"เมื่อเรา “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน"
HIGHLIGHTS
- ให้ใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีอะไรจะกิน อยากซื้ออะไรให้เก็บเงินซื้อ
เราขอสรุปเรื่องเงินก่อน ความจริงแล้วยอดเงินเราต้องอยู่ที่ "สองพันสามร้อยสี่สิบบาทเฉลี่ย" แล้วมีเงินใช้ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน แต่ตอนนี้เรามีเงิน “สองพันเก้าสิบบาท” เฉลี่ยแล้วมีเงินใช้ “ร้อยหกสิบบาท” ต่อวัน #เศร้ามากมาย (ไม่ได้รวมเงินเก็บ สองร้อยบาท เราไม่ขอนำมาใช้นะ...#มีแพนต้องเก็บเงินใช้)
สรุปเราต้องใช้เงินร้อยหกสิบบาทต่อวัน แย่กว่าเดิมอีก แต่ถามว่าอยู่ได้ไหม อยู่ได้ ยังอยู่ในกรอบที่พอใช้จ่ายได้ถ้าให้น้อยกว่านี้เราคงยอมแพ้แล้วนะ...ทางออกก็แค่จับมือถือ โทรหาแม่
“แม่ เงินเดือนนี้ไม่พอใช้ โอนมาให้สักหนึ่งพันได้ไหม” จบ.
เรารู้ว่าตัวเองยังรับมือกับค่าใช้จ่ายได้ รับมือกับนิสัยตบะแตกได้อยู่ การโทรหาแม่ ขอเป็นทางเลือกครั้งสุดท้ายนะ หรือบางคนอาจสงสัยว่าทำไมคุณไม่ทำงานเสริม? เราก็คงตอบไปว่าเราขี้เกียจทำงานเสริมจริงๆ ทุกวันนี้เราทำงาน 8.30-18.00 แค่นี้ก็เต็มที่แล้ว เรารู้สึกว่าอยากมีเวลาให้ตัวเองมากๆ และอีกอย่างเราไม่ได้รีบใช้เงิน ไม่มีหนี้สินให้จ่าย ทุกวันนี้พอใช้จ่ายไปวันๆ ก็ดีใจแล้วนะ
เราชอบถูกสอนจากพี่ชายเสมอว่า
“ให้ใช้ชีวิตอยู่แบบไม่มีอะไรจะกิน อยากซื้ออะไรให้เก็บเงินซื้อ อย่าสร้างหนี้เด็ดขาด เพราะเราเริ่มทำงาน การงานยังไม่มั่นคง”
หมายเหตุ : ถ้าเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มเราคงอยากทำงานให้มากกว่านี้
สรุป เมื่อวานไม่มีอะไรให้ใช้เงิน เพราะเป็นวันจันทร์ ร้านขายของริมฟุตบาทราคาถูก ทำให้เราต้องซื้อข้าวใน 7-11 กินแทน แล้วต้องท่องให้ขึ้นใจว่าเรามีเงินอยู่ร้อยหกสิบบาท อย่าใช้เกินนะ...เรามีเงินอยู่ร้อยหกสิบบาท อย่าใช้เกินนะ...เรามีเงินอยู่ร้อยหกสิบบาท อย่าใช้เกินนะ...ฯลฯ และเป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ ตอนเช้าใช้เงินปกติจ่ายรถไฟ อาหาร พอตกเที่ยงจ่ายค่าอาหาร พอตกเย็นอีกแล้วครับท่านหัวหน้าเรียกประชุม อีกแล้วสุดท้ายก็ไปไม่ทันรถไฟฟรีอีกตามเคยต้องจ่ายค่าเดินทางเพิ่ม และอาหารเย็น สรุปค่าใช้จ่ายวัน ร้อยห้าสิบเจ้ดบาท #ยอดเงินคงเหลือ สามบาท จบ.
เมื่อวานนี้ เราจ่ายค่าแท็กซี่ผิด ให้แบงค์พันไปเพราะนึกว่าเป็นแบงค์ร้อย อีแท็กซี่เวรก็ไม่ทอนค่ะ พอถามว่าแบงค์ร้อยเหรอคะ มันก็สะเหล่อตอบว่าครับอีก.............แค้นมากค่ะ แต่ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่ท่องไว้ว่า อย่าให้กูเจอนะ T_T