ก่อนเข้ารีวิว อยากพูดถึงสิ่งนี้ก่อน เป็นเรื่องที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องพูด
เยี่ยซู...ผู้ชายที่อยู่บนหน้าปกคือเยี่ยซู พี่ชายของผู้งมงายยุทธ์เยี่ยหงอวี๋ โอ้โหแม่เจ้าาาา เล่มก่อนอิมเมจถังแบบเกาหลีสายแบดบอย เล่มนี้เยี่ยซูก็ยังเกาหลีสไตล์อยู่แต่มาสายละมุน หล่อม๊ากกกกก ใจบางมากเว่อร์ >< (ขอหวีดผู้ชายบนหน้าปกหนึ่งนาที)
เอาล่ะ สำหรับเล่ม 17 นี่เพิ่งมีโอกาสได้อ่านทั้งที่วางแผงมาได้สิบวันแล้ว แต่พอได้มาอยู่ในมือก็รีบอ่านทันที แบบอื้อหือออออ อยากอ่านเล่มต่อไปแล้วอ่ะสัญชาติญาณมันบอกว่าเล่มหน้าคงมีอะไรสนุกๆ ให้เราได้ดูกันแน่ๆ
ในเล่มนี้เนื้อหาที่พูดถึงอาจไม่ได้หลากหลายเท่าเล่ม 16 แต่ก็นับได้ว่าดีงาม เรามาพูดถึงความสัมพันธ์ของ
หนิงเชวียกับ
ซังซังก่อนดีกว่า คือเปิดอ่านมาได้ไม่เท่าไรสองคนนี้เค้าก็ไปล่องเรือชมดอกบัวบานกันสองคนแล้ว ไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าไปจู๋จี๋ แต่มันก็มีความละมุนแฝงอยู่ในฉากนั้น
นอกจากคู่นี้แล้วก็ยังมีอีกคู่ที่น่าลุ้นน่ารักไม่แพ้กัน คือคู่ของ
เฉินผีผีกับ
ถังเสี่ยวถัง คู่นี้เริ่มเปิดตัวแล้วและเห็นแววว่าผีผีจะเข้าสมาคมพ่อบ้านกลัวเมียตามหลังหนิงเชวียแน่นอน ถือเป็นความน่ารักๆ เบาๆ สำหรับแรกเริ่มเล่ม 17 ก่อนที่เนื้อหาจะค่อยๆ ยกระดับขึ้นมาอีกนิด
เราอาจจะได้รู้กันแล้วว่าในเล่ม 16 ที่ผ่านมานั้น หนิงเชวียทุ่มเงินซื้อบ้านติดทะเลสาบไว้หลายหลัง จุดประสงค์หลักไม่มีอะไรมากคือ หนึ่ง...ใช้ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งในแผนการอันยิ่งใหญ่บ้าระห่ำของมันในภายภาคหน้า และสอง...เป็นเรือนหอยามแต่งงานนั่นเอง
แต่ก่อนที่มันจะทันได้ตระเตรียมอะไรทันกาล ก็มีคนมาเคาะประตูบ้านใหม่ของมันทั้งยังขออาศัยอยู่ด้วยดื้อๆ คนคนนั้นเป็นคนที่ทำให้มันขนลุกขนพองจากความทรงจำที่ไม่ดีนักยามอยู่ทุ่งร้าง คนที่ว่าคือ
เยี่ยหงอวี๋ที่หลบหนีออกมาไม่ต่างจากต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างที่ผ่านมา ต่างกันตรงที่ต้าเสินกวนคนก่อนต้องมานั่งล้างจานกลางซอยสี่สิบเจ็ด แต่ผู้งมงายยุทธ์ผู้นี้ใช้ที่นี่เป็นฐานฝึกวิชา
หนิงเชวียไม่ได้ต่อยตีกับอีกฝ่ายจนบ้านพังอย่างที่กลัวๆ กัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นับว่าไม่เลว แม้จะยังอึมครึมเช่นที่ผ่านมาแต่ในสายตาผู้อ่านก็นับว่าดีขึ้นมากโข เพราะหนิงเชวียขอให้เยี่ยหงอวี๋ช่วยสอนเคล็ดวิชาต่างๆ ให้ซังซัง เพราะอย่างไรเสียนางกับซังซังก็เปรียบได้กับศิษย์น้องศิษย์พี่ แต่หนิงเชวียไม่สามารถเข้าไปดูได้ว่าทั้งคู่ฝึกกันอย่างไร รู้เพียงแค่ว่าขนาดเยี่ยหงอวี๋ยังเอ่ยปากบอกว่าซังซังมีความสามารถอย่างยิ่ง
เยี่ยหงอวี๋เองก็ใช้ที่นี่ฝึกฝนกระบี่ที่เทพกระบี่หลิ่วไป๋ทิ้งไว้ให้ตน และนางกับหนิงเชวียก็ได้นัดประมือกันบ่อยครั้ง ต่างฝ่ายต่างช่วยกันเสริมเคล็ดวิชาของตนให้รุดหน้า คนอ่านก็นั่งปรบมือดีใจที่หนิงเชวียไม่โดนเยี่ยหงอวี๋ซัดตายเสียก่อน
เรามาพูดกันถึง
ซย่าโหว ในเล่มนี้มันกลับมาถึงฉางอันและได้ออกปากเชิญหนิงเชวียไปกินข้าวเรียบร้อย เป็นมื้ออาหารที่หลายฝ่ายจับตามองเพราะยามนี้ใครๆ ต่างสงสัยกันว่าหนิงเชวียจะเป็นบุตรของอดีตแม่ทัพที่ถูกซย่าโหวฆ่าล้างจวนไปเมื่อสิบห้าปีก่อน แม้มื้ออาหารครั้งนี้จะยังไม่มีใครคิดลงมือก่อนแต่ซย่าโหวได้เอ่ยปากเตือน (ขู่) หนิงเชวียเรียบร้อย จะพูดจาน่าโมโหแค่ไหนก็คงต้องบอกว่าอ่านเองย่อมดีที่สุด
และที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือบุรุษที่อยู่บนหน้าปก เยี่ยซูของเราเดินทางมาฉางอันเช่นกัน นอกจากจะมายืนทำหน้ายะโสแล้วก็ยังแปลงร่างเป็นอาสาสมัครช่วยชาวบ้านปูกระเบื้องด้วย ตรงนี้อยากขำแต่ก็ขำไม่ออก พี่แกจริงจังเหลือเกิน คิดว่าหากทุกคนได้อ่านคงมองเห็นท่วงท่าสง่างามของเยี่ยซูยามปูกระเบื้องได้แน่ๆ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด สาเหตุที่มันมาที่นี่ไม่ใช่เพียงแค่จะมาทำตัวเป็นอาสาสมัครหน้านิ่งเท่านั้น เพราะมันมาฉางอันเพื่อดูซย่าโหว...และหนิงเชวีย
เล่ม 17 คือเล่มรวมบุคคลผู้มีความสามารถอย่างแท้ทรู เอาไป
8.5/10 บวกมาพร้อมคะแนนพิศวาสใบหน้าของเยี่ยซูบนปกหนังสือแบบหน้าด้านๆ 555555
Best Quote : "ความแค้นปิดตาคนไม่ได้ ทำได้แค่ให้ตาคนเราแดงก่ำเท่านั้น สำหรับข้าความแค้นได้กลายเป็นดวงตาของข้าไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมาตาคู่นี้มองไม่เห็นสิ่งอื่นนอกจากความแค้น ความแค้นคือโลกของข้า คือทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดในสายตาข้า"
ศิษย์พี่ใหญ่ถาม
"ชีวิตที่ไม่มีอิสระเช่นนี้คุ้มที่จะเดินหน้าต่อไปหรือ"
หนิงเชวียหันมามองศิษย์พี่ใหญ่แล้วตอบว่า
"ศิษย์พี่ ท่านผิดแล้ว คนเราจะอยู่อย่างเป็นอิสระไม่สมควรคิดมากเกินไป อยากทำสิ่งใดก็ทำ เช่นนี้จึงจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in