ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขา เล่ม 1ผู้เขียน : โร่วเปาปู้ชือโร่ว
ผู้แปล : Bou Ptrn
Rose Publishing
10 เล่มจบ
อ่านจบแล้ว จะร้อง แค่เล่มแรกแต่มันดีมากอ่ะคุณ หลากอารมณ์ไปหมด ย้ำว่านี่แค่เล่มแรกจากบรรดา 10 เล่ม!
ตอนแรกลังเลว่าจะเขียนรีวิวดีมั้ยเพราะ
ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขา หรือ
2ha เป็นเรื่องดังในหมู่นักอ่านนิยายวาย ที่ต่อให้ยังไม่มีแปลไทยแต่ก็มีหลายคนหยิบมาพูดถึงกันอยู่แล้ว แต่คิดไปคิดว่ายังไงซะมันก็เป็นแปลไทยเล่มแรกนะ ยังมีหลายคนที่ไม่ได้ไปอ่านอิ้งอ่านจีนมาก่อน รออ่านแปลไทยทีเดียวเหมือนเรา เพราะงั้นก็น่าจะหยิบยกมาพูดถึงเพื่อประกอบการตัดสินใจกันได้เนอะ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อราชันเหยียบเซียนแห่งโลกบำเพ็ญเพียรอย่าง
โม่หราน ตัดสินใจฆ่าตัวตายเมื่อเขาไม่รู้ว่าจะอยู่ในโลกนี้ต่อไปเพื่ออะไร ในวัยสามสิบกว่าปีเขามีทุกอย่างเพียบพร้อม ทั้งก้าวหน้าเหนือผู้ใด ใต้หล้าสยบยอม แต่งภรรยารับอนุหน้าตาดีไว้เคียงข้าง ไม่ว่าใครต่างก็ก้มหัวให้กับความโหดเหี้ยมอำมหิตนั้น แต่เขากลับพบว่าชีวิตนี้ของตนไม่น่าสนใจอีกต่อไป เมื่อคนที่เขาชิงชังเคียดแค้นที่สุดอย่าง
ฉู่หว่านหนิง ไม่อยู่แล้ว
แต่ว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกหน เขากลับพบว่าตัวเองย้อนอดีตมาอยู่ในร่างของเขาสมัยที่ยังอายุได้สิบหกปี เป็นช่วงเวลาที่ความชั่วร้ายเลวทรามทั้งหลายในชีวิตเขายังไม่เกิด และแน่นอนว่าสารเลวฉู่หว่านหนิงผู้นั้นก็ยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน
ฉู่หว่านหนิงเป็นอาจารย์ของโม่หราน หนึ่งในผู้อาวุโสแห่งเขาสื่อเซิง เป็นบุคคลที่โม่หรานชิงชังรังเกียจแบบเข้ากระดูกดำ ก่อนฆ่าเขาตายด้วยน้ำมือตัวเองนั้นโม่หรานก็ทรมานอีกฝ่ายสารพัดสารเพให้สมกับความแค้นที่อัดแน่นมาในใจตลอดหลายปีที่ผ่านมา
พอได้ย้อนเวลากลับมา ความแค้นเหล่านั้นไม่ได้หายไปด้วย ฉู่หว่านหนิงเองก็ยังเป็นเหมือนเดิม เป็นซือจุนที่ดุร้ายและชอบตีคน ปากร้าย นิสัยไม่ดี รักศักดิ์ศรีและหน้าตา เอะอะก็ชอบเอาแส้ฟาดคนอื่น ไม่ว่าใครล้วนแล้วแต่เกรงกลัวไม่กล้าเข้าใกล้เพราะความอารมณ์ร้ายของเขา
แต่ว่าการได้ย้อนกลับมาแบบนี้ก็ทำให้โม่หรานได้เจอกับ
ซือเม่ย ศิษย์พี่รูปงามนิสัยดี เป็นบุรุษที่เขาปักใจรักมาเนิ่นนาน ทุกสิ่งที่ดีงามล้วนแล้วแต่ต้องยกให้คนผู้นี้ แต่ว่าในชาติก่อนซือเม่ยต้องตายลงในอ้อมกอดเขา และในตอนนั้นผู้เป็นอาจารย์อย่างฉู่หว่านหนิงกลับไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือสักนิด นั่นเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้โม่หรานชิงชังคนผู้นี้อย่างสุดใจ
ศิษย์อีกคนในการดูแลของฉู่หว่านหนิงคือ
เซวียเหมิง เขาเป็นบุตรชายของท่านประมุขหุบเขา และเป็นลูกพี่ลูกน้องของโม่หราน แต่คนเป็นศิษย์ก็คล้ายกันกับอาจารย์ เป็นบุตรรักของสวรรค์ และชอบตีฝีปากกับโม่หรานอยู่บ่อยๆ
คนที่ควรอยู่ก็ยังอยู่ คนที่ไม่อยู่แล้วตอนนี้ล้วนแต่อยู่กันครบหน้า แต่อยู่ไปอยู่มาโม่หรานกลับต้องตั้งคำถามในใจ ความชิงชังรังเกียจที่มีให้ฉู่หว่านหนิงยังคงอยู่ แต่ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้กลับค่อยๆ เด่นชัดขึ้นอย่างน่าประหลาด
โอเค ตัดตรงนี้ ต่อไปนี้จะเริ่มสปอยล์เนื้อหานิดๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เราอ่านรีวิวเนื้อหาคร่าวๆ ของฮัสกี้มาบ้างค่ะ แต่ไม่มาก และอ่านไปอ่านมาก็งง 5555 ไอ้เรื่องโม่หรานเวอร์ชั่นต่างๆ 0.5 / 1.0 อะไรนี่อ่านแล้วค่อนข้างสับสนเล็กน้อย จนมาเห็นคุณบู๋อธิบายไว้ในหน้าคำนำแบบสั้นๆ จึงรู้สึกกระจ่างขึ้นมา เลยขอยกมาไว้ตรงนี้หน่อย
โม่หราน 0.5 = โม่หรานในชาติก่อน
โม่หราน 1.0 = โม่หรานที่เกิดใหม่ในชาติปัจจุบัน
โม่หราน 2.0 = โม่หรานในชาติปัจจุบันที่เก่งกาจจนกลายเป็นปรมาจารย์
สำหรับเล่มแรกนี้เราจะค่อยๆ สัมผัสว่าในชาติก่อนโม่หรานทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังซือจุนของเขา แล้วในชาตินี้ล่ะเขาจะปฏิบัติต่อซือจุนของเขายังไง
ตอบได้เลยว่า
หมา! คือที่อ่านมานะ เราบอกได้แค่ว่าโม่หรานเป็นหมาน้อยที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาปักใจว่าตัวเองชอบคนผู้หนึ่ง (ซือเม่ย) และเกลียดคนผู้หนึ่ง (ฉู่หว่านหนิง) แต่เขากลับไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วใจเขารู้สึกอย่างไรกันแน่
สิ่งที่โม่หรานต้องการคือการยอมรับจากซือจุนของเขา โม่หรานมีความหมกมุ่นอย่างประหลาดต่อการยอมรับของฉู่หว่านหนิง แค่อยากให้อีกฝ่ายชมเขา อยากให้อีกฝ่ายมองเขา แรกเริ่มของการพบหน้ากันครั้งแรกของศิษย์อาจารย์คู่นี้ก็เป็นโม่หรานเองที่รู้สึกชอบอีกฝ่ายก่อน จนอยากจะเข้ามาเป็นศิษย์ของฉู่หว่านหนิง แต่พอได้เป็นศิษย์ของฉู่หว่านหนิง ได้รับการปฏิบัติที่โหดร้าย เดี๋ยวตีเดี๋ยวด่า ไม่ว่าจะทำอะไรฉู่หว่านหนิงต้องขัดขวางเขาไปทุกเรื่อง อีกทั้งยังมีการตายของซือเม่ยที่เขาปักใจว่ารักเข้ามาเกี่ยวข้องอีก มันเลยกลายเป็นโม่หรานเวอร์ชั่นจำเลยรักไปเสียอย่างนั้น
ส่วนฉู่หว่านหนิง...ไอ้บ้าเอ๊ย จะว่ายังไงดีล่ะ คือคนคนนี้ก็อย่างที่บอกไป ถ้ามองจากมุมมองคนนอกคือไม่น่าคบหา แต่การที่เราได้เรียนรู้นิสัยของเขาผ่านมุมมองพระเจ้าแบบนี้มันทำให้เราได้รู้ว่าที่จริงแล้วฉู่หว่านหนิงเป็นอาจารย์ที่ใส่ใจในตัวศิษย์มากๆ แต่เพราะเขามีนิสัยไม่ชอบพูดอะไรกับใคร ตีหน้าไม่อยากให้คนเข้าใกล้เป็นนิตย์ สุดท้ายเลยถูกผู้คนหมางเมิน ถูกคนเกรงกลัว ตัวเองก็เดินต่อไปบนความเดียวดายยาวไกลนี้ น้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ่อยๆ แต่ก็ได้แต่เก็บกลั้นไว้ไม่บอกใครออกมา
เราอ่านแล้วแบบ...แงงงง มีหลายครั้งมากที่อ่านซีนอารมณ์ของฉู่หว่านหนิงแล้วมันแบบแงงงง
คือเอาจริงนะ ตอนแรกเรายังคิดว่าโม่หรานเคียดแค้นฉู่หว่านหนิงขนาดนั้น เขาน่าจะมีเอฟเฟ็คต์แบบพระเอกจำเลยรักที่เดี๋ยวก็ตาขวางใส่เดี๋ยวก็พูดจาโหดร้ายใส่ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกได้ว่าไอ้นี่มันหมาจริงๆ เป็นหมาโง่ที่เขายื่นกระดูกให้แทะทุกวันกลับไม่สนใจเขา พอเขาเปลี่ยนไปเอาฟางหญ้าให้นกจิกกินไม่ยื่นกระดูกให้เขาแทะแล้วเขาเพิ่งมาพบว่ามีบางอย่างไม่ปกติ บอกตัวเองว่าจะไม่สนใจเขา ถ้าสนใจเป็นหมา สุดท้ายก็ยอมเป็นหมาเอง โว้ยยย
และต่อให้ชาติก่อนโม่หรานจะทรมานอาจารย์ตัวเองสารพัดด้วยวิธีต่ำช้าแค่ไหน แต่พอกลับมาอยู่ในร่างของเด็กอายุสิบหกที่ตัวยังสูงไม่เท่าอาจารย์เขาก็หงอบ่อยเหมือนกันนะ ยังกลัวอาจารย์ไม่กล้าหืออาจารย์อยู่ แต่ว่ากลับชอบเตลิดคิดไปถึงสัมผัสทางกายที่เคยบีบบังคับจับผู้อื่นกระทำในชาติก่อนขึ้นมาบ่อยๆ ซึ่งก็หมาอีกแล้วเพราะตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ชาติก่อนตัวเองร้ายกาจแล้ว จะทำอะไรก็ทำได้ ชาตินี้กลับไม่ใช่ ต้องคอยปิดประตูหนีเท่านั้น 5555
ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็น่าสนใจค่ะ ซือเม่ยนี่ไม่รู้สิ อ่านแล้วนึกถึงตัวประกอบใสๆ ใจดี แต่ว่าก็ทำให้รู้สึกแอบหมั่นไส้เบาๆ อ่ะ แต่ก็แบบเออ ศิษย์พี่แบบนี้มีใครที่ไหนไม่ชอบบ้างวะ อย่างน้อยก็ไอ้ต้าวหมาฮัสกี้ตัวหนึ่งละ 5555
แต่ว่าคนที่เรารู้สึกชอบคือเซวียเหมิง เซวียเหมิงคือยามอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหลายเขาคือพญาหงส์ ยามอยู่เบื้องหน้าฉู่หว่านหนิงกลายเป็นนกกระทาตัวหนึ่ง เป็นเด็กที่รักอาจารย์มากกกก เห็นได้เลยว่าใส่ใจอาจารย์มากๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความรักแบบเกรงๆ ไปพร้อมกันนะ ที่สำคัญคือเขาไม่ชอบโม่หราน แต่ช่างเถอะ เพราะโม่หรานก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน 5555
ในเล่มแรกนี้อีเว้นท์ยังไม่เยอะมาก หลักๆ คือการพูดถึงการย้อนอดีตกลับมาของโม่หราน ลงไปปราบปีศาจอาละวาด และการไปเลือกอาวุธศาสตราในช่วงหลังของเล่ม
ที่เราชอบที่สุดคือการไปปราบปีศาจ ตอนแรกยังเฉยๆ มีซีนให้จั๊กจี้หัวใจบ้างระหว่างตัวเอกทั้งสอง แต่ที่เราโฟกัสกลับไม่ใช่เรื่องนั้น เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เราประทับใจมากคือ
หลัวเซียนเซียน ผู้เขียนเขียนเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ออกมาได้แบบจับจิตจับใจมาก อ่านแล้วแบบสงสาร ชอบการที่เขียนให้ตัวละครย้ำว่า
"ข้าไม่ได้ขโมยส้ม" "ข้าไม่ได้โกหก" คือมันแบบเออ สิ่งที่ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องเจอมันหนักหนาสาหัสมาก โดนรวมหัวกระทำแบบนั้นไม่แปลกใจที่ตายแล้วจะกลายเป็นผีร้าย เชื่อว่าใครอ่านพาร์ทนี้ก็ต้องสงสารหลัวเซียนเซียนเหมือนเราอ่ะ
ในเรื่องของการเขียน ต้องบอกตรงนี้ก่อนว่าเนื้อหาเน้นไปทางบรรยายความรู้สึกนึกคิดของโม่หรานมากกว่าฝั่งของฉู่หว่านหนิง เหมือนกับต้องการให้เราได้เข้าใจความประสาทแดกของตัวละครนี้ ให้เราค่อยๆ เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีพฤติกรรมแบบนั้น และต้องยอมรับว่าโม่หรานก็ไม่ใช่คนดีอะไร ความรู้สึกนึกคิดก็เหมือนกัน (แต่มันมีที่มาที่ไปนะ) ดังนั้นการใช้ภาษาบางครั้งก็หยาบคายไม่น้อยเลย หลายครั้งที่แบบเอ่อ...เพลาๆ หน่อยลูก 5555
แต่เราชอบพาร์ทการบรรยายซีนอารมณ์ของผู้เขียนมากจริงๆ ชอบมากๆ ชอบการใช้การเปรียบเทียบของเค้า แบบมันอ่านแล้วเห็นภาพ สามารถเข้าถึงฟีลลิ่งต่างๆ ได้ ดังนั้นตอนต้นเราถึงบอกว่ามันครบรสมากเลย อ่านไปเหมือนจะเป็นไบโพล่าร์ หัวเราะอยู่จู่ๆ ก็อยากร้องไห้ ไอ้บ้าเอ๊ยยย
และนี่เพิ่งเล่มแรก! คุณพระ ยังเหลืออีกเก้า! แต่ในเล่มแรกนี้ยังไม่ได้ทริกเกอร์เท่าไหร่นะ อยู่ในลิมิตนิยายทั่วไป ยกเว้นเจ้าลูกชายโม่หรานที่ใช้ภาษาชวนให้แม่กุมใจอยู่บ่อยครั้ง 5555 (พูดไปแล้วเพิ่งนึกได้ ในหน้าแรกก่อนเข้าเนื้อหาโรสใส่ Trigger warning มาให้ด้วยค่ะ ดีมากกก) ต้องนับถือคุณบู๋เลย แปลดีมาก เราชอบจริงๆ คนเขียนเขียนดีมันก็ส่วนหนึ่ง แต่การที่คนแปลถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างไหลลื่นทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมไปได้ด้วยนั้นก็สำคัญนะ และคุณบู๋ก็สอบผ่านอ่ะ
ส่วนตัดจบค้างมั้ย...ค้าง!!! แต่ถึงอย่างนั้นก็อิ่มเอมใจมาก อิ่มเอมใจในแง่ที่ตัวนิยายมันครบรส แค่เล่มแรกก็ทำให้คนอ่านรู้สึกตกหลุมรักได้แล้ว แต่เห็นแววปวดตับมาลอยมาไกลๆ แค่ในเล่มนี้ดิชั้นปวดใจแทนฉู่หว่านหนิงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วค่ะ ยังเหลืออีกเก้า รู้ชะตากรรมตัวเองเลย บาย
เอาเป็นว่าใครอยากลองอ่านก็แนะนำให้อ่านเลยนะ แต่ใครทนไหวอยากรออ่านยาวๆ ก็รอเล่มสองมาก่อนค่อยอ่านก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ค้าง
Best Quote 1:
คนสองคน หนึ่งยืน หนึ่งคุกเข่า กั้นด้วยหน้าต่างฉลุลายสีชาด กั้นด้วยห้องโถงอันเงียบเหงาวังเวง
หากเป็นก่อนเกิดใหม่ โม่หรานมีสถานะมากพอ สามารถบุกเข้าไปในตำหนัก สั่งการฉู่หว่านหนิงให้ยุติการสำนึกตน กลับไปพักผ่อนได้
หากฉู่หว่านหนิงไม่ยินยอม เขาก็มีความสามารถเพียงพอที่จะผนึกแขนขาของฉู่หว่านหนิง อุ้มคนไปอย่างหยาบคาย
ทว่าเวลานี้ เขาทั้งไม่มีสถานะ ทั้งไร้ความสามารถ
ทั้งยังสูงไม่เท่าฉู่หว่านหนิงด้วยซ้ำ
โม่หรานจิตใจว้าวุ่น ทอดสายตามองคนข้างในอยู่นอกหน้าต่าง คนข้างในกลับมิได้สังเกตเห็น เขามองไม่เห็นใบหน้าของฉู่หว่านหนิง ฉู่หว่านหนิงเองก็มองไม่เห็นใบหน้าของเขา
ดังนั้นแมวขาวจึงคุกเข่าทั้งคืนโดยมิได้หันมา
ดังนั้นหมาโง่ก็ยืนอยู่ทั้งคืนโดยมิได้จากไปไหน
Best Quote 2:
หลังจากฉู่หว่านหนิงตาย ก็ไม่มีผู้ใดกอดเขานอนอีก
แม้จะเป็นการพัวพันที่เกิดขึ้นเพราะความแค้น ทว่าในความทารุณอันหนาวเหน็บวันแล้ววันเล่าเหล่านั้น ก็ทำให้เขาคิดถึงจนปวดหัวใจราวกับถูกฉีกทึ้ง เหมือนมดนับหมื่นกัดแทะหัวใจ
แต่ต่อให้คิดถึงคะนึงหาเพียงใด ฉู่หว่านหนิงก็ไม่มีวันกลับมาอีก
เขาได้สูญเสียเปลวไฟกองสุดท้ายในชีวิตตนไปแล้ว
ราตรีนี้ โม่หรานกอดฉู่หว่านหนิงเอาไว้ ในช่วงที่กำลังเคลิ้มหลับประเดี๋ยวก็จำได้ว่าตนเองเกิดใหม่แล้ว ประเดี๋ยวก็คิดว่าตนยังอยู่ในปีนั้น
จู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกไม่กล้าลืมตา กลัวว่าเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นจะพบเพียงที่นอนว่างเปล่า ม่านเตียงเย็นเยียบอีกครั้ง โลกอันเลือนรางไม่แน่นอน เหลือตัวเขาเพียงผู้เดียวกับชั่วชีวิตอันยาวนาน
Note: ตอนแรกไม่ได้อะไรกับปกมากนะ แค่โล่งใจที่ออกมาแนวจีนๆ หน่อย ตอนแรกที่โรสสปอยล์ปกไอ้เราก็แอบกลัวว่าปกจะไปเป็นแนวแบบทะลุมิติหักเหลี่ยมจอมมารหรือเปล่า แต่สรุปก็ไม่ใช่ สบายใจละ แต่พอได้เล่มจริงมาอยู่ในมือ จ้องหน้าโม่หรานไปมาแล้วก็เขิน แบบเออ ไอ้ลูกชายเรานี่มันหน้าตาดีจริงๆ 55555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in