ตู้มมมมมมมมมม เสียงประทัดดังขึ้นนอกหน้าต่าง เชิญชวนให้มนุษย์ขี้เหงาที่กำลังกลิ้งตัวอยู่บนเตียงเดินออกไปดู
คุณป้าวัยประมาณ 50 ปีกำลังตกแต่งหน้าบ้านตนเองด้วยแสงเทียนสวยงามตาที่กำลังส่องเรียงรายกันเป็นแถวสีสดใส พอย้ายสายตาไปส่องอีกบ้านหนึ่ง ก็ยังเป็นแสงเทียนหลากหลายเล่มที่ส่องแสงสว่างเหมือนกันบ้านหลังแรก ถัดไปอีกหลังก็ยังมีกิจกรรมลักษณะเช่นเดียวกันคล้ายเป็นการเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง
อ่อ นี่คือ 'วันออกพรรษานั่นเองเนอะ' ลืมไปเลย
พ่อใหญ่กับแม่ใหญ่ คือคำที่ฉันใช้เรียกตากับยาย เมื่อครั้งยังเด็ก ท่านจะจุดเทียนบนกาบกล้วย แล้ววางไว้ที่หน้าบ้านทุกคืนวันออกพรรษา แต่ปัจจุบันนี้แค่วางเทียนไว้บนริมรั้ว หรือ ริมระเบียงเท่านั้น เหตุผลที่จุดเทียน อาจจะเป็นเพราะว่า พวกเราเหล่าชาวพุทธบูชาพระพุทธเจ้าด้วยแสงกลมๆอุ่นๆ เหมือนดังเช่นพญานาคที่แสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าด้วยดวงไฟกลมๆส้มๆเช่นกัน
แสงไฟสีกลมๆ เหมือนดังดวงจิต เปลวไฟแผ่วเบาและนิ่มนวลเหมือนดังความอ่อนน้อม คุณสมบัติทั้งสองประการนี้ อาจทำให้ 'การจุดเทียน' คือวิถีของชาวพุทธสำหรับการสักการะบูพระพุทธเจ้า
ช่วงเวลาที่ผู้คนกำลังจุดเทียนหน้าบ้าน ช่วงเวลาที่มีเสียงพลุอึกทึก และเสียงประทัดครึกโครม หวนทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่ทำกิจกรรมเช่นเดียวกันกับครอบครัว
ปีที่แล้ว ฉัน พ่อ แม่ และพี่สาว จุดเทียนที่ริมรั้วบ้านในคืนวันออกพรรษา สวดมนต์ภาวนาก่อนเข้านอน แถมยังตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าตรู่ด้วยกัน
ปีนี้ นั่งอยู่ในห้องสี่เหลียม คนเดียว เหงานิดหน่อย เตรียมตัวอาบน้ำสวดมนต์เข้านอน คิดว่าพรุ่งนี้ไม่น่าจะตื่นมาใส่บาตรทันแน่ๆ
ที่พูดมาทั้งหมด
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ...... คิดถึงคนที่บ้าน เท่านั้นแหละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in