ประตูปิดดังกึก !
เสียงน้ำสาดกระเซ็น
แสงไฟสว่างวาบ
นี่เป็นสัญญาณว่าจะไม่เหงาอีกแล้ว
‘นั่นใครกันนะ’
‘สวัสดี’ นี่เป็น
“ฮายยย” เธอส่งเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้ความสดใสของเธอทำให้รู้สึกดีทีเดียวเชียวล่ะ
เธอ... เด็กสาว
วันนี้เธอดูสดใสเป็นพิเศษ เธอค่อย ๆ เปลื้องผ้าที่ห่อหุ้มตัวเธอออกแล้วหยิบชิ้นที่เล็กกว่ามาใส่
เธอมองมาพร้อมกับหมุนตัวซ้ายขวาก่อนจะทำหน้าบึ้งตึง
แย่จัง...เธอไปเสียแล้ว
“แต่งตัวอะไรเนี่ย เหมือนจะดีนะ แต่... โอ้โห โคตรรัดรูป” เสียงโหวกเหวกของคนแก่กว่าดังขึ้น
อีกแล้ว
ทำไมเขาต้องเสียงดังขนาดนี้อีกแล้ว
แถมยังใช้น้ำเสียงแบบนั้นอีกแล้ว...
. . . . . . . . . .
นี่ก็เหมือนครั้งก่อน ๆ
เธอเดินมาหาเช่นทุกทีแต่ครั้งนี้ดูท่าว่าจะมีเรื่องนิดหน่อย แววตาเธอดูปรือปรอยหน้าเธอดูไม่สดชื่นเสียเลย
“หาววววววว” เสียงทักทายของเธอไม่เหมือนทุกที
‘ไม่ชอบเลย’
‘ชอบที่เธอยิ้มมากกว่า
อยากจะบอกกับเธอไป แต่ก็เสียเปล่า สื่อสารกับเธอได้เสียที่ไหนกันเล่า...
แต่หลังจากนั้นก็อดดีใจไม่ได้
“ตาดูคล้ำ ๆ ว่ะ งั้นวันนี้ขอจัดเต็มหน่อยแล้วกันนะ” เธอพูดแล้วฉีกยิ้มตรงข้ามกับสภาพของเธอที่พร้อมจะสลบตรงหน้าได้ทุกเมื่อ
ครั้งนี้ได้อยู่กับเธอนานขึ้น เธอหยิบนู่นวางนี่ช่างดูวุ่นวายจนน่าขัน แถมยังดูแจ่มใสกว่าทุกคราอีก วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีสำหรับเธอแน่ ๆ
ชอบจัง... ชอบแบบนี้เสียจริง ๆ
เสียงตึกตักดังขึ้น
สัญญาณว่ามีคนมาอีกแล้ว และเป็นสัญญาณเดียวกันที่บอกให้รู้ว่าเธอจะต้องไปแล้ว
ท่อนบนของเธอเป็นสีครีมขาวยาวไปจนสุดแขนของเธอตรงข้อมือมีแถบสีดำอยู่ด้วยส่วนข้างล่างเป็นผ้านุ่งสีดำแดงตัดสลับกันยาวลงมาจนเกือบถึงเข่า...แต่ก็ไม่ทำให้มันดูลอยอยู่นิดหน่อย
‘ขอให้มีคว---’
เสียงของเขาคนนั้น
เสียงของผู้หญิงที่แก่กว่า
“แต่งตัวบ้าอะไรเนี่ย ทุเรศ”
“สั้นไปเปล่า”
“น่าเกลียด”
สารพัดคำพูดที่ถูกสรรหามาเอื้อนเอ่ย แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย
ส่วนเธอ... เธอนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ทำท่าเหมือนจะพูดทุกครั้งที่แต่ละประโยคนั้นพรั่งพรูออกจากปากหญิงที่แก่กว่า แต่เธอก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรจริง ๆ จัง ๆ เว้นเสียแต่ดวงตาที่กลอกไปมากับรอยยิ้มของเธอที่เลือนหายไป
อีกแล้ว…
ถึงเป็นเพียงแค่สิ่งไม่มีชีวิต ...เจ้าพวกพูดได้มักเรียกแบบนี้
ไม่รู้หรอกว่า “
แต่ถ้ามันทำให้รอยยิ้มของเธอหายไปก็ไม่ชอบ
ไม่ชอบเลย
เกลียดจริง ๆ
ตอนที่จับฉลากนี่ตื่นเต้นมากค่ะ พอเห็นว่าได้คำว่า "น่าเกลียด" นี่เก็บเสียงร้องไว้ไม่อยู่เลย
แอบยากนะ เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลย พอครูน้ำถามว่าจะเปลี่ยนไหม เรากลับปฏิเสธ เพราะอยากลองทำอะไรที่มันท้าทายตัวเองดู เราก็มานั่งคิดว่าเราจะเอารูปอะไรดีนะที่จะไม่ให้ใครเดาได้ว่าเป็นหัวข้อนี้และเป็นรูปจากเรา แต่สุดท้ายก็มีคนเดาได้ว่าเราเป็นเจ้าของรูปค่ะ เพราะจุดยืนหนักแน่นมาก 555555 เราเป็นเฟมินิสต์ค่ะ รูปมันเลยออกมาในแนว ๆ นี้
ทุกคนคงสงสัยว่า "แกเป็นเฟมินิสต์แล้วแกเลือกรูปนี้มาในหัวข้อน่าเกลียดทำม้ายยยยย!?"
นั่นแหละค่ะคือจุดประสงค์ของเรา เพราะเราไม่ได้หมายความว่าคนในรูปน่าเกลียด แต่เราตั้งคำถามกับคนที่ต่อว่าเหล่าสาว ๆ และให้ค่าพวกเธอด้วยการแต่งตัวว่าใครกันแน่ที่น่าเกลียดกว่ากัน (อันนี้ก็โดนจับได้ว่าเป็นตัวเองค่ะ เศร้าเลย ฮือออออ)
แล้วพอได้รับความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ในคลาสเรียน พร้อมรู้โจทย์ว่าต้องเปลี่ยนมุมมอง
การเขียนนี่เราร้องไห้หนักมากค่ะ ยอมรับว่าเป็นนักเขียนที่ไม่ดีนิดหนึ่ง เราคิดว่าเรากลับมุมมองการเขียนให้เป็นคนที่ต่อว่าไม่ได้ค่ะ (ถึงอุดมการณ์จะกินไม่ได้แต่เราก็ดื้อเป็นนะ ทำไม่ได้โว้ยยยย เศร้ามาก) เราก็เลยใช้กระจกเป็นตัวสะท้อนความต่างแทนค่ะ เพื่อย้อนแย้งกับแนวคิดการตีกรอบของสังคม เสียดสีว่ากระจกที่เป็นตัวแทนของ "กรอบ" ยังรับไม่ได้กับการที่สังคมจำกัดการแต่งตัวให้กับผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ ถึงแม้งานเขียนจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แก้หลายรอบมากกกกกกกก นั่งแคะสนิมที่เกาะมานานแรมปีสนุกเชียวค่ะ แต่ก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ❤
ขอบคุณภาพปกจาก วรญ และภาพประกอบจาก roseaposey
**ลิขสิทธิ์งานเขียนและภาพถ่ายเป็นของผู้สร้างผลงาน**
--------------------------
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in