HIGHLIGHTS
- เดินทางไปทำงาน 16 บาท ทำได้อย่างไร
- ระหว่างทางเจอเรื่องราวเเซอร์ไพรส์เหลือหลาย
- เส้นตายระหว่างเดินทาง “เราวิ่งตามเวลา”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อย่างตอนที่แล้ว “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ "ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน" (ในกรุงเทพฯ) อย่างว่ามีเงินอยู่เท่านี้ เราต้องบริหารเงินอยู่ในกรอบเพื่อความอยู่รอด อันดับแรกเราคิด คือ บริหารค่าเดินทางไปทำงาน“จะทำอย่างไรให้ประหยัดให้มากที่สุด แล้วมีวิธีไหนบ้างใช้เงินให้น้อยที่สุด”
มาเริ่มกัน...เราทำงานอยู่ย่านอโศก แต่พักอยู่แถวแยกรามคำแหง ซึ่งไกลก็ว่าไกล ใกล้ก็ไม่เชิง และพึ่งสังเกตว่าทำเลที่พัก ถูกรอมรอบไปด้วยพาหนะหลากหลาย ตั้งแต่รถเมล์ แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ รถไฟฟ้า รถไฟรางล่าง เรือ และสามล้อปั่น แล้วอะไรบ้าง พาไปให้ถึงออฟฟิศโดยมีข้อแม้ว่า ตื่นนอนปกติด (บวกลบ 30 ก็ยังดี เราชอบนอนนิ เรื่องมากนิดหนึ่ง) มานังคิดกัน
รถเมล์นะเหรอ : เหอะไม่ต้องพูดถึงตื่น ตีห้า หกโมงก็ไม่ทันไปสายอยู่ดี ไม่เสี่ยง จบ.
แท็กซี่ : แพง จบ.
วินมอเตอร์ไซค์ : แพง จบ.
สามล้อปั่น : คงตื่นตีสาม...ช้าอย่างเต่า
หรือ รถไฟฟ้า รถไฟรางล่าง และเรือ พอมีความหวังแต่ว่าปกติเราก็นั่งรถไฟฟ้า Airport Rail Link ลงมักสันต่อ MRT ลงสุขุมวิท เดินเข้าออฟฟิศ คิดแล้วไปกลับ ก็หกสิบว่าบาท ถ้าเป็นแบบนี้เงินหมดตั้งแต่เดินทางแล้วแหละหรือว่าเรือ ก็ไม่ต่างอะไรกับนั่งรถไฟฟ้าแถมช้ากว่าอีก แต่รถไฟรางล่างเราไม่เคยขึ้นไม่เคยมีข้อมูลอะไรเลย มีค่าตั๋วไหม++ แพงไหม++ ว่าแล้วก็ลุกออกจากห้องเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ภาพตัดมาที่เรายืนอยู่หน้าป้อมควบคุมรถไฟช่วงเวลาทุมกว่าๆ(เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังเงินหาย 3 ซม.)
เรา : สวัสดีครับคุณลุง
ลุง : ....( ไม่ตอบอะไร อารมณ์เฉยๆ)
เรา : คือรถไฟรางจอดสถานีนี้ไหมครับ
ลุง : ....( ไม่ตอบอะไร อารมณ์เฉยๆ มือลุงชี้ไปที่ป้ายอยู่ขวามือ ในใจลุงคงคิดว่า ป้ายตำตาอย่างนี้มองไม่เห็นอีก)
เรา : ครับ (เป็นสนทนาความข้างเดียวจริงๆ)
เราก็ขยับตัวมองไปดูตารางเดินรถ กระจายสายตาแบบเร็วๆ “เฮยมีด้วย เวลาเจ็ดโมงครึ่ง” ใจคำนวณเวลา “น่าจะทันนะ” ที่เหลือลุ้นว่าค่าตั๋วจะแพงเหมือนรถไฟฟ้า หรือป่าวนะแล้วรถไฟจะมาสายไหม อันนี้สำคัญมากเพราะถ้าสายเราเข้างานสาย
ภาพตัดมาตอนเช้าอาบน้ำออกจากห้องเร็วกว่าปกติ สิบนาที พร้อมฟังเพลง “ทิ้งไว้กลางทาง” ให้เสียงร้องของพี่ปั๊บกระแทกอารมณ์โทษฐานทำเงินหาย “ทำถูกแล้ว ที่เธอ..ตึ่งๆ ตึ๋งๆ ไว้กลางทาง ตึ๋งๆ” เฮยสัญญาเสียงรถไฟมาเร็วจังวะ แต่ตัวเราอีกห้าร้อยเมตรถึงรถไฟ เราวิ่งสีคูณห้าอย่างเต็มที่ ลมโกงใส่หูฟัง เพลงเพลิงไม่ฟังแล้ว ภาพตัดเรายืนอยู่บนรถไฟรางถามกลางคนแต่งตัวพนักงาน ในใจตอนนั้นคิด เฮยทำไมคนขึ้นเยอะจังแล้วไหนว่ารถไฟรางล่างชอบมาสายไง แล้วนี้มาก่อนเวลาซะงั้น แต่เรื่องตื่นเต้นต่อไป...ค่าตั๋วเท่าไหร่ แล้วรถไฟจอดสถานีมักกะสันหรือป่าววัดใจกันยาวๆ ในขบวนนี้
เรายืนอยู่บนรถไฟยังไม่ทันหายเหนื่อยรถไฟก็หยุดสถานีอะไรสักอย่างในใจตอนนั้น “ถึงแล้วเหรอ แล้วคนเก็บตั๋วไม่เห็นมี ถึงตรงไหนทำไมมีคนขนของกันกันรวดเร็วเราก็ไม่วายไปช่วยเขา” ด้วยความที่ไม่เคยขึ้นมาก่อนเราก็ลงขบวน สังเกตสภาพแวดล้อมนี่ไม่ใช่มักกะสัน แล้วที่นี้ที่ไหน ขณะนั้นพยายามกระจายสายตาออกไปรอบๆ “นี่ๆๆๆ คือ สถานีคลองตัน” สัญญาตีระฆังดังขึ้นพร้อมรถไฟเคลื่อนออกตัวช้าๆ เราก็เหมือนเดิมรีบวิ่งขึ้นรถไฟอย่างไม่ลืมชีวิต "เกือบไปแล้ว" เสียงเพื่อนร่วมขบวนพูดขึ้นมา
พี่หล่อ(นามสมมติ) : เกือบไม่ทันนะครับ
เรา : ครับ ขึ้นรถไฟเป็นครั้งแรกครับ
พี่หล่อ(นามสมมติ) : ( ยิ้ม : )
เรา : พี่ครับ รถไฟจอดมักกะสันหรือป่าว
พี่หล่อ(นามสมมติ) : จอดครับ (สั้นๆ ไม่ต่อคำถามใดๆ)
เรา : แล้วเขาจ่ายค่าตั๋วที่ไหนครับ
พี่หล่อ(นามสมมติ) : (ยิ้ม และในใจคงคิด โอ้ยเด็กสมัยนี้)...ฟรีครับ รถไฟเพื่อประชาชน
.
.
เราก็แอบยิ้ม เหมือนสวรรค์มากได้ยินคำว่า "ฟรี" ระหว่างรถไฟวิ่ง เราถามข้อมูล รถไฟช่วงเย็นมาถึงกี่โมง ก็ได้ความว่า "รถไฟ จะมา 18.47" ทุกๆ วัน และไม่สายด้วยนะ ซึ่งอย่างนี้ผมก็ชิวๆ เลิกงานแค่ขยันเดินมารอรถไฟ แค่นี้ก็ฟรี...ค่าเดินทาง 16 บาท อ๋อแล้ว 16 บาทจ่ายอะไร "เราจ่ายค่า MRT น่ะ"
เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า “มนุษย์กับเงินเป็นของคู่กันมีมากใช้มาก (เรามีเงินอยู่ห้าร้อยบาทต่อวัน เรามีเหตุผลใช้เงินห้าร้อยนี้ให้ได้)...แต่ถ้ามีเงินน้อยก็ใช้น้อย...(เวลาเรามาถึงทางตัน มนุษย์ต้องหาวิธีเราตัวรอดอย่างไม่น่าเชื่อ)...ถ้าถามว่า "เงินไม่หาย" เราจะได้วิธีเดินทางแบบนี้ไหม "ไม่"..."จงเปลี่ยนความโชคร้ายให้เป็นโชคดีด้วยสติของเรา”
ปิดท้ายด้วยคลิปสั้น : บันทึกระหว่างเดินทาง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in