เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
หมอว่าคุณกินยาเยอะเกินไป
  • สืบเนื่องมาจากการที่น้ำหนักเราขึ้นพรวดๆๆ โดยดูเหมือนว่ามันไม่มีวันจะลดลง (เพราะเรายังคงกินอาหารขยะ แป้งและน้ำตาลเหมือนเดิม) และจากการที่หมอจิตบอกเป็นนัยๆ ว่า เราอ้วนแล้วนะ ในครั้งล่าสุดที่เจอกัน เราก็บ่นเรื่องนี้กับพ่อ แต่พ่อกลับกังวลอย่างมากมายมหาศาล แบบอยู่ๆ นางก็ห่วงขึ้นมาเหมือนกับว่าก่อนที่เราจะบอกนางว่าเราอ้วน นน.เราขึ้น พ่อก็ไม่ได้มองเห็นว่าเราอ้วนขึ้นเลย ตลก
    "เจน หรือไทรอยด์เจนไม่ปกติ เจนต้องไปตรวจเลือดดูนะ"
    "น่าจะปกตินะ หมอที่รามาไม่เห็นสนใจส่งไปตรวจ"
    "ไปตรวจซะหน่อยเถอะ เผื่อมันไม่เหมือนครั้งก่อน"
    "งั้นเดี๋ยวเจนตรวจทีเดียวเลยตอนตรวจสุขภาพปีนี้"
    "เมื่อไหร่"
    "สิงหา"
    "นานไปแล้ว ไม่เอา เนี่ย วันไหนไม่มีศาลก็ลางานไปตรวจเลย"

    ความวิตกกังวลที่เรามีอยู่มันอาจจะไม่ได้มาจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราพบเจอมา แต่มันอาจจะมาจากสายเลือดนี่เอง ว่าลูกขี้กังวลแล้ว พ่อก็ไม่ได้ต่าง ฮ่าๆๆ

    เจนนี่เด็กดีก็เลยไปตรวจเลือดตามที่คุณพ่อบัญชา -- เราไปตรวจที่พญาไท 2 เพราะขี้เกียจถ่อไปถึงศิริราชกับอิแค่ตรวจเลือดซึ่งเราก็ค่อนข้างแน่ใจว่าฮอร์โมนเราปกติ -- โทรนัดรพ.แบบไฟไหม้มาก โทรปุ๊บไปปั๊บ เจาะเลือดปรู๊ดดดดด เมนก็ทะลัก แล้วก็บอกให้เรารอผลประมาณ 1 ชั่วโมง กินข้าวอิ่มแล้วเลยไม่อยากลงไปไหน คลีนิคไทรอยด์ก็แอร์เย็นเสียเหลือเกิน หนาวก็หนาว ง่วงก็ง่วง แล้วพยาบาลก็มาเรียกก่อนจะถึง 1 ชั่วโมงว่าผลมาแล้ว พบหมอได้เลย -- เจอหน้าปุ๊บ หมอก็พูดว่า 
    "ที่กังวลว่าน้ำหนักที่ขึ้นมาเยอะนี่อาจจะเป็นเพราะไทรอยด์หรือเปล่าก็ผิดหวังได้นะ เพราะฮอร์โมนคุณปกติทั้ง 3 ตัวเลย"
    นี่คิดในใจ ทำไมต้องผิดหวังวะ ดีใจจะตายห่าอยู่แล้วเนี่ย ผิดหวังอะไรของหมอ งง
    "ที่คุณบอกพยาบาลไว้ถึงยาที่คุณกินอยู่ คุณคิดว่ามันส่งผลต่อน้ำหนักคุณไหม"
    "มันน่าจะเกี่ยวมั้งคะ" แล้วก็อธิบายไปถึงตอนทีเพิ่มโดส fluoxetine จาก 20 mg เป็น 40 mg รอบแรก แล้วน้ำหนักก็ดิ่งลงมาเกือบสิบโล 
    "แต่ตอนนี้คุณก็กิน 40 mg นี่ หมอว่ามันสูงมากแล้วนะ"
    "สูงมากเลยหรอคะ"
    "ใช่ คุณกินโดสสูงมาก คุณกินมานานรึยัง"
    "..." เงียบไปนับนิ้วอยู่สักพัก "สองปีได้แล้วมั้งคะ" เกลียดจังเรื่องนับเวลาเนี่ย
    "นานแล้ว ควรหยุดกินได้แล้วนะ"
    "แต่หมอจิตบอกว่าหนูหยุดกินยาไม่ได้ค่ะ"
    "ทำไมล่ะ ... แล้วนี่หาหมออยู่ที่ไหน"
    "ศิริราชปิยะ"
    "หมอชื่ออะไร"
    "อาจารย์สนทรรศ"
    "แล้วคุณกินยาพวกนี้เพื่อรักษา depression?"
    "ptsd ด้วยค่ะ"
    หมอเงยหน้ามามองแล้วถามว่า "ptsd อะไร"
    "post traumatic stress disorder" พูดช้าๆ ชัดๆ ให้หมอเข้าใจ ต้องแปลไหม ไม่ต้องมั้ง แล้วหมอก็ไม่ถามไรต่อ แต่จดไปว่ากินยาพวกนั้นเพราะ depression และ ptsd
    "คุณเป็นมานานเท่าไหร่แล้ว"
    "เอ่อ..." ชิบหาย เอาอีกละ เวลาอีกละ ไม่รู้อ่ะ ตอบไงดี "เพิ่งรู้ว่าเป็นเมื่อสองปีก่อน แต่คิดว่าน่าจะเป็นตั้งแต่เด็กแล้ว...มั้งคะ"
    แล้วหมอก็เงียบใส่ จดไรยุกยิกๆๆๆ เสร็จก็ให้เรายกมือแล้วหลับตา หมอบอกว่าคุณมือสั่นมาก ปกติสั่นแบบนี้รึเปล่า เราบอกว่าก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว หมอให้ยกเท้าดูเท้ากับข้อเท้าว่าบวมไหม ก็ไม่บวม หมอคลำหาก้อนที่คอ ฟังเสียงหัวใจและตั่งต่างๆ คือตรวจเยอะแยะมากมาย ต่างจากหมอเก่าเราที่รามามาก งง 

    ตรวจนั่นนู่นนี่เสร็จหมอก็ไปจดยุกยิกๆ ลงประวัติสักพัก แล้วก็หันมาบอกว่า
    "ยาที่คุณกินมันส่งผลต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้ ไทรอยด์ เบาหวาน โรคหัวใจ มันอันตรายนะ ไม่ควรกินนานๆ"
    "หนูก็ไม่ได้อยากกินค่ะ แต่มันต้องกิน"
    "คุณควรหาทางเลือกทางอื่นนะ"
    "ค่ะ" ก็ได้แต่งงว่าทางเลือกอะไรของหมอฟะ 

    เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองนะ เรารู้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่ายาทุกอย่างที่เรากินๆ เข้าไป มันส่งผลเสียต่อร่างกายอยู่แล้ว แต่ถามว่าเราเลือกได้ไหม หยุดกินยาพวกนั้น แล้วเสี่ยงที่จะตายตอนนี้ หรือกินยาต่อไปแล้วรอวันตาย ซึ่งยังไงเราก็ต้องตายด้วยโรคอะไรสักโรค ถ้าไม่ใช่ด้วยอุบัติเหตุ

    เรากลับบ้านด้วยความคิดที่สับสนมาก รู้สึกผิดเหมือนกับเรากำลังทำร้ายตัวเองด้วยการไม่หาทางเลือกทางอื่นในการรักษาโรคทางจิตที่เราเป็นอยู่ ... เอ๊ะ หรือเราจะคิดไปเอง จริงๆ เราไม่ได้เป็นซึมเศร้าหรือ ptsd หรอก นี่รึเปล่าที่หมอต้องการจะสื่อ เราเรียกร้องความสนใจไปเองรึเปล่าวะ ... เออ เราผิดที่ไม่ได้ออกกำลัง ซึ่งมันเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารอะไรดีๆ ออกมาเองโดยไม่ต้องพึ่งยา ... แล้วเราก็ผิดอีกที่เราไม่ไปทำจิตบำบัดสักที มัวแต่ก้มหน้าก้มตากินยา ไม่คิดจะหาวิธีแก้ทางอื่น ... เอ๊ะ หรือเราโดนหมอจิตวางยา หลอกให้กินยาไปเรื่อยๆ 

    ในหัวมีแต่คำถาม คำถามที่ไม่มีคำถาม คำถามที่ทำให้เรารู้สึกแย่ รู้สึกผิดกับตัวเอง แล้วสุดท้ายก็วนมาที่คำถามเดิมๆ ที่เราคิดวนในหัวซ้ำๆ ทุกวัน คือ -- นี่เราจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้จริงๆ หรอ แล้วถ้าเราอยากออกไปจากที่ตรงนี้ เราควรจะต้องทำยังไงอะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in