เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Deliberate Gibberishnichised
Christmas Lights
  • “จะถึงวันคริสต์มาสแล้ว เธอตื่นเต้นไหม”

    ฉันที่กำลังนั่งทานอาหารเที่ยงเมนูประหยัดอยู่ในห้องครัวส่วนกลางของห้องสมุดที่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ เงยหน้ามองคนถามอย่างเอือมระอา แต่ก็ตอบไปว่า “อ้อ แน่นอน!” ตามสมองสั่ง เหมือนเวลาคนถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วตอบไปว่าสบายดี! แม้ว่าเมื่อคืนจะพึ่งร้องไห้จนตาบวมเพราะบอลแพ้มาก็ตาม คนถามก็ถามไปอย่างงั้นแหละ พรุ่งนี้เขาจะเริ่มหยุดยาวจนกลางเดือนมกรา วันเที่ยวไม่อั้นเอาไปละลายกับทัวร์ยุโรปตะวันออก เหล้า ไวน์ เบียร์ และแชมเปญ หาได้สนใจคำตอบจากเพื่อนร่วมงาน ฉันคิดอย่างขมขื่นแล้วฝืนกลืนข้าวกลางวันค้างคืนรสชาติไม่ถูกปากต่อไป

    มีอะไรต้องตื่นเต้นกันนักหนานะ คริสต์มาสก็แค่วันเกิดจีซัส หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ขึ้นปีใหม่ การเปลี่ยนเลขปีค.ศ.ไม่ได้มีอะไรมารับประกันเลยว่าชีวิตฉันจะดีขึ้น ปี 2018 น่าจะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน 2019 ก็เริ่มนับสถิติเรื่องราวใหม่ ๆ ในชีวิต เช่น หนังสือที่อ่านไม่จบ คนที่หายไปจากชีวิต น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น

    ฉันเปิดแอพพลิเคชั่นในมือถือที่เต็มไปด้วยคนรู้จักมากมาย เพื่อนสนิทและคนที่ฉันอยากคุยด้วยล้วนหายสาบสูญ บางคนก็ใช้เวลาอยู่กับแฟน บ้างก็กลับบ้านต่างจังหวัดอยู่กับครอบครัว เพื่อนสมัยมัธยมก็แยกย้ายไปมีเพื่อนกลุ่มใหม่ คนที่ฉันอยากคุยด้วยที่สุดไม่กี่คนก็ปฏิเสธการมีอยู่ของอินเตอร์เน็ตและเครื่องมือสื่อสาร หมดเวลาพักเที่ยงพอดี ฉันกดปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือแล้วกลับไปทำงานครึ่งบ่าย พอกันทีกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค พรุ่งนี้เป็นวันหยุดแต่ฉันก็ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารกลางเมืองอยู่ดี

    เย็นวันนั้นฉันไปเดินเตร่ที่สวนสาธารณะระหว่างทางกลับบ้าน ปกติแล้วสวนในเมืองตอนกลางคืนมักจะเงียบงันและชวนให้รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่คืนช่วงเวลาเทศกาลปลายปีแบบนี้ทุกหนแห่งตกแต่งด้วยแสงไฟ ทั้งสีโทนอุ่นเรียบง่าย ไปจนถึงสีรุ้งวิบวับเหมือนยืมมาจากงานวัดเมื่อกลางปี ผู้คนวุ่นวายยุบยับ ฉันเดินหลีกออกมาจากทางหลักตามเสียงเพลงคริสต์มาสที่ได้ยินแว่ว ๆ

    สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ที่สุดของช่วงเวลานี้คงเป็นเพลงคริสต์มาส (ฉันปากดีไปอย่างนั้นแหละว่าเฉย ๆ กับเทศกาล) ถึงแม้บางเพลงจะถูกเปิดซ้ำซากจนโดนเกลียด แต่ถ้าเพลย์ลิสต์ของเธอดีพอ เธอก็จะไม่เดือดร้อนกับเรื่องหยุมหยิมแบบนี้หรอก เพลงที่เปิดแค่ช่วงเวลาเดียวของปีและผูกกับเหตุการณ์พิเศษคงจะทำให้ความรู้สึกตอนฟังพิเศษกว่าเดิม ฉันก็แค่ทำเป็นไม่ได้ยินเพลงที่โดนเปิดซ้ำในห้างไปเท่านั้นแหละ

    ฉันหยุดยืนที่ต้นทางของเสียงเพลงที่เดินตามมาอยู่ตรงหน้าผู้หญิงที่กำลังเล่นฟลุตเพลง White Christmas อย่างตั้งใจ ในหลืบมุมของสวนแห่งนี้ แม้ว่าผู้คนจะเดินผ่านไปอย่างไม่ไยดี แสงไฟก็ไม่สว่างมากนัก โชคดีที่ผมดำยาวของเธอและรวบไว้อย่างลวก ๆ และแว่นตาเชย ๆ เอียงกะเท่เร่ ทำให้ดูไม่เหมือนผีสาวตามมาตรฐานหนังไทยมากนัก ดูเด๋อและไร้พิษภัยจนไม่น่าเป็นผีได้ และก็น่าประทับใจที่ไม่กลัวผีเลยเหมือนกัน

    ฉันหยุดฟังอย่างตั้งใจ เสียงฟลุตให้ความรู้สึกเบาและเย็นสบาย เพลง White Christmas ในเวอร์ชั่นของเธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังว่ายอยู่ในไอศกรีม Hokey Pokey ที่มีสีครีมจากวานิลลาและน้ำผึ้งเป็นก้อน ๆ เรืองแสงเหมือนไฟคริสต์มาสผสมอยู่ข้างใน ทั้ง ๆ ที่อากาศเหนียวเหนอะหนะบวกกับกระเป๋าเป้ใบใหญ่และความรับผิดชอบมากมายกำลังถ่วงหลังของฉันอยู่ ใครต้องการหิมะกัน แค่เพลงคริสต์มาสที่ดีก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนปัญหาทุกอย่างเบาลงและรักเทศกาลขึ้นมา ตรงหน้าของหญิงสาวที่กำลังเป่าฟลุตมีกล่องสีดำเปิดทิ้งไว้ ข้างในมีคนวางเงินไว้จำนวนหนึ่ง ฉันเหลือบมองไปข้าง ๆ ตัวเธอมีไวโอลินวางอยู่บนพื้น คนความสามารถล้นเหลือนี่มันน่าอิจฉาจริง ๆ

    ฉันตัดสินใจเดินย้อนกลับไปทางหลักของสวนที่เต็มไปด้วยคนพลุกพล่าน ซื้อน้ำเปล่าเย็นจัดจากซุ้มใกล้ๆ แล้วรีบจ้ำกลับไปหวังว่านางฟ้าโฮกี้โพกี้ของฉันจะยังอยู่ที่เดิม เธอคงไม่คิดว่าฉันเกลียดเพลงที่เธอเล่นนะตอนเดินหนีออกมา

    เธอหายไปแล้วจริง ๆ ด้วย ทำไมเรื่องไม่น่ายินดีทั้งหลายถึงเดาถูกง่ายแบบนี้

    ฉันยืนเศร้าอยู่ไม่นาน นางฟ้าโฮกี้โพกี้ก็เดินท่อม ๆ มาจากห้องน้ำสาธารณะใกล้ ๆ “ไปไหนมาไหนคนเดียวนี่ลำบากเนอะ ต้องแบกของติดตัวไว้ตลอด เมื่อกี้ฉันว่าจะฝากดูของให้ก็เดินหายวับไปเลย” พูดจบก็นั่งลงกับพื้น จัดแจงสัมภาระของตนเองเตรียมเล่นดนตรีคนเดียวต่อเหมือนกล่าวลอย ๆ กับลมฟ้าอากาศ

    ฉันกำขวดน้ำเปล่าในมือแน่น หายเข้าเฮือกใหญ่เพิ่มกำลังใจให้ตัวเองแล้วบอกกับเธอว่า “ช่วยเล่นเพลงเพลงหนึ่งให้ฉันฟังได้ไหม ส่วนน้ำขวดนี้ฉันให้”

    ราวกับว่าเวลาผ่านไปนานจนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลั้นหายใจอยู่ครึ่งชั่วโมง บรรยากาศรอบตัวเงียบน่ากระอักกระอ่วนเมื่อไม่มีเสียงดนตรี หญิงสาวกล่าวขอบคุณ เปิดขวดน้ำแล้วดื่มไปอึกใหญ่ดูสดชื่นจนเหมือนโฆษณาน้ำอัดลม และหันมาถามฉันว่าอยากฟังเพลงอะไร ฉันขอให้เธอเล่นเพลง Canon in D

    “ทำไมถึงขอเพลงนี้ล่ะ มันหลุดธีมคริสต์มาสนะ”
    “เพลงนี้หน้าตาเหมือนไฟคริสต์มาสที่สุดน่ะ เหมือนยิ่งกว่าเพลงคริสต์มาสจริง ๆ เสียอีก”
    “เพลงมีหน้าตาที่ไหนกัน เธอไม่ใช้หูฟังเพลงหรอ”
    “ฉันใช้หูฟัง แต่สมองฉันมันทำให้เห็นเป็นภาพด้วยน่ะสิ”
    “ประหลาดจริง โลกนี้มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกเยอะเลย อืม จริง ๆ ก็คงไม่ประหลาด แต่ฉันแค่ไม่รู้ ถ้าอย่างงั้นฉันเล่นเพลงตามที่เธอขอแล้วเธอช่วยเล่าสิ่งที่เธอเห็นจากเพลงอื่น ๆ ที่ฉันเล่นให้ฟังได้ไหม”

    ผู้หญิงคนนี้มันอะไรกัน ทำไมคำพูดคำจาไม่เชื่องเหมือนหน้าตาเลย แต่ก็ให้ความรู้สึกสบายใจแปลก ๆ ฉันถึงได้ต่อปากต่อคำจนลืมตัวแบบนี้

    ฉันยืนคุยกับเธออยู่ตรงนั้นนานจนขาแข็ง กว่าจะนึกได้ว่าตัวเองยังแบกของจำนวนมากอยู่ ฉันวางของทุกอย่างลงแล้วชวนเธอนั่งกับพื้นตรงนั้น เธอเล่นเพลงด้วยไวโอลินบ้าง ฟลุตบ้าง สลับกับฉันเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นจากเพลงให้เธอฟังจนกระทั่งเวลาสวนปิด เสียงประกาศไล่คนกลับบ้านดังเป็นระยะ แสงไฟคริสต์มาสตามทางหลักของสวนยังคงเปิดทิ้งไว้อยู่

    “เสียงประกาศนี่หน้าตาเป็นยังไงนะ” นางฟ้าโฮกี้โพกี้ยังถามฉันไม่เลิกด้วยหน้าตาเชื่อง ๆ เหมือนเดิม
    ฉันมองแสงไฟคริสต์มาสของจริงรอบตัวที่กำลังจะสิ้นสุดลง ก่อนจะตอบไปว่า “เหมือนผ้าสามสีพันรอบต้นไทรน่ะ”

    พวกเราหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางออก ไม่มีคำพูดอะไรจะกล่าว ขนาดชื่อเรายังไม่ถามกันเลย ฉันกลั้นใจไม่พูดอะไรเพราะเดาว่าทุกอย่างคงจบลงตรงนี้ พรุ่งนี้ฉันก็คงกลับไปทำงานหาเงินใช้ชีวิตน่าเบื่อเหมือนเคย หมดเทศกาลแล้วไม่มีเพลงคริสต์มาสฟังแล้ว

    “ไว้มาฟังเพลงที่เราเล่นอีกนะ” ฉันกลั้นน้ำตาเมื่อเธอพูดจบ คริสต์มาสปีหน้าที่เดิมสินะ ฉันไม่รู้จะตอบอะไร ต้องรออีก 11 เดือนกว่าคนจะเริ่มเปิดเพลงคริสต์มาสอีก

    “ทำหน้าเศร้าทำไม ชีวิตนี้เธอตั้งใจจะฟังแค่เพลงคริสต์มาสปีละครั้งหรอ อะ นี่นามบัตรร้านเรา ปกติเราเล่นอยู่ที่บาร์แจ๊สแถวนี้น่ะ แต่ช่วงนี้ร้านปิดคริสต์มาส เลยมาเล่นที่นี่แก้เบื่อแทน”
    “ไม่ได้ตั้งใจจะฟังแค่นี้สักหน่อย” ฉันบ่นแก้ตัวอุบอิบ
    “ถ้างั้นมาฟังฉันเล่นอีกนะ ฉันอยากรู้ว่ามันหน้าตาเป็นยังไง”

    พวกเราแยกย้ายจากกันโดยไม่ได้แลกหนทางติดต่ออะไรนอกจากสถานที่นัดพบ มีเพียงความเชื่อใจจากคำพูดปากเปล่าเป็นรากฐาน ฉันเดินทางกลับบ้านอย่างงง ๆ คืนคริสต์มาสอีฟที่น่าตื่นเต้นกำลังจะจบลง อย่างน้อยก็มีเรื่องดี ๆ เพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง แปลกดีที่ฉันไม่เคยนับเลยว่าสถิติเรื่องดี ๆ ในแต่ละปีมีอะไรบ้าง ไม่แน่ใจว่ามันไม่มีเองหรือฉันแค่ไม่เคยนับ เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์จะเริ่มปีใหม่ นับเป็นปีมันนานไปฉันจำไม่ได้หรอก ขอเริ่มทีละสัปดาห์ก่อนแล้วกัน ตอนนี้มีหนึ่งเรื่องแล้ว.

    -----

    Note: ขอบคุณเพลง Coldplay - Christmas Lights ที่ฟังทุกปีจนทำให้อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา และผู้หญิงคนที่เล่นฟลุตเพลง Canon in D ตอนสี่ทุ่มตรงทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
daiong (@Daiong)
พอพูดถึง Hokey Pokey แล้วเห็นภาพชัดมาก ทั้งภาพบรรยากาศในเรื่องและกลิ่นอายนิวซีแลนด์ 55555 ชอบจังเลย ตอนจบซึ้งดีด้วยล่ะ ขอบคุณที่เขียนออกมานะจ๊ะ
nichised (@ksdholler)
@Daiong แงงงงง ขอบคุณนะะะะ <3333