำเพจและทำในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างจริงจัง จนในปัจจุบันนี้ลี่นำความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้ มาพัฒนาความชอบของตัวเองด้วยการสร้างเพจรีิวิวหนังสือขึ้นมา 

    ลี่รู้สึกขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านที่ให้ความเมตตา ขอบคุณคุณครูและเจ้าของร้านซอมบี้บุ๊คที่ให้โอกาสลี่ได้รับประสบการณ์ดี ๆ และขอบคุณกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ทุกคนรวมถึงผู้ติดตามทุกท่านด้วยนะคะ ที่ทำให้ลี่ได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา

    ลี่หวังว่าในทุกตัวอักษรที่ลี่นำมาบอกเล่าเรื่องราวจะช่วยสร้างรอยยิ้มหรือประโยชน์ในกับผู้อ่านทุกท่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อย สุดท้ายนี้ ลี่ขอลาคาบเรียนสุดท้ายของวิชาร้านหนังสือไป ด้วยคำพูดดี ๆ ของ บี.เอฟ. สกินเนอร์ จากหนังสือเรื่อง หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ โดย Jimmy Liao นะคะ

    “เราไม่ควรสอนเรื่องหนังสือดี ๆ แต่ควรสอนคน ให้รักที่จะอ่าน ความรู้ในงานวรรณกรรมไม่กี่เล่มเป็นความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ความรู้สึกที่อยากจะอ่านต่อไปเรื่อย ๆ ต่างหากคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่” — หากโลกนี้ไม่มีหนังสือ

    ขอบพระคุณสำหรับการอ่าน ขอให้ทุกคนมีความสุขไม่ว่าชีีวิตจะพาเราไปสู่สถานการณ์เช่นไร และขอให้น้อง ๆ ที่กำลังหาที่ฝึกงานทุกคนได้พบที่ฝึกงานที่เหมาะสมกับเราที่สุดนะคะ หากใครคิดถึงกันก็สามารถแวะไปทักทายลี่ที่เพจ Linderelly ได้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ในโอกาสหน้าค่ะ  •͈ᴗ•͈ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in