#หนอนชาเขียวเกี้ยวนางอาย #โจรสลัดฟันเป็ดน้อย
--------------------------------
"ไง"
"อะตอม?" อนุวัฒน์พูดชื่อออกไปอย่างไม่รู้ตัว นี่เขากำลังเมายาชาหรือคงเพ้อถึงชนกันต์มากเกินไปหรือเปล่าจนเห็นภาพหลอน เด็กหนุ่มผิวขาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสวมทับด้วยโค้ทตัวใหญ่สีน้ำตาลเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างเตียงช้าๆ
"แผลเป็นยังไงบ้าง"
"......."
"เจ็บมากมั้ย?" ชนกันต์ถามแล้วเอื้อมมือไปแตะมือที่มีผ้าพันแผลเบาๆอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตาสีดำน้ำตาลสั่นไหว แก้มกลมแดงจากอากาศหนาวข้างนอกสีเข้มขึ้นกว่าเดิมจากความกังวลและความเป็นห่วง จนส่งผลให้หัวใจเต้นแรงขึ้นและทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง
"ไม่เลย" ชายที่นอนอยู่บนเตียงตอบ
"..."
"ไม่เจ็บเเล้ว" อนุวัฒน์ยิ้มออกมาจากหัวใจที่เปี่ยมสุข เขาไม่นึกไม่ฝันว่าการที่ได้เห็นหน้าคนที่ตัวเองรักอีกครั้งมันจะมีความสุขมากขนาดนี้
"ยิ้มอะไร" ชนกันต์เริ่มรู้ตัวว่าตนเองคงแสดงออกว่าเป็นห่วงมากเกินไปจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าให้ดูเคร่งขรึมดังเดิม
"เปล่า" บอยตอบ
"....."
"พี่แค่ดีใจ..ที่เรามา"
"..แล้วพี่ไปทำอะไรถึงถูกยิง ไปมีเรื่องกับใครมา"
"พี่เปล่ามี แหนมต่างหากล่ะ" สีหน้าของชนกันต์แสดงถึงความสงสัย ซึ่งอนุวัฒน์ก็เดาออกแต่เขาก็ยังเล่าอะไรให้ฟังไม่ได้มากนัก เพราะยังไม่รู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น
"อะตอม" คนถูกเรียกค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายหน้าตี๋ อนุวัฒน์เงียบไปพักนึงก่อนจะรวบรวมความกล้าออกไป
"พี่คงเอาแชมป์สามสมัยกลับมาให้ไม่ได้แล้ว"
"...."
"แต่พี่ก็อยากบอกว่า ในอนาคตไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ยังอยากอยู่กับเรานะ"
"..พี่บอย"
"แม้ว่าเราจะไม่ต้องการก็เถอะ แต่สำหรับลูกที่จะเกิดมา พี่ขอเป็นคนดูแลด้วยได้มั้ย อย่างน้อยพี่ก็อยากให้เราอนุญาตให้ช่วยออกค่าเลี้ยงดูก็ยังดี"
"...."
"พี่ไม่รู้ว่ามันจะสายไปมั้ย ที่จะถามแบบนี้ แต่.." ฝ่ามืออุ่นค่อย ๆ เลื่อนไปจับกับมือเล็กที่เย็นจากอากาศภายนอก
"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย อะตอม"
------------------------------
หลังจากผ่านมาไม่กี่วัน ตำรวจก็สามารถจับตัวคนร้ายและคนบงการได้ เขาทำการติดต่อรณเดชไป ซึ่งแหนมก็รีบเดินทางไปในทันที
"พี่ครับ ผมไปด้วยได้มั้ย?" ธนนท์ลุกขึ้นถามแต่ก็ได้รับคำปฏิเสธกลับมา
"เราไปให้สัมภาษณ์มาทั้งวันแล้ว พี่ว่าเราพักอยู่ที่ห้องนี่ล่ะ"
"แต่ผมอยากไปด้วย" รณเดชหยุดอยู่กับที่หลังจากได้ยินประโยคขากธนนท์ เขาหันไปหาชายตัวสูงที่ยืนอยู่ที่เตียง ก่อนจะเดินไปลูบผมเบาๆ
"พี่ไปแปปเดียว เดี๋ยวพี่มา นะครับ ไม่ต้องคิดมากน่า" พูดจบปากอุ่นก็จูบเข้าที่แก้มสีแทนเบาๆแล้วเดินออกไปจากห้องทันที ส่วนธนนท์ก็ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงเงียบๆ เขาอยากไปแต่ก็ไม่อยากรบกวนอีกคน ธนนท์ตัดสินใจทิ้งตัวลง ห่มผ้าแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ทว่าจู่ ๆ อาการปวดมวนท้องทำเอาเขาต้องนอนงอตัวเพื่อหวังจะบรรเทาความเจ็บที่เกิดขึ้น จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลุกจะไปหยิบยาที่พกไว้ในกระเป๋าเดินทางแทนที่จะคว้ามือถือมาโทรออก หรือกดคอลโอเปอเรเตอร์
ช่วงล่างของร่างกายชาจนขยับลำบาก ก่อนที่เขาจะรู้สึกเย็นวาบจนหยุดให้เขายืนอยู่กับที่
แล้วล้มลงทันทีพร้อมกับสติที่ดับลง
-------------------------------
"คุณตำรวจแน่ใจจริงๆแล้วใช่มั้ยครับ" รณเดชถามชายในเครื่องแบบที่ยืนอยู่ข้างๆพลางมองผ่านกระจกสะท้อนด้านเดียวปรากฎเป็นหญิงรูปร่างคุ้นตา
น้าของเขา
"จากหลักฐาน พยานและการให้การของมือปืนแล้ว คนนี้นี่แหละครับที่เป็นคนบงการ" ชายผิวขาวเอามือกุมขมับทันทีที่ได้ยินคำยืนยันแบบนั้น มือของเขากำลังสั่นจากความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นทำให้รู้สึกชาไปทั่วหน้า
แต่มากกว่าความโกรธ คือ ความผิดหวัง
มากกว่าความผิดหวัง คือ ความเสียใจ
"คดีนี้เป็นคดีพยายามฆ่า ซึ่งต้องรอดำเนินการตามกระบวนการชั้นศาล แต่หากคุณต้องการจะยอม.."
"ดำเนินให้ถึงที่สุด" หลังจากที่รณเดชเงียบจมกับความคิดของตัวเองไปพักใหญ่ เขาก็ตอบตำรวจด้วยน้ำเสียงชัดเจนและหนักแน่นในสิ่งที่พูด ชายผมดำดัดหันไปมองหน้าชายในเครื่องแบบก่อนจะย้ำคำเดิม
"ผมต้องการให้ใครก็ตามที่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ถูกลงโทษสถานหนักทุกคน ผมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด" รณเดชยืนยันคำพูด ส่วนตำรวจหนุ่มก็พยักหน้าแล้วหันไปพูดกับลูกน้อง ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานต่อ
ชายผมดัดตั้งสติแล้วพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ หลังจากรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด
อาจจะดูใจร้ายที่ไม่คิดให้อภัยญาติของตัวเอง
แต่คิดไปคิดมา ญาติของเขาก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ
มีแต่ เงิน เท่านั้นแหละที่เป็นลูกหลานในสายตาของน้า
------------------------------------------
"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย" อนุวัฒน์พูดแล้วมองหน้าอีกคนที่ก้มหน้ากลืนน้ำลาย ความหวังที่น้อยนิดกลับน้อยลงเรื่อย ๆ จากความเงียบที่ได้รับ
"ไม่เป็นไร พี่เข้าใจนะถ้าเราจะไม่กลับมา" ประโยคต่อมาทำเอาชนกันต์เงยหน้ามองด้วยความตกใจ หัวใจดวงเล็กเต้นระรัวจากความตระหนกและรอยยิ้มบางฉาบความเศร้าของชายอายุมากกว่า
"พี่พลาดเองที่ตอนนั้นทำให้เรามั่นใจในตัวพี่ไม่ได้"
"...."
"พี่แค่กลัวเกินไป กลัวว่าจะดูแลเราได้ไม่ดี"
"...."
"แต่พอพี่แน่ใจจริงๆ มันก็ดูเหมือนว่าจะสายไปแล้วสินะ" บอยหัวเราะเบาๆแล้วกลายเป็นฝ่ายที่ก้มหน้าแทน ส่วนชนกันต์ก็ยังนั่งปล่อยให้อีกคนจับมืออยู่ที่เดิมไม่พูดอะไร ความเงียบเข้ามาแวะเวียนในห้องผู้ป่วยอยู่พักหนึ่งก่อนที่เสียงทุ้มอบอุ่นจะดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มบางของอนุวัฒน์
รอยยิ้มที่ดูเจ็บปวดเหลือเกินในสายตาของชนกันต์
"พี่ขอโทษจริงๆ สำหรับทุกอย่าง"
"...."
"พี่ขอโทษนะ"
"พี่บอย" มือเล็กเย็นเอื้อมไปสัมผัสที่แก้มตอบของชายที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ความร้อนจากใบหน้าอีกฝ่ายสร้างความอบอุ่นให้กับฝ่ามือขาวของชายอายุน้อยกว่า ก่อนที่ชนกันต์จะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ
"ตั้งแต่เรารู้จักกันมา พี่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก แถมยังกวนประสาท"
"...."
"แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสีหน้าแบบนี้จากพี่" อะตอมพูดแล้วลูบที่แก้มของชายอีกคนเบาๆ ภาพของชายที่มีอำนาจ น่าเกรงขามหายไปแล้ว หลงเหลือเพียงชายที่มีดวงตาที่สั่นไหวและฉ่ำน้ำจากอารมณ์และความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก ปลายจมูกโด่งแดงก่ำไม่ใช่จากอากาศที่หนาวเย็น แต่เกิดจากความอึดอัด โกรธเกลียดตัวเองภายในใจ ชนกันต์ยิ้มแล้วก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติ เพราะเขาก็กำลังจะร้องไห้ไม่ต่างอะไรกับคนตรงหน้า ก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงปกติ แม้ว่าดวงตาของเขากำลังคลอไปด้วยน้ำตาจนแทบล้นเอ่อ
"ไม่ต้องร้องไห้หรอก พี่บอย"
"...."
"เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันนะฮะ"
tbc
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in