เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
Getting Better?
  • ไปหาหมอจิตมาตามนัด -- ก่อนจะไปก็มีการฟาดงวงฟาดงากับ Call Center ของรพ.อยู่หลายรอบ ไม่รู้เพราะพนักงานใหม่หรือเพราะระบบรั่ว ถึงกับวันนัดหายกันเลยทีเดียว 

    จริงๆ ก็ความผิดเราด้วยส่วนหนึ่ง เราขอเลื่อนมาก่อนวันนัดเพราะอียาริทาลินมันทำเราบ้า แต่พอคุยกับเภสัชที่รพ.แล้ว หยุดยา บวกกับงานสังคมที่เยอะจัด เราก็เลยยกเลิกเลื่อนแล้วเอาตามวันนัดเดิม แต่อยู่ๆ 1 วัน ก่อนวันนัดเรารู้สึกตะหงิดๆ ปกติรพ. จะโทรมาเตือนว่ามีนัดตั้งแต่เก้าโมงสิบโมง วันนั้นบ่ายละยังไม่โทร ก็เลยโทรไปถาม สรุปวันนัดไม่มีเด้อ อิเจนก็เหวี่ยงไปชุดนึง อารมณ์เสีย จริงๆ ก็ไม่อยากจะเหวี่ยง แต่นี่นางมาโทษเราหาว่าเราไม่รู้ระบบการเลื่อนการสำรองนัดของรพ. เดี๋ยวนะ นี่เลื่อนมาจะร้อยรอบแล้วมั้ง เลื่อนเก่งมาก ทำได้ดีมาตลอด วันนัดไม่เคยหาย ครั้งนี้เป็นอะไร นี่ก็ทำเหมือนเดิมทุกอย่างแต่มาหาว่าเราไม่รู้ระบบ พูดว่าขอโทษง่ายกว่านะ จะมาหาคนผิดเพื่อออออ วุ้ย -- เราจะไม่อารมณ์เสียเลยถ้าเราไม่ได้ตั้งใจว่าจะชวนพ่อไปเจอหมอ แล้วพ่อก็กระตือรือร้นอยากไปด้วย อยู่ๆ วันนัดหาย เอ้า อห พ่อว่างวันนี้วันเดียว จะไม่ให้หัวร้อนได้ไง

    แล้วเรื่องทั้งหมดนั้นเราก็ไม่ได้บอกหมอ ฮ่าๆๆ ลืมอ่ะ แทบจะไม่ได้บอกอะไรหมอเลย หมอถามคำถามเดิมๆ รู้สึกยังไง ฝันเยอะไหม ฝันแบบไหน นอนเป็นไง ที่บ้านเป็นไง แฟนเป็นไง งานเป็นไง เราบอกไปว่าทุกอย่างก็ปกติ หมอก็เออโอเค งั้นกินยาต่อไปเหมือนเดิมนะ พอพ่อเข้าไป หมอก็บอกว่า (อันนี้พ่อบอกมา เพราะเราไม่ได้เข้า) เค้าเริ่มจะนิ่งขึ้นแล้ว วันนี้ก็ไม่มีอะไร ให้ยาไปกินต่อเหมือนเดิม -- เอาจริงๆ พ่อเข้าไปนานอยู่ แต่มาบอกเราแค่ประโยคเดียว เออ ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก เชอะ

    เราบอกหมอว่าเราจะพยายามตื่นเช้าเพื่อมาออกกำลังกายก่อนไปทำงาน เพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ไปจิมเลยเพราะทำงานกลับห้องมาก็เหนื่อยจะตาย เสาร์อาทิตย์ก็นอนเซ็งอยู่ในห้อง ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปไหน อยากแค่กินกะนอน แล้วน้ำหนักมันก็พุ่งพรวดๆๆๆๆ อายุก็ใกล้จะแตะ 40 ขึ้นทุกปีๆ แต่ก็กินๆ นอนๆ อย่างกับตัวเองอายุ 20-21 แถมก่อนไปรพ.นี่ก็ไปกินบุฟเฟต์เนื้อย่าง กินเยอะจนแทบจะอ้วกออกมา พอมาชั่งนน.ก่อนหาหมอก็ช็อคคาที่ชั่งไปหลายวินาที ได้แต่อุทานว่าเหี้ยในใจ เช้าวันต่อมาก็รีบลุกไปจิมทันที แล้วก็พยายามลดการอินพุทอาหารเข้าร่าง รู้สึกเหมือนชีวิตขาดๆ แหว่งๆ จากแต่เดิมที่เราเครียดก็กิน เบื่อก็กิน ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว เครียด เบื่อ เซ็ง ลงไปจิมสิ หรือไม่ก็นอนเฉยๆ ไปนะ หาอะไรอย่างอื่นทำ ห้ามกิน คือแบบ...แกกกกกก ความสุขมันหายไป

    อีกเรื่องที่ไม่ได้เล่าให้หมอฟังคือเราสมัครงานสุ่มๆ ไป แล้วก็มีที่นึงขอเรียกสัมภาษณ์ ก่อนไปก็เครียดนะว่าเห้ย เราไม่ดีพอ เรามันแย่ อย่างงั้นอย่างงี้ คือบริษัทภาพดีมาก สวัสดิการดี ทุกอย่างดูสวยหรู แต่พอวันไปสัมภาษณ์ โอโห สวัสดีจ้า อยากเดินออกตั้งแต่ตอนเดินเข้าไปแล้วเห็นสภาพออฟฟิศ พอเค้าสัมภาษณ์เราเสร็จ เราก็ถามเรื่องการทำงาน สวัสดิการต่างๆ ที่บอกว่าจะมีจะได้ สรุปก็หลอกลวงไปครึ่ง ยิ้มแห้งใส่คนสัมภาษณ์ อยากจะบอกว่าถ้าไม่มีให้ตามที่โม้ไว้ก็ไม่ต้องเขียนล่อมาก็ได้ เสียเวลาอยาก เสียเวลาลุ้น เบื่อ -- ออกมาจากออฟฟิศนั้นด้วยความรู้สึกเต็มเปี่ยม แอบรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นนิดนึงนะ ที่เรารู้สึกว่าเราเลือกได้ เราไม่อยากทำที่นี่ เราก็จะไม่ทำ ไม่ต้องมานั่งนอยด์ นั่งรอให้เค้าโทรมาหรืออะไร ในใจก็หวังให้เค้าไม่โทร ให้เค้าไม่เลือกเรา เราจะได้ไม่ต้องปฏิเสธ

    เราไม่ได้เล่าให้พ่อฟังทั้งหมดนี้ แต่เราเล่าให้แฟนฟัง ซึ่งนางก็รับฟัง แนะนำ และคอยสนับสนุนเราตลอด มันอาจจะเป็นโชคดีของเรา ที่เราได้เจอแฟนคนนี้ เราคิดมาตลอดว่า ถ้าเราจะมีแฟน แฟนจะต้องทำให้ชีวิตเราดีขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การคบกันถ้าเราต้องมานั่งทุกข์ทน ต่างคนต่างดึงกันลงเหวอะไรแบบนี้เราก็ไม่ต้องการอะ ถ้าคบมาแล้วเป็นภาระเราก็ไม่คบ วิธีนี้มันเป็นการคัดกรองคนออกไปจากชีวิตได้ดีในระดับนึงเลย ชีวิตประจำวันแม่งก็ toxic จะแย่ละ ถ้าเจอแฟน toxic อีกก็แบบ จะมีแฟนไปทำไมอะ งง 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in