ลูกชายฉันดูเหมือนจะเป็นเกย์ เล่ม 1เรื่อง/ภาพ : Okura
ผู้แปล : Pisces
Genres : Slice of Life, LGBTQ+
DEXpress
*รีวิวนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน*
"สงสัยว่าลูกชายฉันจะเป็นเกย์ที่ซื่อตรงและน่ารักมากเลยล่ะค่ะ"
มังงะที่เต็มไปด้วยความน่ารักนุ่มฟูแถมด้วยความเป็น Best supportive mom มากๆ ใครอยากหามังงะแนวๆ การเสริมสร้างความเข้าใจของคนในครอบครัวและสังคมเกี่ยวกับ LGBTQ+ ที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยแถมยังย่อยง่ายต้องเก็บเล่มนี้ลงลิสต์แล้วล่ะ
มังงะเรื่องนี้พูดถึงชีวิตประจำวันของครอบครัวอาโอยาม่า ที่คนเป็นสามีมักต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ คุณแม่เลยต้องอาศัยกับลูกชายสองคน และคุณแม่ของเราก็สังเกตได้ว่าคนที่ลูกชายคนโตอย่าง ฮิโรคิ ชอบนั้นอาจจะเป็นผู้ชายก็ได้ ถึงเจ้าตัวจะพยายามปิดไว้และดูเหมือนจะไม่กล้าบอกก็เถอะ แต่คุณแม่ของเรารู้สึกอยากให้กำลังใจ เพราะคุณแม่คิดว่า "ลูกชายฉันดูเหมือนจะเป็นเกย์ที่ซื่อตรงและน่ารักมาก"
"คำว่า "ผู้ชายต้องเป็นแบบนี้" เนี่ย อาจไม่มีอยู่ก็ได้นะ"
ตัวมังงะเล่าในมุมมองของคุณแม่ เราเลยจะได้เห็นความพยายามในการเอาใจช่วยลูกชายอยู่เงียบๆ คอยให้กำลังใจ คอยทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยในสถานการณ์ล่อแหลมต่างๆ เพราะฮิโรคิชอบหลุดปากพูดออกมาอยู่เรื่อยว่า "แฟนหนุ่ม" ไม่ใช่ "แฟนสาว" จากนั้นก็จะเกิดอาการเลิ่กลั่กทุกครั้งที่พูดผิด (รู้สึกได้ว่าเป็นหนุ่มน้อยที่ซื่อตรงและมองออกได้ง่ายจริงๆ)
ฮิโรคิ "คล้ายว่า" จะแอบชอบเพื่อนร่วมชั้นอย่าง ไดโกะคุง ผู้แสนจะตรงไทป์ของตัวเอง นั่นคือความแมนสมชาย ดูพึ่งพาได้ ไม่ปรุงแต่ง แถมยังใจเย็น อากัปกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้รู้ตัวนั้นทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของผู้เป็นแม่ตลอด และต่อให้ลูกชายจะเลิ่กลั่กทุกครั้งและพยายามแสดงออกว่าหลายๆ ครั้งเขาพูดผิด ไม่ได้หมายความตามที่เผลอพูดออกไป แต่ว่าตอนที่ได้เห็นลูกชายพูดถึงสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบจากใจจริงๆ นั้น คนเป็นแม่ก็รู้สึกมีความสุขมากทีเดียว
"เรื่องกลุ้มเนี่ย ไม่ใช่ของที่ต้องฝืนถามสักหน่อย แล้วก็มีเรื่องที่พูดลำบากเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอฮะ"
เราคิดว่ามังงะเรื่องนี้ดีมากทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่อ่าน เพียงพบบรรจบฝัน ที่พูดถึงสังคม LGBTQ+ เหมือนกันแต่เรื่องนี้มันมีความนุ่มฟูในครอบครัวมากกว่า เป็นมังงะประเภทที่ไม่ชวนให้รู้สึกปวดใจเวลาอ่าน เพราะมันเน้นไปที่วิธีในการพยายามซัพพอร์ตลูกชายในแง่มุมน่ารักๆ เต็มไปหมด
ซึ่งถ้าให้พูดเราคิดว่าการเริ่มต้นที่ครอบครัวนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะเด็กๆ หลายคนรู้ตัวว่าอาจจะชอบเพศเดียวกันเข้าแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะตกใจและอยากหาคนมาคุยด้วยเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ได้ซัพพอร์ตตรงนี้ตัวเด็กก็ไม่รู้จะคุยกับใคร สุดท้ายก็ต้องโดดเดี่ยวและรวดร้าวอยู่คนเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นความหวังดีของพ่อแม่อย่างการพยายามพูดว่า "ไม่มีเรื่องกลุ้มใจช่วงนี้บ้างเหรอ" หรือ "ไม่มีอะไรอยากปรึกษาบ้างเหรอ เราก็เป็นผู้ชายด้วยกันนะ" ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ได้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดอย่างตอนที่คุณพ่อผู้ออกไปทำงานไกลๆ บ่อยๆ กลับมาบ้านสักครั้งก็รู้สึกอยากให้ลูกพึ่งพาตัวเองเลยบอกออกไปว่ามาปรึกษาได้นะ แต่การที่จู่ๆ จะพูดออกไปว่าตัวเอง (อาจจะ) ชอบเพศเดียวกันเข้าแล้วนั้น มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดออกไปได้ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ
ดังนั้นน้องชายของฮิโรคิ อย่าง ยูริคุง ผู้ดูไร้อารมณ์ หน้าตาย ไม่ค่อยพูด แต่ดูเหมือนจะความรู้สึกไวและอาจจะเข้าใจในตัวพี่ชายเป็นอย่างมาก ถึงได้พูดขึ้นมาว่า "เรื่องกลุ้มเนี่ย ไม่ใช่ของที่ต้องฝืนถามสักหน่อย แล้วก็มีเรื่องที่พูดลำบากเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอฮะ"
...น้องคือ MVP ของเรื่องนี้เลยล่ะ
"ผมเป็นผู้ชาย แต่ไม่สนใจทั้งเรื่องความรักหรือเพื่อนต่างเพศเลยสักนิด แล้วมันใช้ไม่ได้ตรงไหนเหรอฮะ?"
ยังคงเป็นคำพูดจากยูริคุงที่เรารู้สึกว่าต่อให้เด็กคนนี้จะไม่ค่อยแสดงออกแต่พอเราลองปล่อยให้เขาได้พูดออกมา เขากลับมีความคิดเห็นที่น่าสนใจมากในทุกๆ ครั้ง
อย่างเช่นเรื่องที่ว่าพวกผู้ใหญ่มักพูดว่าเป็นเด็กผู้ชายก็ต้องสนใจเด็กผู้หญิงสิ ไม่มีเด็กผู้หญิงที่ชอบเลยเหรอ ก็แล้วถ้าไม่ชอบล่ะ? แบบนั้นใช้ไม่ได้ตรงไหนกัน ความจริงเรื่องพวกนี้ถือเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากๆ และหลายครั้งที่พวกผู้ใหญ่มักละเลยไปและตั้งกฏเกณฑ์เอาไว้ว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง เหมือนอย่างที่สีฟ้าเป็นสีของผู้ชาย สีชมพูเป็นสีของผู้หญิงนั่นแหละ เด็กผู้ชายไม่มีสิทธิ์ชอบสีชมพูหรือไง แล้วถ้าเด็กผู้หญิงชอบสีฟ้ามันเป็นเรื่องที่ผิดเหรอ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ควรตระหนักได้ว่าอันที่จริงแนวคิดพวกนี้มันประหลาดเกินไป ชอบก็คือชอบ ชอบแล้วรู้สึกมีความสุขที่ได้ชอบมันก็เป็นเรื่องดีแล้ว แค่นั้นเองนี่นา
ในมังงะเองก็มีซีนที่เขียนให้คนเป็นพ่อพูดถึงละครชายรักชายที่เด็กผู้หญิงในออฟฟิศกำลังชอบดูกัน ว่าไม่เข้าใจเลยว่ามันดีตรงไหน เห็นผู้ชายกับผู้ชายจูบกันแล้วน่าขยะแขยงออก ก็จริงที่พ่อพูดไปเพราะไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของลูกแถมยังไม่ได้คิดมาก แต่ตัวลูกที่ฟังก็คือหน้าเสียไปแล้วนิดหน่อย เราคิดว่านี่มัน relate กับหลายๆ ครอบครัวดีนะ โชคยังดีที่มังงะเรื่องนี้มีคุณแม่คอยสังเกตและพยายามสร้างสถานการณ์ให้ตัวลูกรู้สึกโอเคอยู่ ด้วยการบอกให้คุณพ่อลองไปดูสิว่าละครเรื่องนี้มันดียังไง จะได้คุยกับคนในออฟฟิศรู้เรื่อง
จะว่าไปพ่อแม่สมัยนี้ต้องทำความเข้าใจได้แล้วนะว่ารักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร และบางครั้งการพูดอะไรออกมาแบบไม่ได้คิดมากนั้นเราไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เราพูดออกไปมันจะสร้างบาดแผลให้กับกับใครหรือเปล่าโดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
คุณแม่ในมังงะเรื่องนี้ตอนที่พบว่าลูกชายตัวเองอาจจะชอบเด็กผู้ชายด้วยกันเข้าแล้วนั้น ความจริงก็คิดมากอยู่ แต่พอรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรและลูกชายมีความสุขดีก็เลยปล่อยไป หลังจากนั้นก็พยายามสร้างบรรยากาศเพื่อให้ลูกรู้สึกว่าโอเค เรื่องพวกนี้มันไม่มีอะไรน่ากลัว รอให้เจ้าตัวพร้อมที่จะเปิดอกพูดคุยกับพ่อแม่ด้วยตัวเองอย่างไม่ต้องรู้สึกอับอายอะไร นี่ต่างหากที่ควรทำ
มังงะเรื่องนี้เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่ยิ่งควรอ่าน ใดๆ คือ give the mom an award ค่ะ คุณแม่น่ารักมาก นี่คือตัวอย่างที่ดีที่ผู้ใหญ่หลายๆ คนควรเป็น
ตุ๊กตาที่ได้จากไดโกะคุง คุณแม่ก็อุตส่าห์ช่วยเย็บติดกับกระเป๋าให้ด้วย
น่ารักทั้งไอเดีย น่ารักทั้งคุณแม่เลยเนอะ
มังงะเรื่องนี้ไม่แน่ใจว่าลงในเว็บของ DEXpress หรือยังนะคะเพราะลองค้นดูแล้วหาไม่เจอ แต่เข้าใจว่าเหมือนก่อนหน้านี้มีให้พรีออเดอร์เอาไว้ด้วย ส่วนตัวเราแวะไปซื้อมาที่งานหนังสือ บูธ DEXpress D57 ตั้งอยู่บริเวณชั้นลอยของสถานีกลางบางซื่อค่ะ
contact me
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in