เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
I love not man the less, but books moreรั่วชิงบ้านสกุลหาน
(Book) รีวิว มุมมองนักอ่านพระเจ้า เล่ม 1-2
  • มุมมองนักอ่านพระเจ้า เล่ม 1-2
    ผู้เขียน : sing N song
    ผู้แปล : 8hours
    Levon
    23 เล่มจบ


    *รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับรีวิวนี้

    -จะไม่รีวิวพรีเมียมทั้งหลายนะคะว่ามีอะไรบ้าง เพราะรู้สึกว่ามีหลายคนพูดถึงแล้วในสื่อโซเชียลต่างๆ
    -เราไม่เคยอ่านภาษาต้นฉบับ แต่เคยอ่านแปลอังกฤษใน webnovel ช่วง Prologue - Episode 1 (2~3 ไม่แน่ใจค่ะ) รวมถึงไม่เคยอ่านสมัยแปลไทยเถื่อนด้วย ดังนั้นเรื่องศัพท์เฉพาะแปลถูกหรือผิดเราก็จะไม่ทราบเลยค่ะ
    -เราไม่เคยอ่านแปลไทยถูกลิขสิทธิ์ที่ลงใน readawrite ตอนนี้ด้วยเหมือนกันค่ะ
    -เราเคยอ่านมันฮวาแปลไทยใน webtoon ถึงตอนที่ 51 Ep.11 (3) แล้วจากนั้นก็ดรอปไว้ยาวเลยเพราะหนีไปอ่านมังงะญี่ปุ่นแทน 5555



              ได้เวลาหยิบมาอ่านสักที หลังจากที่ มุมมองนักอ่านพระเจ้า วางแผงไปเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา วันนั้นบังเอิญไปเดินงานหนังสือด้วยเลยแวะไปดูที่บูธนายอินทร์สักหน่อย เห็นตอนที่สต๊าฟกำลังเอาหนังสือมาจัดเรียงพอดีเลยล่ะ

              สำหรับนิยายเรื่องนี้...จะว่ายังไงดีน้อออ...ต่อให้คนที่ไม่เคยอ่านก็น่าจะพอเคยได้ยินชื่อมาบ้างล่ะมั้งเพราะถือว่าดังมากกกกทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ เรามารู้จักตอนที่ถูกวาดเป็นมันฮวาช่วงแรกๆ ค่ะ แต่ว่าไม่ได้อ่านนิยายเพราะเนื้อเรื่องแนวระบบ + มีความคล้ายเกมส์ออนไลน์แบบนี้ถือว่าอ่านยากสำหรับเรา ลองอ่านภาษาอังกฤษไปนิดหน่อยก็คือมึนไปเลย ไปต่อไม่ถูก ก็แบบว่ามันฮวามันยังมีภาพให้ดูใช่มั้ยล่ะ 5555

              แต่ต่อให้เราจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับเลยว่าลายเส้นมันฮวามันดือมาก ดกจายาโซควีนมากๆ *อวยส่วนตัว* แล้วแฟนอาร์ตเรื่องนี้ก็แบบ 100 คะแนนเต็ม *โฮกกกก* เพราะงั้นพอนิยายออกมาเลยคาดหวังนิดหน่อยด้วยเพราะเราเองก็ไม่รู้ด้วยว่าแนวเรื่องหลังจากนี้มันเป็นยังไง แนวทางการเขียนเป็นยังไง ที่รู้ก็แค่เนื้อเรื่องตามที่ได้อ่านใน webtoon เท่านั้นค่ะ

              คิดว่าน่าจะมีหลายคนที่ใหม่มากๆ สำหรับนิยายเรื่องนี้เหมือนกัน อาจจะเพราะได้ยินกระแสมาเยอะเลยเกิดความสนใจอยากลองอ่านบ้าง ถ้างั้นวันนี้เราจะรีวิวในแบบของคนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างจำกัด เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันนั่นแหละนะ

              สำหรับ มุมมองนักอ่านพระเจ้า เป็นเรื่องราวของพนักงานออฟฟิศผู้มีชีวิตธรรมด๊าธรรมดาอย่าง คิมดกจา ผู้มีงานอดิเรกคือการอ่านนิยายออนไลน์ในเว็บไซต์ระหว่างอยู่บนรถไฟฟ้า และเขาก็เป็นเเฟนคลับของ tls123 นักเขียนผู้เป็นเจ้าของนิยายแฟนตาซีเรื่อง สามวิธีการเอาชีวิตรอดในโลกที่ล่มสลาย ที่ดำเนินเรื่องมานานนับสิบปี ปล่อยให้อ่านฟรีมาทั้งหมด 3149 ตอน

              นิยายเรื่องนี้ไม่ฮอตเท่าไหร่ เพราะนับวันคนที่ตามอ่านก็น้อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหลือแค่ดกจาคนเดียว แต่ดกจาก็ยังตามติดนิยายเรื่องนี้อย่างเหนียวแน่น ทว่าวันหนึ่งจู่ๆ นักเขียนก็แจ้งว่าเขาจะลงตอนจบของนิยายเรื่องนี้และจะเริ่มเรียกเก็บเงินแล้วนะ แถมยังทักข้อความส่วนตัวมาขอบคุณดกจาพร้อมมอบไฟล์นิยาย.txt ให้เขาเป็นของขวัญอีกต่างหาก

              และเรื่องราวทั้งหลายก็เริ่มต้นขึ้นจากจุดนั้น โลกที่เคยคิดว่าธรรมดากลายเป็นโลกที่ซ้อนทับอยู่ในโลกของนิยายที่ดกจาได้อ่าน และมีเพียงดกจาคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจในทุกๆ ความเป็นไปของสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

              ต้องบอกว่าเป็นพล็อตนิยายซ้อนนิยายที่เราก็น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่มันไม่ใช่ทะลุมิติไปเป็น XXX แต่นี่คือโลกนิยายที่ซ้อนทับโลกของความเป็นจริง และเรื่องนี้ก็มีความเป็นสตรีมมิงเบาๆ เพราะชีวิตของดกจารวมถึงหลายๆ คนกลายเป็นช่องสัญญาณถ่ายทอดสดให้กับผู้ชมจากดวงดาวต่างๆ ได้รับชม โดยมี โทแกบี สัตว์ประหลาดพื้นบ้านตามตำนานของเกาหลีเป็นผู้ควบคุมช่องสัญญาณและประกาศซีนาริโอต่างๆ ที่ถ้าหากพลาดก็คือพลาดเลย ตายก็คือตายจริงด้วยเหมือนกัน เค...

              ทุกอย่างในโลกนี้ก็เหมือนกันกับเกม ที่มีสัตว์ประหลาด มีการอัพเลเวล รวบรวมปาร์ตี้ ซื้อขายไอเท็ม ฯลฯ แต่เราจะเห็นได้ชัดว่าดกจามองโลกในมุมมองของคนที่อ่านหนังสือจริงๆ เขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ แต่เจ้าตัวไม่ได้ใจดีช่วยทุกคนเหมือนฮีโร่ เขามองโลกตามความเป็นจริง อะไรที่ทำประโยชน์ให้ตัวเองได้ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด แม้บางครั้งเราผู้อ่านจะมองว่ามันดูเลือดเย็นหรือเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตาม

              แต่ที่เราชอบในตัวดกจาคือเขาไม่ได้คิดอยากพึ่งพิงคนอื่น ไม่ได้อยากเป็นคนที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มดาวต่างๆ เขาขวนขวายหาทุกอย่างมาได้ด้วยความสามารถของตัวเอง หรือพูดในแง่ของความเป็นจริงก็คือการแอบใช้สกิลโกงของคนที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน มาช่วยให้ตัวเองได้ในสิ่งที่ต้องการนั่นแหละ ดังนั้นคนที่ชอบคาแรคเตอร์ตัวละครที่เปี่ยมคุณธรรมมากๆ อาจจะรู้สึกซับซ้อนกับดกจาอยู่บ้าง แต่ส่วนตัวเราชอบเพราะมันมีความเป็นมนุษย์ดี 5555

              ตี้ของพระเอกก็เริ่มสะสมกันตั้งแต่ตอนอยู่บนรถไฟฟ้าเลย ทั้ง ยูซังอา พนักงานฝ่ายบุคคลที่อยู่บริษัทเดียวกันกับดกจา อีฮยอนซอง นายทหารยศร้อยโท ตัวละครในนิยาย 'สามวิธีรอด' อีกิลยอง เด็กชายที่มาพร้อมกล่องใส่แมลง ต่อมายังได้เจอกับ จองฮีวอน สาวแกร่งขวัญใจเราอีกด้วย

              นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวละครสุดสำคัญอย่าง ยูจุงฮยอก ตัวเอกของนิยาย 'สามวิธีรอด' ผู้ที่เจอหน้าดกจาปุ๊บก็จับดกจาโยนใส่ปากอิกทิโอซอรัสปั๊บ เยี่ยมจริงๆ / สำหรับดกจาแล้วเขาทั้งรักทั้งชังตัวละครตัวนี้ ตอนอ่านนิยายก็เดี๋ยวเชียร์เดี๋ยวด่าไบโพลาร์จะกิน คือเจ้าตัวก็แอบอีโมอยู่นะเพราะต่อให้เขาจะเป็นตัวละครในนิยาย แต่ก็ต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะเหมือนกัน ไม่แปลกที่จะไม่ไว้ใจใคร มนุษย์สัมพันธ์ก็ไม่ดีแต่ดันเก่งขั้นสุด แถมเปล่งออร่าเย็นยะเยือกเหมือนพระเอกซีรีส์อีกต่างหาก

              นี่ชอบเวลาที่ดกจาเจอหน้าจุงฮยอกมาก เพราะเปิดปากก็จะแบบ ไอ้เวX ไอ้ dog nation ฯลฯ แต่พอจุงฮยอกเข้าตาจนก็มีแค่ดกจาคนเดียวนั่นแหละที่พยายามอย่างถึงที่สุดในการดึงสติพ่อพระเอกของเรากลับมา

              และด้วยความที่เราอ่านมันฮวาเรื่องนี้ก่อนที่จะอ่านนิยายเราเลยเห็นตัวละครเป็นหน้าตามคาแรคเตอร์ในมันฮวาเลยค่ะ เราเป็นเอฟตีน้องกิลยองงี่ ตอนอ่านมันฮวาเห็นน้องเดี๋ยวก็โดดเกาะเอวเกาะแขนดกจา มาอ่านแบบบรรยายก็ใจเหลวไปในอีกเวย์หนึ่ง ออมม่ากา กิลยองงึล ซารางเงงง!!


              แล้วก็ตัวละครหญิงที่ชอบนอกจากจองฮีวอน ก็คือ อีจีฮเย นี่แหละ อีจีฮเยเป็นลูกศิษย์ (?) ของจุงฮยอก สองคนนี้ให้บรรยากาศที่คล้ายกันดีนะเราว่า และเป็นตัวละครที่ทำให้เราอ่านเล่ม 2 สนุกขึ้นด้วย

              ถ้าให้พูดคือส่วนตัวเราว่าเนื้อเรื่องเล่ม 2 สนุกกว่าเล่มแรกค่ะ เล่มแรกยังมีจุดที่ทำให้เราเบื่อๆ บ้าง แต่เรารู้สึกว่าเราเอนจอยกับการอ่านเล่ม 2 มากจริงๆ มันมีมุกตลกแทรกเข้ามาประปราย ถึงเราจะอ่านมันฮวามาแล้วแต่ก็ยังรู้สึกสนุกอยู่ดี โดยเฉพาะตอนดกจาอยู่กับฮีวอน ทำไมสองคนนี้เหมือนมีความสัมพันธ์แบบแอบจิกเปียกันตลอดเลยล่ะ 5555

              แต่เราแอบรู้สึกว่าในภาพรวมมันขาดการบรรยายไปหน่อย ตอนอ่านเราพบว่าหลายๆ จุดหลายๆ ตอนนักเขียนสามารถบรรยายให้เห็นภาพได้มากกว่านี้นะ แต่พาร์ทบรรยายโดยมากจะมีน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นพาร์ทสนทนากับข้อความของระบบมากกว่า เราชินกับการอ่านบรรยายหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างสัตว์ประหลาดก็จะบรรยายไปสักสี่ห้าบรรทัดว่าหน้าตามันเป็นยังไง แต่นิยายเรื่องนี้ก็มีสักสองบรรทัดอะไรงี้ หรือซีนอารมณ์ก็มาบรรทัดครึ่ง หลายๆ ครั้งเราเลยรู้สึกขาดอารมณ์ร่วมไปหน่อย

              แต่เรื่องนี้มันก็เป็นความรู้สึกส่วนตัวอีกนั่นแหละค่ะ เพราะคนที่ชอบก็คือชอบไปเลยนะ อีกอย่างรู้สึกว่ามันก็ทำให้การดำเนินเรื่องขยับไปไวมากด้วย ยิ่งไปกว่านั้นจะบอกว่าตอนที่อ่านเราคิดแบบนี้มาตลอดเลย จนกระทั่งเราอ่านไปถึงซีนหนึ่งที่ดกจาพูดถึงและมันทำให้เราร้อง omg ก็คือประโยคนี้ "เหตุผลที่สามวิธีรอดไม่ดัง? ง่ายมาก เพราะนักเขียนเป็นพวกลงรายละเอียดในการบรรยายเยอะเกินไป" เนี่ยยย จังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก แบบยอมรับว่าตอนอ่านเจอคือช็อกไปเลย โอเคท่านดกจา ข้าน้อยขอน้อมรับคำสั่งสอน 5555

              ส่วนการแปลอันนี้เท่าที่อ่านสองเล่มแรกเราว่ามันก็สมูธดี แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดแหละค่ะ มันก็ยังมีหลุดมาบ้างนิดหน่อย (ไม่ได้อ่านตอนลงครั้งแรกใน readawrite ด้วย เราเลยบอกไม่ได้ว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนหรือเปล่าอันนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ)

              คือเราว่าเรื่องพวกนี้มันต้องดูกันไปยาวๆ ปกตินิยายที่มีความยาวมากๆ นี่เราจะเริ่มเห็นความแตกต่างกันในเรื่องของคุณภาพช่วงเล่ม 7-8 หรือ 10-11 ประมาณนี้แหละ ยิ่งถ้าคนเคยอ่านต้นฉบับมาก็จะสามารถบอกความแตกต่างได้มากกว่าคนที่เพิ่งมาอ่านได้มากหน่อย แต่เราผู้ไม่เคยแตะเวอร์ชั่นนิยายมาก่อนก็บอกได้แค่ว่า ณ ตอนนี้มันยังโอเคอยู่เนอะ แต่ถามว่ามีบางจุดแอบหลุดมามั้ยก็มีอยู่ มีบางประโยคที่แปลแล้วก็ต้องทวนคำในสมองอีกหลายต่ออยู่เหมือนกัน

              ส่วนตัวเล่มมันก็บางจริงแหละ สำหรับพวกเนิร์ดหนังสือก็คือสามารถอ่านจบทั้งสองเล่มได้ภายในวันเดียว เรื่องจริง อันนี้เอาให้ดูว่าเราเอาหนังสือสองเล่มนี้ไปอ่านที่ร้านกาแฟโดยเอาใส่ซองหนังสำหรับใส่เอกสารไป ก็คือเอาไปแค่ตัวเล่มกับปกแจ็คเก็ตนะคะ ให้ดูว่ามันใส่ได้แบบที่พอปิดกระเป๋าแล้วก็ยังดูไม่หนาเท่าไหร่ด้วยแงงง


              เพราะงั้นเลยเข้าใจเลยแหละสำหรับหัวอกคนที่รู้สึกว่าราคามันแรงไป แต่ยังไงรีวิวกับอ่านจริงมันก็ไม่เหมือนกันอ่ะ คิดว่าควรซื้อมาลองอ่านเองแล้วค่อยดูว่ามันตรงไทป์มั้ยจะดีกว่า เราเพิ่งเห็นว่าสำนักพิมพ์ให้อ่านเล่ม 1 ฟรีด้วย ลองคลิกไปอ่านดูก่อนได้ค่ะ ที่นี่ 

              แต่อย่างเราอ่ะไม่ใช่สาย ebooks เพราะต้องเป็น physical books ถึงจะอ่านถนัดไม่ปวดตา ถ้าอยากลองซื้อมาอ่านก่อนก็ดีนะคะ ใครอยากสอยเลยตอนนี้งานหนังสือยังจัดอยู่ (แต่หมดวันที่ 6 นี้แล้ว!!) แวะไปได้ที่บูธ Amarinbooks B45 เห็นว่าที่บูธมีจัดโปรส่วนลดด้วย แต่ว่าใครสายออนไลน์ก็มีที่ amarinbooks.com กับ naiin.com ค่ะ

              แต่...ยังมีแต่...ถ้าให้แนะนำเราว่าตอนนี้ซื้อในแอพส้มดีกว่า คุ้มกว่า เหมาะจะซื้อมาเพื่อลองอ่านโดยเฉพาะเพราะลดเยอะมาก เห็นในแท็กก็มีคนไปซื้อในแอพส้มนะ ได้ส่วนลดเยอะเลย โปร 4.4 คือมีเพื่อช่วยเซฟเงินอีกแรง 5555 เปิด amarin official store แล้วก็ใส่ส่วนลดช่วงโปรได้เลย ซื้อช่วงนี้ค่อยรู้สึกว่าคุ้มหน่อย

              อ้อ ลืมเลย คืออยากรู้ว่าเล่ม 2 มันเหมือนกันทุกเล่มหรือเปล่า รู้สึกว่าภาพปกมันดูเบลอๆ เป็นพิกเซลเมื่อเทียบกับเล่มแรกที่คมชัดกว่าอ่ะ ส่วนกล่องที่จัดเซ็ตมาพร้อมกันก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ เราเผลอเอาหนังสือเล่มอื่นวางทับไปก็คือน้องเกือบเละ...

              เอาล่ะ พิมพ์ยาวพอแล้ว เรารู้สึกว่าแฟนนิยายเรื่องนี้มีเยอะมาก แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้เท่าไหร่เมื่อเทียบกับคนที่ตามมานาน เราเป็นอีกหนึ่งคนที่เพิ่งเริ่มอ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก สำหรับเล่มสองจบลงตรงที่แก๊งดกจาไปถึงสถานีชุงมูโร (และจบตอนได้เท่มาก ไอแอมจุงฮยอก โฮฮฮฮฮ ดกจายาาาา ) ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมันฮวาตอนที่เราอ่านค้างไว้พอดี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ของเราจึงจำกัดอยู่แค่ตรงนี้แหละค่ะ ถ้ามีอะไรที่เราเข้าใจผิดไปก็ขออภัยด้วยนะคะ

              แต่เหมือนเคยเห็นคนบอกว่าเนื้อเรื่องช่วงกลางๆ ถึงหลังๆ จะสนุกมาก ตอนนี้เลยเริ่มลังเลแล้วว่าจะอ่านมันฮวาต่อดีมั้ยเพราะเราทิ้งช่วงไปไกลอยู่ แต่รู้อย่างเดียวคือยังไงๆ ก็ไม่อยากถูกสปอยล์ค่ะตอนนี้ 5555

              Best Quote : ผมเป็นแค่คนธรรมดา ความสามารถที่มีก็ธรรมดามาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้แค่เรื่องธรรมดาเท่านั้น


    contact me
    twitter : @malavitabb


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in