"เมื่อเรา “เงินเราหาย...ตั้งแต่ต้นเดือน” เราต้องใช้เงินวันละ ร้อยแปดสิบบาทต่อวัน แต่ตอนนี้เหลือร้อยหกสิบบาทต่อวันแล้วนะ"
HIGHLIGHTS
- ทำงานนอกสถานที่ใครว่าไม่ใช้เงินตัวเอง
หลังบ่นการใช้เงิน “ปรับแผนการเงินใหม่” เราต้องใช้เงินวันละ หนึ่งร้อยหกสิบบาท นึกว่าจะไปได้สวยเพราะ วันจันทร์ดูๆ แล้วก็ไม่มีอะไรให้เสียเงิน แต่เวลายังไม่ครบ ยี่สิบสี่ชั่วโมง เราต้องมาคิดแก้ปัญหาอีกแล้ว #ขอยกวันอังคาร เป็นวันซวย เมื่อเราต้องรับผิดชอบให้ไปซื้อของนอกสถานที่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีมาก เหมือนเราได้ปลดปล่อยวันทำงาน ไม่ต้องอยู่ออฟฟิศนั่งเครียดๆ เปื่อยๆ แต่ความสบายเหล่านี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
พี่แค : พรุ่งนี้เราไปซื้อของที่สำเพ็งกับพี่นะ รถออกแปดโมงครึ่ง (สีหน้าพี่แคยิ้มแย้มเป็นพิเศษ เหมือนได้ไปเที่ยว)
เรา : ครับ (อารมณ์เฉยๆ และแอบเซงๆ ทำไมต้องไปตอนไม่มีเงินด้วยนะ)
แปดโมงครึ่งเหรอแค่เดินทางมาทำงานปกติสบายมาก ตัดภาพมาที่เรายืนรอรถไฟฟรี อยู่สถานี เจ็ดโมงยี่สิบก็แล้วรถไฟยังไม่มา เจ็ดโมงสีสิบ เจ็ดโมงห้าสิบก็แล้ว!!!!! “เอาแล้ว ไม่ทันแน่นอน ทำไงดีทีนี้ ไม่รอแม่งละรถไฟฟรี” เราตัดสินใจเดินไปขึ้นแอร์พอร์ตลิงก์ ถ้าไปขึ้นก็ทันอยู่...ตัดภาพมาที่คนเต็มแอร์พอร์ตลิงก์ แถมรถไฟ 6-11 นาที ต่อเที่ยว "โอ๊ยชีวิตมาสายอะไรตอนนี้ สภาวะทางอารมณ์ตอนนั้นเหมือนถูกเวลาตบกะโหลก"
เรา : ฮัลโหล่ พี่แค วันนี้ผมมาสายนะ พี่ไปก่อนเลยนะเดี่ยวผมต่อ MRT ตามไปนะครับ
พี่แค : ได้ๆๆ รีบตามไปนะ
ใจเราอายมากเพราะ ขาดความรับผิดชอบมาสาย แถมไม่กระตือรือร้น เผื่อเวลาเดินทาง...สุดท้ายเสียค่าขาดความรับผิดชอบระหว่างเดินทางจาก แอร์พอร์ตลิงก์ ลงมักกะสัน ต่อ MRT ไปหัวลำโพง = สี่สิบห้าบาท...เราถึงหัวลำโพงประมาณ เก้าโมงครึ่ง
เรา : พี่แคผมอยู่สถานีรถไฟหัวลำโพงแล้วนะ
พี่แค : ถึงแล้วเหรอพี่ยังอยู่ตลาดคลองเตยอยู่เลย
เรา : เอ้าเหรอครับ ให้ผมไปรอที่ไหนครับ(ความรู้สึกแบบตกใจนิดหนึ่ง ทำไมรู้สึกว่าเราถึงก่อนนะ, เคยไหมเวลานัดเพื่อนๆ แล้วรู้สึกว่าตัวเองไปสาย แต่ที่ไหนได้เราไปก่อนเพื่อนสะงั้น)
พี่แค : เธอไปรอพี่ที่ ดิโอลด์สยามนะ พี่น่าจะถึงสิบโมงครึ่ง
เรา : ครับ
เรารู้สึกชิลมากๆขอทานข้าวก่อน ค่อยไปขึ้นรถเมล์ เราก็ทานข้าวในสถานีรถไฟ เหอะเสียค่าอาหารไปห้าสิบห้าบาท แถมจ่ายค่าน้ำสิบบาท นี้แค่เริ่มต้นนะ หมดไปแล้ว หนึ่งร้อยสิบบาท เศร้า
มาต่อ...หลังเสียเงินให้รอบเช้าเราก็เดินทางด้วยรถเมล์สาย สี่ศูนย์ ไปดิโอลด์สยามรอพี่แค แต่ไอ้ดิโอลด์สยามอยู่ตรงไหน!!! โทรศัพท์ไม่มีเน็ตเปิดแผนที่อีก หรือจะโทรถามพี่แคให้บอกทางก็คงโดนเม้าท์ทั่วออฟฟิศว่าเราหลงทาง งั้นใช้วิธีอาศัยถามทางแล้วกัน
คนที่หนึ่ง
เรา : พี่ ไปดิโอลด์สยามกี่บาท ถึงแล้วบอกด้วยนะ
กระเป๋ารถเมล์ : สิบสามบาท แต่รถไม่ถึงดิโอลด์สยามนะ น้องต้องเดินเข้าซอยไปอีกนิด
เรา : ครับ ถึงแล้วบอกด้วยนะ
......
ตัดภาพมาที่เราถูกรถเมล์ปล่อยไว้ที่ไหนสักแห่ง ชีวิตรู้สึกมืดแปดด้าน "เอาไงทีนี้ก็ถามต่อ"
คนที่สอง
เรา : พี่ ดิโอลด์สยามอยู่ตรงไหนครับ
? : ข้ามทางม้าลายไปเลยน้อง
แล้วไงต่อก็ถามต่อ งง "เอาไงทีนี้ก็ถามต่อ"
คนที่สาม
เรา : พี่ ดิโอลด์สยามอยู่ตรงไหนครับ
? : ข้ามสี่แยกไปนะก็ถึงแล้ว
จบ. เดินตามที่บอกไปเลื่อยๆ งง อีกรอบ "เอาไงทีนี้ก็ถามต่อ"
คนที่สี่
เรา : พี่ ดิโอลด์สยามอยู่ตรงไหนครับ
? : ข้างหลังน้องครับ
เอาไงทีนี้..................อายสิรออะไร ฮ่าๆ
เรา : พี่แค ถึงแล้วนะ
พี่แค : เอาเหรอ ok พี่ใกล้ถึงแล้ว อีกสิบนาที
เรา : ครับ (สิบนาทีของคนไทย คือ ครึ่งชั่วโมงนะ เหอะๆ)
หลังพี่แคมาถึง ไม่พูดไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินซื้อของตามรายการสั่งทันที แต่ระหว่างซื้อ พี่แคตบะแตกซื้อของให้ตัวเองจนลืมตัว อย่าง ซื้อที่กดสิว กำไรข้อมือ น้ำยาทาเล็บ กระเป๋าผ้า ฯลฯ (เพราะของถูกมากๆ ) จะไปห้ามพี่แคก็ไม่ได้ ขนาดเรายังอยากซื้อบาง!!! เสียทีไม่มีเงิน จบ.
ระหว่างซื้อเสร็จพี่แคชํานิชํานาญ พาไปทานข้าวเที่ยง ราคาเบากระเป๋า #จานละหกสิบบาทเหอะๆ ค่าข้าวออกเองนะออฟฟิศไม่จ่ายให้เรานะ เรามีหน้าที่มาซื้อของตามคำสั่งเท่านั้น
สรุป ยอดความเสียหายไปแรดนอกออฟฟิศ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดบาท แถมตอนเย็นกลับที่พักอีก สามสิบบาท(ไม่ทันรถไฟอีกแล้ว) และข้าวเย็นอีก สี่สิบบาท รวม----สองร้อยสี่สิบเก้าบาท--- ซึ่งเรามีเงินใช้ต่อวันแค่ ร้อยหกสิบบาท เราต้องนำเงินเก็บสองร้อยบาท มาใช้ แปดสิบเก้าบาท เพื่อแปะส่วนที่ขาดทุน...ส่วนพี่แคคงจะเสียหายไปหลายร้อยเหมือนกัน
“เอาจริงๆ เรื่องนี้จะโทษรถไฟ โทษระบบขนส่งห่วยๆ ทำให้เราช้าก็ไม่ได้ เพราะตัวเราเองไม่วางแผนเองว่า วันนี้เป็นวันสำคัญนะห้ามสาย!! แต่เราทำตัวเปื่อยเองวันหลังต้องระวังตัวเองแล้วแหละ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in