เสียงฝนยังคงซัดสาดอยู่ ไม่มีทีท่าเลยว่าจะเบาลง แม้ว่าอาคารแห่งนี้จะถูกก่อสร้างแบบลักษณะอาคารพานิชย์แบบมีดาดฟ้า แต่ผู้พักอาศัยกลับยังได้ยินเสียงฝนที่ตกลงมาชัดเจน เสมือนกับเราอยู่บ้านที่มุงสังกะสี “สาดดดด หยุดได้แล้วโว้ย”
เราตื่นมา2-3รอบ ก็ยังพบเจอแต่ภาพและเสียงเดิมๆคือฟ้าที่ครึ้มและเสียงฝนที่ยังคงเทลงมา ดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ นี่ก็พึ่งบ่าย2ครึ่งเอง เอาวะยังพอมีเวลาถึงเย็น ผมเลยนัดหมายกับมิตรสหายว่า 4โมงเย็นก็ควรออกไปเที่ยวกันได้แล้ว ถ้าฝนมันเบาลง ได้เวลาเข้าสู่โหมดจำศีล...
ZzZzZzZzZz
ผมหลับลึกอย่างไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะวันนี้ผมค่อนข้างเพลียตั้งแต่มาถึงแล้ว ในภวังค์แห่งการหลับลึกนั้นไม่มีฝันเกิดขึ้นเลย และไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณที่จะมาปลุกให้ตื่น ผมคิดว่าเพื่อนทุกคนก็ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน เมื่อฟ้าฝนเป็นใจ(ในการนอน) บวกกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน มีหรือที่เราจะฝืนธรรมชาติและบรรยากาศด้วยการไม่หลับลึก
_________________________________________________________________________________________________
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็รีบคว้าโทรศัพท์มาดู
โอ้โหชิบหาย 6โมงเย็นแล้ว ตื่นกันได้แล้วโว้ยยยยย
ความรู้สึกของผมตอนนี้คงเหมือนนั่งรถเมล์แล้วเลยป้าย...
แพลนของเราที่ยังพอเป็นไปได้ตอนนี้คือการไปที่ art museum ต่อด้วยหาไรกินที่ the café apartment และต้องกลับมาอาบน้ำเวลาประมาณ 3ทุ่ม เพื่อขึ้นรถนอนตอน4ทุ่มกว่าๆ
ได้เวลายกพลเข้าเมืองโฮจิมินห์กันแล้ว การเดินทางของเราในครั้งนี้คือ เดินเท้า เพราะจากที่ดูแผนที่คงไม่ใกล้มาก ก็เดินไปเรื่อยๆ ตาม map ที่เป็นแผ่นกระดาษสลับกับแบบเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
ผมหาข้อมูลเกี่ยวกับ art museum ระหว่างเดิน ก็พึ่งมาค้นพบว่าวันนี้ปิด...
“อ้าวสาดดดดดด”
เราเดินวนไปวนมาท่ามกลางแสงไฟหลากสีที่เริ่มฉาบโทนสีความมีชีวิตชีวายามค่ำคืนให้กับมหานครแห่งนี้ พร้อมกับการจราจรที่ยังดูบ้าคลั่งไม่เปลี่ยนแปลง
สกิลปีนฟุตบาทของมอไซค์เวียดนามเทพระดับที่พี่วินแถวบ้านเราต้องยอมเลย
ไม่ถึงเดอะคาเฟ่ซักที...
ถามคนในท้องที่ก็ได้คำตอบที่แตกต่างมาโดยตลอด -วันนี้จะเดินเจอมั้ยวะเนี่ย...
ความงกก็ถูกความขี้เกียจต้อนเข้าจนมุม เรา5ชีวิตก็เลือกใช้บริการแท๊กซี่ของ Mailihn (จากที่ศึกษามาแท็กซี่ในเวียดนามนั้นมีชื่อเสียเป็นอย่างมากในการโกงนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบไม่ว่าจะขับอ้อม สลับแบงค์ ไปจนถึงปล้นผู้โดยสารเลยก็มี ถึงขนาดกงสุลยังออกมาเตือนแต่ก็ยังพอมีไว้ใจได้ออย่าง Vinasun(สีขาว) และ Mailihn(สีเขียว) ถ้าต้องใช้บริการก็แนะนำให้ใช้2บริษัทนี้ครับ) สื่อสารกันจนเข้าใจตรงกันถึงจุดหมายปลายทางที่จะไป ผมก็แอบหวั่นว่าจะเจอดีเข้าเลยมั้ยตั้งแต่วันแรก ถ้าเจอก็มาเลย ยังพอมีตังให้พวกมึงโกงอยู่เว้ย
ตลอดระยะทางที่แท็กซี่ขับมา ก็ทำให้ผมรู้เลยว่า พวกผมไปกันคนละทิศกับจุดหมายมาตลอด -ถึงว่าไม่เจอสักที เมื่อถึงจุดหมายก็ทำการจ่ายค่าโดยสารทั้งหมด 57.000 ดอง ซึ่งจะว่าไปก็ถูกกว่าแท็กซี่ที่ไทยอีก
กระเป๋าตังพวกเรารอดจากการโดนแท็กซี่รับน้องแล้วครับ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in