ห่างหายจากการหยิบหนังสือมารีวิว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขี้เกียจ (แหะๆ) อีกส่วนเพราะอ่านแบบรายตอนบ่อยไปหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับ
สยบฟ้าพิชิตปฐพี เรื่องนี้ นับตั้งแต่จบเล่ม 22--ซึ่งนับว่าจบภาคเรียบร้อย จบลงอย่างน่าประทับใจ ชวนให้อกสั่นขวัญกระเจิง--เราก็ดองมาโดยตลอด ไม่ได้ซื้อเลยกระทั่งเห็นว่าดองนานกว่านี้ไม่ได้ละ เดี๋ยวจำนวนเงินที่ต้องจ่ายมันจะทำให้ขวัญกระเจิงจริงๆ ก็เลยซื้อซะเลย
พอดีกับที่งานหนังสือแล้ว ฮูเร่ เล่มใหม่วางแผงพอดีเลยอ่านยาวแบบไม่ขาดช่วง อ่านที่ซื้อมาจบแล้ววันต่อมาก็งานหนังสือพอดีเลยแจ้นไปซื้อแล้วมาอ่านกัน สุดท้ายก็หยิบมารีวิว
เข้าเรื่องแล้วกัน ปูพื้นคร่าวๆ สำหรับเล่มก่อนหน้านี้ สำหรับคนที่อ่านแล้วก็ถือว่าฟื้นความจำนะ คนที่ยังไม่ได้อ่านก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสปอยล์ เพราะแค่มาแบบยั่วน้ำลายกันเฉยๆ เท่านั้น
หลังจากจบภาคที่แล้ว
ซังซัง ถูกเผยตัวว่าที่จริงเป็นบุตรีของหมิงหวัง ในช่วงเวลาคับขันก็ถือ
ฉีเซินต้าซือ ใช้แรงฮึบจับซังซังและ
หนิงเชวีย โยนเข้ากระดานหมาก ทุกคนกระสับกระส่ายอยากรู้ว่าเป็นไงต่อ เปิดมาเล่มใหม่สรุปว่าเวลาที่ทั้งสองผ่านไปนั้นเร็วมากแค่ไม่กี่วัน แต่โลกภายนอกกลับผ่านไปนานเป็นปี
ซังซังและหนิงเชวียมาโผล่ในทุ่งร้างพร้อม
เจ้าดำ ระหว่างทางก็ต้องหลบหนีพวกที่ออกตามล่า คราวนี้ยกกันมาหมดตั้งแต่หลวงจีน นักพรต ผู้ฝึกฌาณ หรือกระทั่งทหารธรรมดาๆ พูดง่ายๆ คือทั่วทุกหย่อมหญ้าล้วนแล้วแต่ต้องการสังหารบุตรีหมิงหวังและองครักษ์ปีศาจข้างกายนาง
ช่วงเล่มสองเล่มนี้เหนื่อยมาก อ่านไปเหนื่อยใจไป สงสารสองคนนี้ 555 ไอ้เรื่องหนีก็ต้องหนี อาการซังซังก็ลำบาก อีกาบินตามเป็นฝูง น้ำแข็งเกาะเป็นก้อน หนิงเชวียก็บาดเจ็บ แต่ยังไงก็ต้องหนี หนีหัวซุกหัวซุน สู้คนนั้นเสร็จคนนี้โผล่หัวมาให้สู้อีกละ แต่พอเวลาอยู่กันสองคนแม้จะมีจู๋จี๋กันบ้างทำตัวน่ารักกันบ้างแต่อันที่จริงเพราะไม่อยากให้อีกคนกังวลใจเท่านั้น เฮ้อ...หัวใจชิปเปอร์ร้าวรานมากจริงช่วงนี้
แต่ในช่วงที่กำลังขับคัน ศิษย์พี่ใหญ่
หลี่มั่นมั่น กับกระบองของเขาก็มาช่วยทันเวลา แถมมาคราวนี้มันต่อยตีเป็นแล้วต่างหาก ถึงงั้นคนที่ต้องสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ไม่ใช่ขรี้ๆ พอแค่ถูไถให้ทั้งสองคนหนีไปได้เท่านั้น
แต่การหนีเป็นวิธีที่ดีที่สุดจริงเหรอ...ไม่ หนีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ทุ่งร้างออกไปนอกเมือง กระเด็นไปอยู่กับชาวฮวงพักหนึ่งจนวกกลับมาทุ่งร้างอีกหน ทั้งสองคนท้อแท้สิ้นหวัง จนกระทั่งยอมรับในโชคชะตา สุดท้ายเลยล้มเลิกแค่นี้ ขอเผชิญหน้ากับทุกขุมกำลังที่ตามไล่ล่า จบด้วยการที่
จอมปราชญ์ ปรากฏตัว
งานนี้มาทั้งมังกรทั้งเทพ สุดท้ายจบลงที่
เฮ่าเทียน แฟนตาซีอลังการสุดในสามโลก แต่จุดจบไม่น่าประทับใจเลยสำหรับหนิงเชวีย
(ลืมเล่า นี่รู้สึกว่า
หลงชิ่ง มันอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ นะ หลงตัวเองเกินเยียวยา หยุดก่อน หยุดเดี๋ยวนี้ แกจะเป็นทุกอย่างไม่ได้! 5555)
และมาสองสามเล่มหลัง หลังเหตุการณ์นี้ไม้ใหญ่หลายต้นในต้าถังล้มตาย ราชสำนักปั่นป่วนกลายเป็นศึกชิงบัลลังก์ และเป็นโอกาสดีให้ทุกขุมกำลังหันปลายดาบใส่ต้าถัง ดาหน้าเข้ามาเตรียมทำศึก
เล่มล่าสุดซึ่งก็คือเล่ม 28 นี้มีเนื้อหาต่อเนื่องกันกับเล่ม 27 นั่นคือหลังจากสถานศึกษาปิดประตูไม่รับแขกมานาน ในที่สุดก็เปิดอ้าออกเพราะหนิงเชวียกลับมาฉางอันเพื่อซ่อมแซมค่ายกลหลังจากที่เจ้าทรยศ
เหอหมิงฉือ เล่นไว้เสียยับ
สองเล่มล่าสุดนี้เราจะได้เห็นบรรดาศิษย์พี่ในแง่มุมใหม่ๆ เพราะจากที่ออกมาแต่ละซีนถ้าไม่ปักผ้าก็ตีเหล็ก ถ้าไม่ตีเหล็กก็เล่นดนตรี ไม่เล่นดนตรีก็เดินหมาก ไม่เดินหมากก็หาต้นไม้ใบหญ้ากิน ฯลฯ ดูๆ ไปเหมือนไม่ใช่คนมีของ แต่มาสองเล่มนี้แหละที่เราจะได้เห็นฝีมือของทุกคนจริงๆ พร้อมกันนั้นนี่ก็ว้าวมากที่ได้ยินที่มาของศิษย์พี่สี่อีกด้วย (เราเอฟตีศิษย์พี่สี่นะขอบอก 555)
และที่ขาดไม่ได้คือบุคคลที่ได้ขึ้นปกเล่ม 27 กับสองแกละกระชากใจวัยโลลิต้า ตอนแรกเห็นปกยังงงว่าใครฟะ แต่มาร้องอ๋อตอนได้อ่านเนื้อในว่าที่แท้คือศิษย์พี่สาม
อวี๋เหลียน หรือชื่อจริงคือ
หลินอู้ คนนี้นี่เอง
อาจจะไม่คุ้นกับชื่อหลินอู้ แต่ถ้าบอกว่า
จักจั่นยี่สิบสามวรรษ น่าจะร้องอ๋อ เพราะเล่ม 27-28 ศิษย์พี่สามโชว์ฝีมือเต็มที่ มาเล่ม 28 ยังผนึกกำลังกับศิษย์พี่ใหญ่ (พยายาม) ล้มเจ้าอาราม
เฉินโหม่ว บอสใหญ่ของฝ่ายศัตรูให้หัวใจชิปเปอร์เต้นแรงอีกด้วย (แถมได้เห็นพี่สามในแง่มุมต่างๆ และในเล่มล่าสุดยังบอกอีกด้วยว่าความจริงแล้วหลินอู้เป็นคนโมโหง่าย ว้อท? ดูไม่ออกใช่มั้ยล่ะ นั่งคัดอักษรทั้งวันแบบนั้น 5555)
คนที่รับบทหนักอีกคนคือศิษย์พี่รอง
จวินโม่ เล่มนี้ครึ่งเล่มแรกเป็นของพี่แกเลยเพราะต้องเป็นไม้ใหญ่ปกป้องสถานศึกษา รอบแรกรับมือกับ
เยี่ยซู รอบต่อไปยังต้องเจอกับ
หลิ่วไป๋ ผู้ได้ขึ้นปกเล่มล่าสุดคนนี้อีก ขอไม่บอกผลแพ้ชนะ แต่มันสะเทือนใจเบาๆ
ด้านหนิงเชวียน่ะเหรอ เหอะ นับจากเหตุการณ์หมิงหวังเฮ่าเทียนอะไรนั่นก็กลับมาเป็นปีศาจให้ขุนนางในราชสำนักกลัวกันหัวหด แล้วมันก็พยายามซ่อมค่ายกลในเมืองโดยมี
โม่ซันซัน คอยช่วย (ไอ้เราก็นึกในใจว่า แหม มาทันเวลาพอดีเลยนะหล่อน)
จนกระทั่งท้ายเล่มมันได้เจอกับเจ้าอารามเป็นที่เรียบร้อย กำลังหมิ่นเหม่จะตายแหล่มิตายแหล่แต่ท้ายเล่มกลับมีตัวแปรสำคัญเข้ามา แต่จะเป็นอะไรแน่นอนว่าเราไม่บอก เอาเป็นว่าจบได้ค่อนข้างค้างและอิมแพ็คมากพอควร
รีวิวรวมๆ แล้วกันว่าภาคใหม่นี้อ่านไปเหนื่อยใจไปเพราะตัวละครทั้งหลายเจอแต่เรื่องร้ายๆ ไม่ค่อยมีมุกให้ขำขันนักเนื่องจากเนื้อหาหนักหน่วง หัวใจนี่เลือดไหลซิบๆ สงสารคนนั้นอยากเช็ดเหงื่อให้คนนี้ไปหมด แต่ว่าเนื้อเรื่องและบทสนทนามันแฝง deep meaning มากๆ อ่านไปคิดตามไปแล้วรู้สึกว่าได้อะไรหลายอย่างจริงๆ สมกับเป็นนิยายกำลังภายในสายเซ็น นี่นับว่าเป็นเสน่ห์ของสยบฟ้าฯ เลยเนอะ
ส่วนเรื่องที่ว่าเปลี่ยนคนแปลเราไม่รู้สึกอะไรเพราะถ้าไม่รู้ว่าเปลี่ยนคนแปลก็ยังเข้าใจว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมเพราะยังรักษามาตรฐานไว้ได้ดีมาก แต่เห็นคำผิด 1 คำในเล่ม 23 จำไม่ได้ว่าหน้าไหน จากคำว่า "ที่" เป็น "ที้" อันนี้ฝ่ายปรู๊ฟพลาดแล้ว
ส่วนตัวรอเล่มต่อไปมากๆ จะไม่ดองแล้วจ้า (คุกเข่าคารวะสามหน) ช่วงนี้ออกเร็ว ออกบ่อย ประมาณยี่สิบวันออกเล่มเลยมั้ง แต่คิดไปคิดมาอีกสิบกว่าเล่มก็จะจบแล้วอ่ะ ทำไมเหมือนเรื่องมันยังยืดได้อีกเพราะเดี๋ยวยังต้องมีพาร์ทเฮ่าเทียนด้วย นั่นแหละ แค่สงสัย แต่ใจคือลุ้นให้ซังซังคัมแบ็คแล้วเนี่ยยยยย
Best Quote 1:
มันฟังเสียงสวดมนต์ที่หน้าวัด มองเมฆดำเหนือศรีษะแล้วพลันเงียบไปนาน สีหน้าที่กังวลเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งแน่วแน่ พึมพำว่า
"ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วผู้ใดจะลง"
Best Quote 2:
"สว่างที่สุดคือมืดที่สุด..."
สายตาของจอมปราชญ์มองผ่านกิ่งหลิวไปที่ฟ้าคราม กล่าวชื่นชมว่า
"มหามรรคสุดเรียบง่าย"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in