เราเลื่อนนัดหมอจิตขึ้นมาเพราะเราไม่ว่างตามวันที่นัดไว้เดิม พยาบาลที่วัดความดันมีถามเราด้วยว่า "ช่วงก่อนมาหาคุณหมอ มีอาการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ" จริงๆ ก็มี แต่ก็ตอบไปว่าไม่มี ก็อาการบ้าทั่วๆ ไปอ่ะ ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่
พอเจอหมอ ก็บอกหมอเลยก่อนลืมว่า หมอออออออ ไทรอยด์หนูโตจริงๆ ด้วย หมอตาดีแท้ หมอก็ถามว่าเราไปหาหมอมารึยัง เราบอกไปหามาแล้ว ที่รามา หมอเก่าที่เคยหา แต่ยังไม่ได้เจาะเพราะมันยังก้อนเล็กอยู่ ต้องอัลตราซาวน์ดูก่อน หมอก็ถามว่าฮอร์โมนคุณปกติรึเปล่า เออว่ะ ไม่รู้อ่ะ คือวันนั้นหมอไม่ได้ส่งตรวจเลือดอ่ะ เดิมที่เคยเป็นมันแค่โตเฉยๆ ฮอร์โมนปกติ ก็เลยตอบหมอไปว่า "ไม่นะคะ" ด้วยความไม่แน่ใจ แต่ก็โน้ตไว้ในหัวว่า แกต้องไปตรวจเพิ่มนะยัยเจน!
หมอถามเรื่องแฟน นี่ก็เป็นอะไร ถามตลอดเรื่องแฟน คือมันไม่มีอะไรอ่ะหมอ ถามทำไมทุกรอบ งงแท้ เราก็บอกไม่มีอะไร "เค้าก็ทำงานอ่ะค่ะ ปกติ" ตั้งใจบอกเพื่อไม่ให้หมอถามเรื่องนี้อีก ไม่รู้หมอจะเก็ตไหม เออ แล้วทำไมเราไม่พูดกะหมอตรงๆ ก็ไม่เข้าใจตัวเอง แต่ก็ช่างเถอะ
เราบอกหมอว่าเราหงุดหงิด รำคาญ แล้วที่ผ่านมาก็มีแว้ดใส่คนอื่นไปด้วยเวลาที่หลุด แต่ก็บอกไปว่ามันอาจจะแค่ PMS (อาการก่อนมีเมนส์) หมอก็ถามละเอียดเลย แต่ก่อนคุณขี้หงุดหงิดหรอ ขำ ถ้าถามทุกคนที่รู้จักเรา ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช่ แบบไม่ต้องใช้เวลาคิดใดๆ ฮ่าๆๆ คือเราก็ไม่ได้ขี้หงุดหงิดขนาดนี้นะ แต่ก็ขี้หงุดหงิดอ่ะ เข้าใจป่ะ ไม่เข้าใจล่ะสิ เออ เราก็ไม่เข้าใจตัวเอง -- มันอารมณ์แบบ เราอยู่ดีๆ ของเรา ไม่ไปวุ่นวายกะชีวิตใคร เราก็คาดหวังว่าคนอื่นจะไม่มาวุ่นวายกะชีวิตเรา แล้วพอคนอื่นเข้ามาสาระแนกะชีวิตเราปุ๊บ เราก็จะเริ่มเดือด ก็แค่นั้นเอง แต่ถ้าถามว่ามันต่างไปจากปกติไหม เราว่าไม่อ่ะ เออ แต่ก็ไม่แน่ใจแห้ะ เราควรไปถามคนรอบตัวแล้วไปบอกหมอคราวหน้า -- หมอบอกว่า ถ้าเป็นเพราะฮอร์โมนช่วงก่อนเป็นเมนส์นี่ผมทำไรไม่ได้นะ มันขึ้นๆ ลงๆ ของมันแต่ละเดือนไม่เท่ากันอะไรทำนองนี้ แล้วก็บอกว่าถ้ามันเป็นนาน เป็นตลอด ไม่ใช่เฉพาะก่อนเป็นเมนส์ค่อยมาหาทางแก้กัน
หมอถามเรื่องความฝัน เราก็เล่าเรื่องฝันร้ายที่เราเขียนไว้ในนี้แล้วให้หมอฟัง หมอถาม
"คุณรู้ไหมทำไมคุณถึงล็อคประตูไม่ได้
"มันเอื้อมไม่ถึงอ่ะ หนูพยายามแล้ว แต่ไม่ถึง"
"เวลาเราฝันนะ ร่างกายเราจะเหมือนเป็นอัมพาต มันจะขยับไม่ได้ตามใจเราหรอก ที่ฝันว่าเอื้อมมือไปล็อคประตูไม่ได้อ่ะคือเพราะเราขยับแขนตัวเองไม่ได้ไง"
"อ่าว แล้วทำไมคืนที่หนูฝันเยอะๆ แฟนบอกว่าหนูนอนดิ้นนะ"
หมอก็ยิ้มใส่แล้ว แล้วก็ย้ำว่า เราจะขยับตัวเองไม่ได้เพราะนั่นนู่นนี่อะไรไม่รู้ ด้วยหลักการ ทฤษฎี วิทยาศาสตร์ หรืออะไรก็ตามที่หมอพูด ซึ่งเราก็จำไม่ได้ แต่ก็แบบแอบโล่งใจนิดนึงว่า อ๋อออออ เพราะงี้เองหรอ แต่มันก็ยังรู้สึกคาใจ ข้างในนน ลึกๆ -- ไม่ใช่สิ อย่านอกเรื่อง หยุดเต้น หยุด!
แล้วหมอก็ถามเรื่องงาน โหยยยยยยยยย อันนี้คือเหตุนึงที่ทำให้เราอยากเลื่อนนัดหมอขึ้นมาเร็วกว่าเดิม เราไม่แน่ใจนะว่าเราเมนส์รึเปล่า หรืออะไร คือแม่งโคตรน่ารำคาญ เราเล่าให้หมอฟังแบบสรุปๆ ประมาณว่า มีพี่ที่ทำงาน 1 คน นางแก่กว่าเรา เข้ามาทำงานพร้อมๆ เรา แต่พัฒนาการนางน้อยมาก แล้วหัวหน้าก็จะแบบ ต้องส่งทนายคนอื่นคอยช่วยตลอด ถ้าคดีที่มีสืบพยานคือทำเองไม่รอด ต้องส่งคนอื่นไปประกบ คดีนี้ พี่คนนี้กะหัวหน้าตกลงกันว่าหัวหน้าจะเข้าไปเป็นทนายด้วยเพื่อช่วยและสอนไปพร้อมๆ กัน เหมือนกับที่หัวหน้าทำกับทนายทุกคนที่มาฝึกงานที่นี่ หัวหน้าจะเข้าเป็นทนายคู่ไปตลอดจนกว่าจะทำงานได้ หัวหน้าก็จะปล่อยไปเผชิญโลกแบบโดดเดี่ยวและเดียวดาย แต่กับพี่คนนี้ มันเหมือนหัวหน้าไม่พยายามที่จะฝึกเค้าแบบที่ทำกับทนายคนอื่น หัวหน้าส่งคดีพี่คนนี้มาให้เราสืบบ้าง ให้ทนายคนอื่นช่วยบ้าง พี่คนนี้ไม่เคยได้สืบคดีจริงๆ จังๆ เดี่ยวๆ เลย คดีที่หัวหน้าเข้าไปช่วย เค้าก็เตรียมคดีกับหัวหน้า ส่วนคดีที่หัวหน้าสั่งให้คนอื่นช่วยทำ ทนายที่เข้าไปช่วยก็จะทำเองทั้งหมดเพราะขี้เกียจจะไปสั่งพี่เค้า ทำเองง่ายกว่า ซึ่งเราก็เป็นแบบนั้น อาจจะเพราะว่าเราอายุน้อยกว่าด้วยมั้ง เราก็ไม่อยากไปสั่งไปสอนอะไรเค้าอ่ะ ก็ทำเองไปให้จบๆ แต่นี่อยู่ๆ หัวหน้าลืมลงวันนัดสืบคดีที่ตกลงกับพี่คนนี้ไว้ว่าจะเข้าไปช่วย หัวหน้าก็โยนมาเลย "เจน เจนเข้าไปสืบคดีนี้ช่วยพี่เค้านะ" ... "เตรียมทำคำเบิกความพยานด้วย ต้องส่งศาลก่อนสืบ" นาทีนั้นคืออยากเผาออฟฟิศมาก โชคดีที่มันเป็นเวลาเลิกงานแล้ว นี่เลยรีบหนีออกมาก่อนที่จะฆ่าหัวหน้าตาย -- หมอฟังแล้วก็บอกว่า "คุณควรบอกหัวหน้านะ"
หมออออออออออออออออออออ ทำไมหมอพูดเหมือนทุกคน โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
"คือหนูก็ไม่อยากงี่เง่าอ่ะ ทนายคนอื่นเค้าไม่เห็นพูดอะไรเลย หนูก็ไม่อยากพูด"
"แต่ผมว่าคุณควรบอกหัวหน้าคุณ"
พอเถอะ เลิกคุย พอๆๆ
สรุปหมอให้กิน fluoxetine เท่าเดิม clonazepam ก็เหมือนเดิม แต่เพิ่ม prazosin ยาลดความดันที่หมอเอามาให้กินก่อนนอนช่วยลดฝัน จาก 1 มก. เป็น 2 มก. ก่อนเพิ่มโดสหมอก็มีการกูเกิลเช็คก่อนว่ามันเพิ่มได้ไหม "ผมจำถูก เพิ่มได้ถึง 7 มก. แหนะ" หมอหันมาทำหน้ามีความสุขใส่เรา มีความรู้สึกว่าเราต้องชมหมอว่า เย้ เก่งจังเลย ไหม แต่ก็เงียบปากไว้ดีกว่า ก่อนจะลุก หมอก็ทิ้งท้ายว่า "ขอให้โชคดี มีความสุข" แอบรู้สึกว่าหมอทิ้งท้ายแปลกๆ ปกติหมอไม่เคยพูดแบบนี้
พอเราลุกขึ้นจะเดินออก "ออกกำลังกายด้วยล่ะ" หมอพูดไล่หลังเรา -- เออ รู้แล้วว่าอ้วน วุ้ย!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in