ผมหวังว่าการเปลี่ยนแปลง(ในทางลบ)จะไม่เกิดขึ้น แต่บางสิ่งบางอย่างมันเกินควบคุมจริงๆ มีการเปลี่ยนแปลงคนที่ไปตลอด จนตอนแรกคิดว่าคงเหลือคนไปแค่ 2-3 คนแน่เลย แต่อย่างไรก็ตาม สมาชิกในครานี้ก็กลับมาครบที่5คนเช่นเดิม เราก็ได้วางแพลนคร่าวๆ จองที่พักล่วงหน้า อ่านแนวทางจากกระทู้ที่ไปมาแล้ว ติดตามสภาพอากาศที่นั่น(ซึ่งฝนตกแม่งทุกวันเลย) หาสถานที่แลกเงิน และพยายามเก็บเงินที่จะไปเที่ยวกันอย่างทุลักทุเล
ก่อนวันออกเดินทางผมได้ไปทำการแลกเงินที่ Super Rich(สีส้ม) สาขา BTS หมอชิต โดยทำการแลกเงิทบาทเป็นเงิน US Dollar แล้วค่อยนำ US Dollar ไปแลกที่เวียดนาม
เงินประมาณ 5000 บาท ถูกแปรสภาพเป็นเงินจำนวน 148 ดอลล่าห์ แน่นอนว่าเป็นเงินจำนวนที่น้อยมากในการไปใช้ชีวิตที่นั่นถึง 5 วัน แต่ผมก็แอบหวังน้ำบ่อหน้าด้วยการค่อยไปกด ATM เอาที่นู่น แม้จะโดนค่าธรรมเนียมที่ไม่น้อยเลยก็ตาม เป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างประมาทเลยทีเดียว
วันคืนเปลี่ยนมาสู่วันที่17 ได้เวลาแล้วที่สิ่งที่เตรียมกันมาจะเริ่มนำออกมาใช้...
เราบินไฟล์ทเช้าประมาณ 07.45น. สภาพอากาศในขณะนั้นส่งเสริมให้นอนตีพุงอยู่หอมากกว่าจะออกไปผจญโลกภายนอกเสียจริง แต่เราก็มาถึงสนามบินดอนเมืองทันเวลา พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่กำลังเลื่อยลอย ผมไม่ได้คิดถึงจุดหมายปลายทางที่จะไปเลย ผมคิดถึงแต่เพียงต้นทางที่เราจากมา ใช่แล้ว เตียงนอนที่พึ่งจากมานั่นเอง
เราออกเดินทางกันแล้วด้วยเครื่องโบอิ้ง 737จากค่ายนกแอร์ จากน่านฟ้าสยามสู่น่านฟ้าเวียดนามใต้ ระหว่างเดินทางสภาพอากาศบนนั้นก็หาใช่สงบไม่ ความแปรปรวนทางสภาพอากาศก็ก่อให้เกิดหลุมอากาศขึ้นมาตามเส้นทางที่เราบิน เราก็ไม่พลาดที่จะจัดไปซักหลุม สองหลุม (ไม่เกี่ยวอะไรใดๆกับสมุนไพรบางชนิดทั้งสิ้น) จนในที่สุดก็มาถึงสนามบิน Tan Son Nhat Int'l Airport ในเวลาล่าช้ากว่าเวลาที่แจ้งไว้ไม่กี่นาที
ก่อนจะออกไปซ่าต้องผ่านตม.เสียก่อน
เพียงแค่เหยียบสนามบินปลายทางก็สัมผัสถึงความไม่เป็นใจเข้าซะแล้ว กอปรกับการพึ่งรู้ว่าลมมรสุมจากทะเลจีนใต้เข้ามายึดพื้นที่ตามภูมิภาคที่เราท่องเที่ยว โอ้โห เหมือนความฟัคอัพกำลังโบกมือทักทายหยอยๆ อยู่ข้างหน้านี่เอง
เราเดินมาต่อแถวผ่านตม. ซึ่งต่อแถวกันยาวพอๆกับแถวคนที่มารอต่อซื้อไอโฟนที่พึ่งเปิดตัว ยาวชิบหาย ยาวทุกแถวด้วย สุดท้ายก็ผ่านมาอย่างราบรื่น ไร้ปัญหาใดๆ พร้อมออกไปรับสัมภาระที่เตรียมมาและพร้อมพบเจอกับภาระที่รอพวกเราอยู่
เราใช้เวลาในการแลกเงินและซื้อซิมนานกว่าที่คิด เพราะความงกทำให้กลัวเหลือเกินที่จะได้เรทเงินที่ไม่ดี และ ซิมอินเตอร์เน็ทที่ไม่คุ้มค่า (แม้ว่าจะศึกษามาแล้ว เจอของจริงไป กูรวนเลย)
จนแล้วจดรอดก็แลกเงินในสนามบินตามกรุ้ปแอร์ฯสายการบินนึง แลกไป100ดอลได้เงินมา3ล้านกว่าดอง (แม่ครับผมมีเงินล้านก้อนแรกแล้วครับ) และมาจบที่ซิมโทรศัพท์ค่าย vinaphone สนนราคาที่ 135000 ดอง เน็ตอย่างเดียว 9gb โทรเข้าออกไม่ได้ (วิธีคิดเงินคร่าวๆ ให้ตัดศูนย์สามตัวหลังออกแล้วคูณด้วย 1.5)
เงินพร้อม เน็ตพร้อม คนก็พร้อมนานแล้ว ได้เวลาออกลงพื้นที่กันซักที...
เราเดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาออก ท่ามกลางมวลมหาประชาชนชาวญวนที่รออยู่ข้างนอกตัวอาคาร ไม่แน่ใจว่าเค้ามารอรับญาติหรือรวมตัวก่อม็อบประท้วงผู้อำนวยการสนามบินกันแน่
ดีใจมาก คนมารอรับเพียบ (หรอวะ?)
เรามองหารถบัสเพื่อพาเราไปสู่ถนน Pham Ngu Lao ที่ซึ่งเราจะต้องไปหาซื้อตั๋วรถ เราแหวกทุกรีวิวที่มักจะขึ้นสาย 152 ด้วยการขึ้นสาย 49 พร้อมกับค่าโดยสารที่แพงกว่าประมาณ 10000 ดอง (อื้อหือ อย่างเจ็บ) พอขึ้นมามีผู้โดยสารที่รอก่อนอยู่แล้ว3คน ซึ่งก็มาทราบหลังจากนั้นว่า อ้าว...คนไทยทั้งนั้นเลยนี่หว่า รถบัสสาย 49 นี้ เลยกลายเป็นรถบัสของทัวร์ไทยที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันไปโดยปริยาย...
ระหว่างทาง เราตื่นเต้นกับระดับการจราจรในเมืองนี้ซึ่งรถเยอะมากๆ ดูวุ่นวายสุดๆ นี่กูหนีจากรถติดกรุงเทพเพื่อมาติดที่โฮจิมินหรอวะเนี่ย เสียงแตรจากรถทุกชนิดดังตลอด ถ้าเป็นที่ไทยคงมีลงไปโบกกันบ้างแล้ว แต่สำหรับที่นี่บีบไปเหอะไม่มีใครว่า
รถเคลื่อนผ่านสถานที่สำคัญในเมืองตลอดๆอาทิ พิพิธพันธ์สงคราม อนุสาวรีย์ลุงโฮ รวมไปถึง สถานที่ราชการต่างๆซึ่งออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอธิค พลางนึกไปในใจว่า -เดี๋ยวจะมาตามเก็บให้หมดเลย
หลังจากได้รับบริการ sightseeing เมืองโฮจิมินห์ อย่างไม่คาดคิด จากสาย49 รถก็เคลื่อนตัวจนมาถึงสถานีปลายทางสักที ถนนฟามงูหลาว นั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in