อันดับ 10 ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (ปารีส แซงต์แชร์กแมง)
หนึ่งในสุดยอดกองหน้ายุคปัจจุบันชาวสวีเดน ย้ายจากเอซีมิลานเข้าสู่เมืองหลวงฝรั่งเศสเมื่อปี 2012 นอกจากนี้แล้ว อีบราฮีโมวิช ยังเป็นเจ้าของสถิติทำประตูให้กับทีมชาติสวีเดนได้สูงสุด คือ 50 ประตู
อันดับ 9 มาริโอ บาโลเตลลี่ (ลิเวอร์พูล)
กองหน้าสามช่าสุดเกรียนชาวอิตาเลียนผู้นี้โด่งดังมาจากการเป็นสุดยอดดาวรุ่งของยุค และยิ่งดังขึ้นไปอีกเมื่อซุปเปอร์มาริโอชอบเล่นพิเรนทร์ทั้งในสนามและในชีวิตประจำวันจนเป็นข่าวให้ได้ฮากันอยู่เสมอ จุดพลุเล่นในบ้านตัวเองจนไฟไหม้ เป็นต้น เขาย้ายเข้าสู่รั้วแอนฟิลด์ในปี 2014 ในฐานะผู้เติมเต็มการจากไปของหลุยส์ ซัวเรส ซึ่งผลลัพธ์ก็อย่างที่ทราบกันอยู่ว่าไม่คุ้มเม็ดเงินเอาเสียเลย
อันดับ 8 อาร์เยน ร็อบเบน(บาเยิร์น มิวนิค)
ปีกชาวฮอลแลนด์ผู้ที่เส้นผมทรยศอายุไปหลายขุม เป็นซุปเปอร์สตาร์ประจำค่ายเสือใต้ บาร์เยินมิวนิคมาตั้งแต่ปี 2009 ซัดไปแล้ว 73 ประตูจากการลงสนาม 127 นัด
อันดับ 7 อเล็กซิส ซานเชซ(อาร์เซนอล)
กองหน้ากึ่งปีกชาวชิลีเจ้าของแชมป์โคปาอเมริกาปีล่าสุด ย้ายจากสโมสรบาเซโลนาเข้าสู่ปืนใหญ่อาร์เซนอลด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ซึ่งแฟนปืนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “โคตรคุ้ม” จนกลายมาเป็นนักเตะขวัญใจชาวกูนเนอร์ทั่วโลก (ทำไมแกต้องถกขากางเกงตลอดเลยเนี่ย)
อันดับ 6 เชส ฟาเบรกาส(เชลซี)
อดีตกัปตันทีมอาเซน่อลชาวสเปน ย้ายกลับมาเข้ามาสู่เกาะอังกฤษในปี 2014 หลังจากที่ไปตามหาความฝันกับบาเซโลน่าอยู่ซักพัก ทำเรื่องช๊อคโลกโดยการย้ายเข้าสู่สโมสรคู่ปรับร่วมเมืองลอนดอนของอาเซน่อลอย่าง สิงโตน้ำเงินครามเชลซี ซึ่งไม่รู้ว่าอาเซน่อลยังจะเจ็บแค้นที่ไม่ยอมดึงตัวกลับมาอยู่หรือเปล่า เพราะเจ้าตัวเป็นเจ้าของตำแหน่งแอสสิสท์สูงสุดถึง 19 ลูก ทำให้เชลซีได้เถลิงแชมป์ไปในปีแรกที่ฟาเบรกาสย้ายเข้ามาสู่ทีม
อันดับ 5 อังเคล ดิ มาเรีย(แมนฯยูไนเต็ด)
ปีกด๊อบบี้ผู้ที่ย้ายมาจากสโมสรเรียล มาดริด สู่ผีแดง แมนเชสเตอร์ยูไดเต็ด ในปี2014 ผู้ที่จะเป็นความหวังในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียลีกสมัยที่ 21 ซึ่งผลงานไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวังเอาไว้ ส่งผลให้กลายเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ในครึ่งฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าด๊อบบี้จะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองในเกาะอังกฤษอีกสักปี หรือว่าเจ้าของค่าตัวมหาศาลกว่า 70 ล้านยูโร หรือราวๆ 59.7 ล้านปอนด์ ต้องเก็บข้าวของไปพิสูจน์ตัวเองที่อื่น
อันดับ 4 ราดาเมล ฟัลเกา(แมนฯยูไนเต็ด)
กองหน้าชาวโคลอมเบียเจ้าของฉายา El Tigre หรือไอ้เสือร้าย ผู้ที่ถล่มประตูพังตาข่ายเป็นว่าเล่น ย้ายเข้าสู่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวจากสโมสรโมนาโกในฝรั่งเศสเป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งตอนนี่ก็เก็บกระเป๋าเข้าสู่ลอนดอน โดยมีเชลซีเป็นผู้รับเช่าต่อหลังจากที่โชว์ฟอร์มการเล่นอย่างไม่น่าประทับใจ (เอาเสียเลย) ในสีเสื้อปีศาจแดง
อันดับ 3 เจมส์ โรดริเกซ(เรอัล มาดริด)
นักเตะชาวโคลอมเบียบ้านเดียวกับพี่เสือด้านบน โด่งดังเป็นพลุแตกมาจากการโชว์ฟอร์มการเล่นอย่างยอดเยี่ยมในเวทีฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดที่บราซิล จนทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่างเรียล มาดริดยอมทุ่มเงินกว่า 80 ล้านยูโร เพื่อให้พ่อหนุ่มคนนี้มาวาดลวดลายสังเวียนแข้งในสนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว
อันดับ 2 ลีโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)
เอาเป็นว่าเราไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของเมสซี่ให้เสียเวลา เพราะนี่คือสุดยอดนักเตะอันดับหนึ่งบนโลกยุคปัจจุบัน เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม และถ้วยประดับตู้สโมสรนับไม่ถ้วน ในปีล่าสุด พังตาข่ายไปถึง 41 ลูก แถมยังจ่ายให้เพื่อนยิงอีก 19 ลูก (โห!)
อันดับ 1 คริสติอาโน่ โรนัลโด้(เรอัล มาดริด)
นักเตะสุดหล่อผู้ที่ถูกจับตาว่าเป็นคู่ปรับตลอดกาลของลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งสลับกันได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมมาตลอด เรียกได้ว่าหากโลกนี้ไม่มีชายที่ชื่อลิโอเนล เมสซี่ แล้วหละก็ CR7 คนนี้แหละที่จะเป็นนักเตะอันดับหนึ่ง ซึ่งเรื่องผลงานในสนามไร้ข้อกังหาอย่างสิ้นเชิง และตัวเขาเองยังเป็นพ่อพระใจบุญนอกสนาม มีองค์กรการกุศลเป็นของตัวเองหลายแห่ง
อ้างอิง : footballdj.com , adifferentleague.co.uk , eurosport.fr , dailycannon.com , theguardian.com , independent.ie , soccerlens.com , au.eurosport.com , footballgate.com , autoronaldo.com